พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 1.4 หมื่นบาท “ทนายทรราช” ธนา เบญจาทิกุล ปากกล้าหมิ่นศาล สารภาพศาลปรานีศาลลดโทษเหลือ 6 เดือน ปรับ 7 พันบาท ให้โอกาสกลับตัวรอลงอาญา 2 ปี เจ้าตัวน้อมรับคำพิพากษาทำหน้าที่ทนายความที่ดี
วันนี้ (28 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 714 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ที่พนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง นายธนา เบญจาทิกุล ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่นผู้พิพากษาหรือศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 กรณีให้สัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์ ศาลอาญาที่พิพากษาจำคุกและไม่ให้ประกันตัว พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กับนายวีระชัย แนวบุญเนียร กรรมการการเลือกเมื่อวันที่ 25 ก.ค.2549 จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2549 ศาลอาญา ได้มีคำพิพากษาในคดีดำที่ 1234/2549 เป็นคดีหมายเลขแดงเลขที่ อ.2343/2549 ภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษาดังกล่าว จำเลยซึ่งประกอบอาชีพทนายความของพรรคไทยรักไทย และทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาคดีพิพากษาคดีดังกล่าวของศาลอาญาต่อผู้สื่อข่าว ที่บริเวณที่ทำการพรรคไทยรักไทย ว่า “ศาลพิพากษาอย่างนี้แสดงว่ามีธงมาก่อน” ผู้สื่อข่าวถามว่า “ที่บอกว่าศาลตัดสินแบบนี้ แสดงว่าศาลมีธงหมายความอย่างไรตามกฎหมาย” จำเลยตอบว่า “ก็คือว่าไม่พิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่แค่นั้น” อันเป็นการดูหมิ่นศาลอาญาหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง และแขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 จำคุก 1 ปี และปรับ 14,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 7,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะของจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยสำนึกในการกระทำความผิด โดยขอลุแก่โทษต่อศาล และผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งให้คำมั่นว่าในภายภาคหน้าจำเลยจะไม่ปฏิบัติหรือให้ความเห็นกระทบกระเทือนต่อกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป โดยจะถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยประกอบอาชีพทนายความ เคยเป็นวิทยากรอบรมและให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนโดยทั่วไป และทนายความ อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ สังคมอยู่บ้าง เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายธนา ได้นำเงินสดจำนวน 7,000 บาท ชำระค่าปรับต่อเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองยอมรับในคำพิพากษา รู้สึกซาบซึ้งใจที่ศาลมีความปรานีลงโทษในสถานเบา ต่อจากนี้ไปจะตั้งใจในการทำหน้าที่เป็นทนายความที่ดี ตามที่ศาลให้โอกาสกลับตัว
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม ว่า ต่อไปในการให้สัมภาษณ์จะต้องสงบปากสงบคำหรือไม่ นายธนา และผู้ติดตามถึงกับแสดงอาการไม่พอใจ บอกว่า ผู้สื่อข่าวใช้คำถามที่แรงเกิน ก่อนกล่าวว่า ตนจะสงบปากสงบคำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคำถามของผู้สื่อข่าวด้วย