เจ้าของบริษัทสกรีนเสื้อ ก่อเหตุหฤโหด จ่อยิงทิ้ง เมีย กับคนงานหนุ่มที่เป็นกิ๊กกับเมีย และทอมบอยเพื่อนเมียตายรวม 3 ศพคาบ้าน แล้วหลบหนีไป สันนิษฐานปมหึงโหด พบเคยใช้ปืนจ่อหัวขู่เตือนมาครั้งหนึ่งแล้ว ตำรวจเร่งตามล่าตัวมาดำเนินคดีแล้ว
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.ทองอยู่ นาคะสนธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สารวัตรเวร สน.หนองแขม รับแจ้งพบศพถูกยิงเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 45/426 หมู่บ้านพงษ์ศิริชัย 4 ซอยย่อย 18 ซอยเพชรเกษม 81 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบกน.9 พ.ต.อ.ชำนาญ เครือบัว พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.ดนัย วรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น เมื่อตำรวจเปิดประตูเข้าไปก็พบศพนายศักดิ์ชัย หรือยุ่น มีคำ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ต.ตาเนิน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ นอนเสียชีวิตจมกองเลือดขวางประตูอยู่ ในลักษณะตะแคงขวา สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม.เข้าที่ใต้ตาขวา ทะลุท้ายทอย 1 นัด ถัดไปภายในบ้านที่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ พบศพ น.ส.กัลยาณี หรือ เก๋ เห็นไพรวัลย์ อายุ 26 ปี นอนตะแคงซ้าย จมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หูขวา กระสุนตุงอยู่ภายใน และศพสุดท้ายห่างออกไปอีกประมาณ 2 เมตร อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ พบศพ น.ส.สุวรรณา หรือปู พลัดพริ้ง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 10 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขา 3 ส่วนสีเขียวขี้ม้า มีลักษณะทอมบอย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด ในลักษณะใช้ปากกระบอกปืนกดหัวเหนี่ยวไก
จากการตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุ พบปลอกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 2 ปลอก และที่บริเวณพื้นลานจอดรถหน้าบ้าน พบหัวกระสุนตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บเป็นหลักฐาน ในขณะที่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ พบขวดเบียร์ 4 ขวด และใต้โต๊ะอีก 3 ขวด ตั้งวางอยู่
จากการสอบสวน นายสรายุทธ พูลมาก อายุ 21 ปี ให้การว่า เป็นลูกจ้างและคนงานของเจ้าของบ้าน ชื่อ นายพิชัยลักษณ์ องค์วงศ์สกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1952 หมู่ 1 แขวงและเขตหนองแขม กทม.ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.กัลยาณี โดยเปิดบริษัททำธุรกิจในการรับสกรีนเสื้อผ้าอยู่ที่ย่านกระทุ่มแบน และพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วน นายศักดิ์ชัย เป็นเพื่อนคนงานด้วยกันซึ่งพักอยู่ที่ชั้น 3 ของบ้านที่เกิดเหตุ ในขณะที่ น.ส.สุวรรณา เป็นทอมบอย และเป็นเพื่อนของ น.ส.กัลยาณี ซึ่งมักจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ
นายสรายุทธ ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.นายพิชิตลักษณ์กับผู้ตายทั้งหมดรวม 4 คน ได้นั่งดื่มเบียร์อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเมื่อเวลา 22.00 น.นายพิชัยลักษณ์ ได้ใช้ให้ไปซื้อเบียร์มาเพิ่ม และเมื่อซื้อเบียร์มาให้แล้ว ตนได้ขอตัวกลับไปพักผ่อนยังบ้านของตน และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งต่อมา ทราบว่า มีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นภายในบ้าน 3 นัด แต่ไม่มีใครสนใจ หรือแจ้งความกับตำรวจ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีในย่านนั้นว่า นายพิชัยลักษณ์ ชอบเล่นปืน และบ่อยครั้งก็หยิบปืนมายิงขึ้นฟ้าเล่น จนกระทั่งเช้าจึงมาทราบว่า ทั้ง 3 คน ถูกยิงเสียชีวิตหมด ในขณะที่นายพิชัยลักษณ์ หายตัวไป
