ตำรวจจับกุม 2 สารเลว ยิงตำรวจสายตรวจ สน.บางเขนเสียชีวิต 2 ศพ ได้ครบแล้ว พบประวัติสุดแสบ ก่อคดียาวเป็นหางว่าว มือลั่นไกบอก ไม่ได้ตั้งใจฆ่า แค่ต้องการยิงเปิดทางหนี พร้อมรับติดยาบ้างอมแงม
วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น.หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 แถลงข่าวจับกุม นายชัยณรงค์ หรือ ปุ้ย ดำแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 8 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.และนายธรรมรัตน์ หรือ เก่ง ปุระสุวรรณ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/186 ซอยพหลโยธิน 54 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม.ซึ่งก่อเหตุยิง จ.ส.ต.วิมล เวชกุล และ จ.ส.ต.สุริยันต์ พุทธขันธ์ ตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กฤษฎา ในฐานะหัวหน้าชุด ได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อเร่งติดตามหาตัวคนร้าย โดยแกะรอยจากการสอบปากคำพยาน เพื่อหาตำหนิรูปพรรณคนร้ายและรถจักรยายนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอาวุธปืนลูกซองสั้นของคนร้ายรวมทั้งพยานหลักฐานเป็นหัวกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ กระทั่งสามารถจับกุมทั้ง 2 คนรายได้
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า คนร้ายทั้งสองเคยก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์สินมาแล้วหลายครั้ง โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในละแวกดอนเมือง สะพานใหม่ และใกล้เคียงจึงตรวจสอบประวัติภาพถ่ายของคนร้ายประเภทนี้ในเขตท้องที่ บก.น.2 และพื้นที่เขตติดต่อย่านลำลูกกา รังสิต ปากเกร็ด และปทุมธานี โดยนำภาพถ่ายของคนร้ายดังกล่าวมาให้พยานยืนยันและเปรียบเทียบกับภาพสเกตช์ตามหมายจับ กระทั่งพยานสามารถชี้และยืนยันภาพของคนร้ายที่เคยมีประวัติทั้งสองคนได้อย่างถูกต้อง
“ขณะเกิดเหตุ จ.ส.ต.วิมล และ จ.ส.ต.สุริยันต์ ได้รับแจ้งจากสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ว่า มีวัยรุ่น จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีพฤติกรรมน่าสงสัย ว่าจะเป็นคนร้ายกำลังออกตระเวนหาเหยื่อย่านห้างบิ๊กซี สะพานใหม่ ปากซอยพหลโยธิน และกำลังมุ่งหน้าไปยังถนนรามอินทรา ขาออก จึงรีบไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง และติดตามไปทันกันที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 5 แต่คนร้ายรู้ตัวขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอีกหลายซอย ในที่สุดคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในซอยรามอินทรา 23 แยก 18 ซึ่งเป็นซอยตัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจึงหยุดรถที่บริเวณปากซอยดังกล่าว พร้อมกับวิทยุแจ้งให้ตำรวจสายตรวจอื่นมาสมทบ เพื่อร่วมสกัดจับคนร้าย แต่ปรากฏว่า คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมา จึงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายเรียกให้หยุด แต่คนร้ายไม่ยอมหยุด และคนที่นั่งซ้อนท้าย ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น ยิงใส่ตำรวจ จำนวน 1 นัด ระยะห่างเพียง 2 เมตร ทำให้ตำรวจทั้งสองรายถูกยิง เข้าที่บริเวณท้อง 1 ราย และศีรษะ 1 ราย โดยทั้งสองรายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล” พล.ต.ท.อดิศร กล่าว
ทั้งนี้ นายชัยณรงค์ หรือ ปุ้ย นั้น มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่ปี 2542 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน ปี 2543 ต้องคดีร่วมกันโทรมหญิง ท้องที่ สน.ดอนเมือง ปี 2544 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน และปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.ดอนเมือง ส่วนคดีชิงทรัพย์นั้นก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วน แต่รอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ล่าสุด ซึ่งมีพยานยืนยันว่า นายชัยณรงค์ เป็นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายตรงตามภาพสเกตช์
ส่วน นายธรรมรัตน์ หรือ เก่ง มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชนเช่นกัน ตั้งแต่ปี 2540 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน คดีครอบครองเพื่อจำหน่ายยาบ้า ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2544 ต้องคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.บางเชน จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ล่าสุดซึ่งมีพยานยืนยันว่า นายธรรมรัตน์เป็นคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยายนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้เป็นยานพาหนะตรงตามภาพสเกตช์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พร้อมนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายชัยณรงค์ ผู้ต้องหา สารภาพว่า คืนที่เกิดเหตุตนและเพื่อนเพียงออกมาขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเล่น ไม่ได้ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่มาเจอตำรวจขับรถไล่ตามหลังมาจึงหนีเข้าซอยรามอินทรา 23 ไม่รู้ว่าเป็นซอยตัน พอกลับรถจะออกเจอตำรวจ 2 นายดักรออยู่บริเวณปากซอย จึงชักปืนยิงใส่ตำรวจไม่คิดว่าจะเสียชีวิตและไม่ได้ตั้งใจ แต่ยิงเพื่อหวังเปิดทางหนีเท่านั้น พอรู้ว่าตำรวจตายทั้งสองคนก็อยากจะกราบขอขมาศพ พร้อมกล่าวยอมรับว่า ติดยาบ้างอมแงมต้องเสพวันละ 4-5 เม็ดนำเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์ไปซื้อยา ส่วนปืนนั้นเป็นปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่พกติดตัวมาตลอดไว้ป้องกันตัวหากถูกจับกุม
ส่วนนายธรรมรัตน์ รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยเป็นนักแข่งรถ จยย.ตามสนามแข่งต่างๆ ตกกลางคืนก็ออกเที่ยวราตรี หลังเกิดเหตุตกใจรีบขับรถหนีไปกบดานบ้านพี่สาว จนถูกตำรวจจับกุมได้ พร้อมยอมรับว่า ติดยาบ้าต้องเสพวันละ 2-3 เม็ด หาเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์มาซื้อยาบ้า
ลูกชาย ตร.บางเขน อยากให้ประหารคนร้าย!
ขอฝากชีวิต ตร.สายตรวจ ไว้กับผู้บังคับบัญชา!
ล็อกแล้ว! 1 วายร้ายฆ่า 2 ตำรวจบางเขน - เค้นล่ามือลั่นไก!
ปูนบำเหน็จ “2 จ่า” เหยื่อกระสุนโจรโฉด เลื่อนยศเป็น “พ.ต.ต.”
สอง ตร.สายตรวจพลีชีพ! ไล่จับโจรจนมุมโดนชักลูกซองยิงสวนตายทั้งคู่


วันนี้ (3 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น.หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 แถลงข่าวจับกุม นายชัยณรงค์ หรือ ปุ้ย ดำแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 8 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.และนายธรรมรัตน์ หรือ เก่ง ปุระสุวรรณ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/186 ซอยพหลโยธิน 54 แขวงสายไหม เขตสายไหม กทม.ซึ่งก่อเหตุยิง จ.ส.ต.วิมล เวชกุล และ จ.ส.ต.สุริยันต์ พุทธขันธ์ ตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กฤษฎา ในฐานะหัวหน้าชุด ได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อเร่งติดตามหาตัวคนร้าย โดยแกะรอยจากการสอบปากคำพยาน เพื่อหาตำหนิรูปพรรณคนร้ายและรถจักรยายนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอาวุธปืนลูกซองสั้นของคนร้ายรวมทั้งพยานหลักฐานเป็นหัวกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ กระทั่งสามารถจับกุมทั้ง 2 คนรายได้
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า คนร้ายทั้งสองเคยก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์สินมาแล้วหลายครั้ง โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในละแวกดอนเมือง สะพานใหม่ และใกล้เคียงจึงตรวจสอบประวัติภาพถ่ายของคนร้ายประเภทนี้ในเขตท้องที่ บก.น.2 และพื้นที่เขตติดต่อย่านลำลูกกา รังสิต ปากเกร็ด และปทุมธานี โดยนำภาพถ่ายของคนร้ายดังกล่าวมาให้พยานยืนยันและเปรียบเทียบกับภาพสเกตช์ตามหมายจับ กระทั่งพยานสามารถชี้และยืนยันภาพของคนร้ายที่เคยมีประวัติทั้งสองคนได้อย่างถูกต้อง