จากการสอบสวนต่อมา ตำรวจทราบว่า เมื่อเวลา 22.00 น.มี น.ส.อภิสรา ดาเหล็ก อายุ 29 ปี แฟนสาวของ น.ส.สุวรรณา ได้เดินทางมาตามหา น.ส.สุวรรณา ยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่เมื่อ น.ส.อภิสรา เดินทางมาถึงที่หน้าบ้าน พบว่า ไฟในบ้านยังเปิดอยู่ พร้อมเสียงเพลง จึงได้ตะโกนเรียก น.ส.สุวรรรณา แต่ไม่มีใครตอบรับ หรือออกมานอกบ้าน จึงได้เดินทางกลับ เพราะคิดว่าไม่ใครอยู่ หลังจากนั้นต่อมา มี นางวันทนา พิศวาท อายุ 30 ปี พี่สาวของ น.ส.สุวรรณา เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อตามหาน้องสาวอีกครั้ง และได้พบเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่ น.ส.อภิสรา ประสบ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปภายในบ้าน ได้แต่นั่งรออยู่จนกระทั่งเวลา 02.00 น.จึงเดินทางกลับ กระทั่งช่วงเช้า จึงไปแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบและก็พบทั้ง 3 คนถูกยิงเสียชีวิตหมดแล้ว
ตามแนวทางการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง ที่ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์ชัย กับ น.ส.กัลยาณี แอบเป็นกิ๊กซึ่งกันและกัน โดยเรื่องดังกล่าวล่วงรู้ถึงหูนายพิชัยลักษณ์ ผู้เป็นสามี ถึงขนาดที่นายพิชัยลักษณ์ ข่มขู่ทั้งคู่ ด้วยการนำอาวุธปืนออกมาจ่อหัวทั้ง 2 คน ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน จนกระทั่งมาก่อเหตุขึ้นในวันนี้ โดยคาดว่า นายพิชัยลักษณ์ น่าจะใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาตัวเองก่อนที่โต๊ะคอมพิวเอตร์ จากนั้นหันไปยิงใส่ นายศักดิ์ชัย จนเสียชีวิตที่หน้าประตู และตามไปกดหัวจ่อยิง น.ส.สุวรรณา ที่หน้าห้องน้ำจนเสียชีวิตทั้ง 3 คน ก่อนที่จะหลบหนีไปหลังก่อเหตุ ซึ่งตำรวจจะได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพิชิตลักษณ์มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ดนัย วรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบรถกระบะ อีซูซุ ทะเบียน ชง 1389 กทม.จอดหน้าบ้าน โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถของนายพิชัยลักษณ์ องค์วงศ์สกุล อายุ 37 ปี สามีน.ส.กัลยาณี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เนื่องจากนายศักดิ์ชัยผู้ตายเป็นลูกจ้างในร้านสกรีนเสื้อของนายพิชัยลักษณ์ ได้ติดพันน.ส.กัลยาณี โดยอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวด้วยกัน จนก่อนหน้านี้นายพิชัยลักษณ์จับได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว จึงนำปืนออกมาจ่อศีรษะภรรยาและนายศักดิ์ชัย และข่มขู่ว่าให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน
"หลังจากเรื่องคราวนั้น นายพิชัยลักษณ์ อาจจะยังระแวงว่าทั้งคู่ยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกัน จนเมื่อมานั่งดื่มเบียร์จนเมา อาจนึกถึงเรื่องในอดีตจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น จึงใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ส่วนน.ส.สุวรรณา จะต้องสืบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ตอนนี้ให้ฝ่ายสืบสวนออกตามตัวนายพิชัยลักษณ์ ไปที่ร้านสกรีนเสื้อ ย่านอ้อมน้อย แต่ไม่พบและยังปริ้นภาพจากทะเบียนประวัติออกแจกจ่ายเพื่อหาเบาะแส รวมทั้งได้ทำเรื่องขออนุมัติจากศาลออกหมายจับด้วย" พ.ต.อ.ดนัย กล่าว


วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.ทองอยู่ นาคะสนธิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สารวัตรเวร สน.หนองแขม รับแจ้งพบศพถูกยิงเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 45/426 หมู่บ้านพงษ์ศิริชัย 4 ซอยย่อย 18 ซอยเพชรเกษม 81 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบกน.9 พ.ต.อ.ชำนาญ เครือบัว พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.นักรบ สุดใจ ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.ดนัย วรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น เมื่อตำรวจเปิดประตูเข้าไปก็พบศพนายศักดิ์ชัย หรือยุ่น มีคำ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ต.ตาเนิน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ นอนเสียชีวิตจมกองเลือดขวางประตูอยู่ ในลักษณะตะแคงขวา สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม.เข้าที่ใต้ตาขวา ทะลุท้ายทอย 1 นัด ถัดไปภายในบ้านที่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ พบศพ น.ส.กัลยาณี หรือ เก๋ เห็นไพรวัลย์ อายุ 26 ปี นอนตะแคงซ้าย จมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่หูขวา กระสุนตุงอยู่ภายใน และศพสุดท้ายห่างออกไปอีกประมาณ 2 เมตร อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ พบศพ น.ส.สุวรรณา หรือปู พลัดพริ้ง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 10 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขา 3 ส่วนสีเขียวขี้ม้า มีลักษณะทอมบอย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด ในลักษณะใช้ปากกระบอกปืนกดหัวเหนี่ยวไก
จากการตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุ พบปลอกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 2 ปลอก และที่บริเวณพื้นลานจอดรถหน้าบ้าน พบหัวกระสุนตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บเป็นหลักฐาน ในขณะที่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ พบขวดเบียร์ 4 ขวด และใต้โต๊ะอีก 3 ขวด ตั้งวางอยู่
จากการสอบสวน นายสรายุทธ พูลมาก อายุ 21 ปี ให้การว่า เป็นลูกจ้างและคนงานของเจ้าของบ้าน ชื่อ นายพิชัยลักษณ์ องค์วงศ์สกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1952 หมู่ 1 แขวงและเขตหนองแขม กทม.ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.กัลยาณี โดยเปิดบริษัททำธุรกิจในการรับสกรีนเสื้อผ้าอยู่ที่ย่านกระทุ่มแบน และพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วน นายศักดิ์ชัย เป็นเพื่อนคนงานด้วยกันซึ่งพักอยู่ที่ชั้น 3 ของบ้านที่เกิดเหตุ ในขณะที่ น.ส.สุวรรณา เป็นทอมบอย และเป็นเพื่อนของ น.ส.กัลยาณี ซึ่งมักจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ
นายสรายุทธ ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.นายพิชิตลักษณ์กับผู้ตายทั้งหมดรวม 4 คน ได้นั่งดื่มเบียร์อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเมื่อเวลา 22.00 น.นายพิชัยลักษณ์ ได้ใช้ให้ไปซื้อเบียร์มาเพิ่ม และเมื่อซื้อเบียร์มาให้แล้ว ตนได้ขอตัวกลับไปพักผ่อนยังบ้านของตน และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งต่อมา ทราบว่า มีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นภายในบ้าน 3 นัด แต่ไม่มีใครสนใจ หรือแจ้งความกับตำรวจ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีในย่านนั้นว่า นายพิชัยลักษณ์ ชอบเล่นปืน และบ่อยครั้งก็หยิบปืนมายิงขึ้นฟ้าเล่น จนกระทั่งเช้าจึงมาทราบว่า ทั้ง 3 คน ถูกยิงเสียชีวิตหมด ในขณะที่นายพิชัยลักษณ์ หายตัวไป
จากการสอบสวนต่อมา ตำรวจทราบว่า เมื่อเวลา 22.00 น.มี น.ส.อภิสรา ดาเหล็ก อายุ 29 ปี แฟนสาวของ น.ส.สุวรรณา ได้เดินทางมาตามหา น.ส.สุวรรณา ยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่เมื่อ น.ส.อภิสรา เดินทางมาถึงที่หน้าบ้าน พบว่า ไฟในบ้านยังเปิดอยู่ พร้อมเสียงเพลง จึงได้ตะโกนเรียก น.ส.สุวรรรณา แต่ไม่มีใครตอบรับ หรือออกมานอกบ้าน จึงได้เดินทางกลับ เพราะคิดว่าไม่ใครอยู่ หลังจากนั้นต่อมา มี นางวันทนา พิศวาท อายุ 30 ปี พี่สาวของ น.ส.สุวรรณา เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อตามหาน้องสาวอีกครั้ง และได้พบเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่ น.ส.อภิสรา ประสบ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปภายในบ้าน ได้แต่นั่งรออยู่จนกระทั่งเวลา 02.00 น.จึงเดินทางกลับ กระทั่งช่วงเช้า จึงไปแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบและก็พบทั้ง 3 คนถูกยิงเสียชีวิตหมดแล้ว
ตามแนวทางการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง ที่ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์ชัย กับ น.ส.กัลยาณี แอบเป็นกิ๊กซึ่งกันและกัน โดยเรื่องดังกล่าวล่วงรู้ถึงหูนายพิชัยลักษณ์ ผู้เป็นสามี ถึงขนาดที่นายพิชัยลักษณ์ ข่มขู่ทั้งคู่ ด้วยการนำอาวุธปืนออกมาจ่อหัวทั้ง 2 คน ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน จนกระทั่งมาก่อเหตุขึ้นในวันนี้ โดยคาดว่า นายพิชัยลักษณ์ น่าจะใช้อาวุธปืนยิงใส่ภรรยาตัวเองก่อนที่โต๊ะคอมพิวเอตร์ จากนั้นหันไปยิงใส่ นายศักดิ์ชัย จนเสียชีวิตที่หน้าประตู และตามไปกดหัวจ่อยิง น.ส.สุวรรณา ที่หน้าห้องน้ำจนเสียชีวิตทั้ง 3 คน ก่อนที่จะหลบหนีไปหลังก่อเหตุ ซึ่งตำรวจจะได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพิชิตลักษณ์มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ดนัย วรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบรถกระบะ อีซูซุ ทะเบียน ชง 1389 กทม.จอดหน้าบ้าน โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถของนายพิชัยลักษณ์ องค์วงศ์สกุล อายุ 37 ปี สามีน.ส.กัลยาณี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เนื่องจากนายศักดิ์ชัยผู้ตายเป็นลูกจ้างในร้านสกรีนเสื้อของนายพิชัยลักษณ์ ได้ติดพันน.ส.กัลยาณี โดยอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวด้วยกัน จนก่อนหน้านี้นายพิชัยลักษณ์จับได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว จึงนำปืนออกมาจ่อศีรษะภรรยาและนายศักดิ์ชัย และข่มขู่ว่าให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน
"หลังจากเรื่องคราวนั้น นายพิชัยลักษณ์ อาจจะยังระแวงว่าทั้งคู่ยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกัน จนเมื่อมานั่งดื่มเบียร์จนเมา อาจนึกถึงเรื่องในอดีตจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น จึงใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต ส่วนน.ส.สุวรรณา จะต้องสืบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ตอนนี้ให้ฝ่ายสืบสวนออกตามตัวนายพิชัยลักษณ์ ไปที่ร้านสกรีนเสื้อ ย่านอ้อมน้อย แต่ไม่พบและยังปริ้นภาพจากทะเบียนประวัติออกแจกจ่ายเพื่อหาเบาะแส รวมทั้งได้ทำเรื่องขออนุมัติจากศาลออกหมายจับด้วย" พ.ต.อ.ดนัย กล่าว