“ขณะเกิดเหตุ จ.ส.ต.วิมล และ จ.ส.ต.สุริยันต์ ได้รับแจ้งจากสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรม ว่า มีวัยรุ่น จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีพฤติกรรมน่าสงสัย ว่าจะเป็นคนร้ายกำลังออกตระเวนหาเหยื่อย่านห้างบิ๊กซี สะพานใหม่ ปากซอยพหลโยธิน และกำลังมุ่งหน้าไปยังถนนรามอินทรา ขาออก จึงรีบไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง และติดตามไปทันกันที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 5 แต่คนร้ายรู้ตัวขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอีกหลายซอย ในที่สุดคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในซอยรามอินทรา 23 แยก 18 ซึ่งเป็นซอยตัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจึงหยุดรถที่บริเวณปากซอยดังกล่าว พร้อมกับวิทยุแจ้งให้ตำรวจสายตรวจอื่นมาสมทบ เพื่อร่วมสกัดจับคนร้าย แต่ปรากฏว่า คนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมา จึงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายเรียกให้หยุด แต่คนร้ายไม่ยอมหยุด และคนที่นั่งซ้อนท้าย ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น ยิงใส่ตำรวจ จำนวน 1 นัด ระยะห่างเพียง 2 เมตร ทำให้ตำรวจทั้งสองรายถูกยิง เข้าที่บริเวณท้อง 1 ราย และศีรษะ 1 ราย โดยทั้งสองรายทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล” พล.ต.ท.อดิศร กล่าว
ทั้งนี้ นายชัยณรงค์ หรือ ปุ้ย นั้น มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่ปี 2542 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน ปี 2543 ต้องคดีร่วมกันโทรมหญิง ท้องที่ สน.ดอนเมือง ปี 2544 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน และปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.ดอนเมือง ส่วนคดีชิงทรัพย์นั้นก่อเหตุมานับครั้งไม่ถ้วน แต่รอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ล่าสุด ซึ่งมีพยานยืนยันว่า นายชัยณรงค์ เป็นคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายตรงตามภาพสเกตช์
ส่วน นายธรรมรัตน์ หรือ เก่ง มีประวัติการกระทำความผิดมาอย่างโชกโชนเช่นกัน ตั้งแต่ปี 2540 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่ สน.บางเขน คดีครอบครองเพื่อจำหน่ายยาบ้า ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2544 ต้องคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สน.สายไหม ปี 2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่ สน.บางเชน จนมาก่อคดีอุกฉกรรจ์ล่าสุดซึ่งมีพยานยืนยันว่า นายธรรมรัตน์เป็นคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยายนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ใช้เป็นยานพาหนะตรงตามภาพสเกตช์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง พร้อมนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายชัยณรงค์ ผู้ต้องหา สารภาพว่า คืนที่เกิดเหตุตนและเพื่อนเพียงออกมาขี่รถจักรยานยนต์เที่ยวเล่น ไม่ได้ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่มาเจอตำรวจขับรถไล่ตามหลังมาจึงหนีเข้าซอยรามอินทรา 23 ไม่รู้ว่าเป็นซอยตัน พอกลับรถจะออกเจอตำรวจ 2 นายดักรออยู่บริเวณปากซอย จึงชักปืนยิงใส่ตำรวจไม่คิดว่าจะเสียชีวิตและไม่ได้ตั้งใจ แต่ยิงเพื่อหวังเปิดทางหนีเท่านั้น พอรู้ว่าตำรวจตายทั้งสองคนก็อยากจะกราบขอขมาศพ พร้อมกล่าวยอมรับว่า ติดยาบ้างอมแงมต้องเสพวันละ 4-5 เม็ดนำเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์ไปซื้อยา ส่วนปืนนั้นเป็นปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่พกติดตัวมาตลอดไว้ป้องกันตัวหากถูกจับกุม
ส่วนนายธรรมรัตน์ รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เคยเป็นนักแข่งรถ จยย.ตามสนามแข่งต่างๆ ตกกลางคืนก็ออกเที่ยวราตรี หลังเกิดเหตุตกใจรีบขับรถหนีไปกบดานบ้านพี่สาว จนถูกตำรวจจับกุมได้ พร้อมยอมรับว่า ติดยาบ้าต้องเสพวันละ 2-3 เม็ด หาเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์มาซื้อยาบ้า
ลูกชาย ตร.บางเขน อยากให้ประหารคนร้าย!
ขอฝากชีวิต ตร.สายตรวจ ไว้กับผู้บังคับบัญชา!
ล็อกแล้ว! 1 วายร้ายฆ่า 2 ตำรวจบางเขน - เค้นล่ามือลั่นไก!
ปูนบำเหน็จ “2 จ่า” เหยื่อกระสุนโจรโฉด เลื่อนยศเป็น “พ.ต.ต.”
สอง ตร.สายตรวจพลีชีพ! ไล่จับโจรจนมุมโดนชักลูกซองยิงสวนตายทั้งคู่