ตำรวจกองปราบรวบอดีตเจ้าคณะอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา คาด่านปาดังเบซาร์ หลังยักยอกเงินวัด 11 ล้าน 2 แสนบาท แล้วหลบหนีลอยนวลไปนานถึง 8 ปี
วันนี้ (29 พ.ค.) พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม แถลงผลการจับกุมอดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ หรือ นายชยันตร์ อภิสุภาพ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ของวัดศรีสว่างวงศ์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา สืบเนื่องจากเมื่อปี 2542 อดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอนาทวี และเจ้าอาวาสวัดในวัง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ได้ไปรักษาการเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างวงศ์ แล้วอาศัยอำนาจยักยอกเงินของวัดศรีสว่างวงศ์ไปกว่า 11 ล้าน 2 แสนบาท กรมการศาสนาจึงนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่ นายชยันตร์ ได้หลบหนีไปนานหลายปี กระทั่งเจ้าหน้าที่มาพบตัวอีกครั้งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ในสภาพฆราวาส โดยกำลังจะเดินออกไปยังประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ นายชยันตร์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ไม่ได้ยักยอกเงินของวัดศรีสว่างวงศ์ไป ส่วนช่วงที่ผ่านมาได้สึกจากพระ แล้วไปอาศัยอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายชยันตร์ ว่า เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์/เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ/ปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกงทรัพย์ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายชยันตร์ เคยต้องคดีจ้างวานฆ่าหลานชายของตนเองมาก่อน แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และยังเคยถูกศาลพิพากษาปรับเงิน 5,000 บาท ในข้อหาเผาทำลายหลักฐานทางราชการ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้
อดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ หรือพระสายัณห์ อดีตเจ้าอาวาสวัดในวัง โด่งดังในฐานะพระนักพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นทั้งนายทหาร นายตำรวจ นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ถึงขนาดฝ่ายตำรวจเคยนิมนต์ให้เดินสายสอนธรรมะแก่ตำรวจในโรงพักทั่วภาคใต้ ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่ พระสุนทรราชมานิตเถระ และถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2544 ในข้อหาจ้างวานฆ่า ทำลายของกลาง และยักยอกทรัพย์ จนต้องลาสิกขา ทว่า ศาลยกฟ้องในคดีจ้างวานฆ่า กระทั่งมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
วันนี้ (29 พ.ค.) พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม แถลงผลการจับกุมอดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ หรือ นายชยันตร์ อภิสุภาพ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ของวัดศรีสว่างวงศ์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา สืบเนื่องจากเมื่อปี 2542 อดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอนาทวี และเจ้าอาวาสวัดในวัง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ได้ไปรักษาการเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสว่างวงศ์ แล้วอาศัยอำนาจยักยอกเงินของวัดศรีสว่างวงศ์ไปกว่า 11 ล้าน 2 แสนบาท กรมการศาสนาจึงนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่ นายชยันตร์ ได้หลบหนีไปนานหลายปี กระทั่งเจ้าหน้าที่มาพบตัวอีกครั้งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ในสภาพฆราวาส โดยกำลังจะเดินออกไปยังประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ นายชยันตร์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ไม่ได้ยักยอกเงินของวัดศรีสว่างวงศ์ไป ส่วนช่วงที่ผ่านมาได้สึกจากพระ แล้วไปอาศัยอยู่ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายชยันตร์ ว่า เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์/เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ/ปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกงทรัพย์ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายชยันตร์ เคยต้องคดีจ้างวานฆ่าหลานชายของตนเองมาก่อน แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และยังเคยถูกศาลพิพากษาปรับเงิน 5,000 บาท ในข้อหาเผาทำลายหลักฐานทางราชการ แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้
อดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ หรือพระสายัณห์ อดีตเจ้าอาวาสวัดในวัง โด่งดังในฐานะพระนักพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นทั้งนายทหาร นายตำรวจ นักการเมือง นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก ถึงขนาดฝ่ายตำรวจเคยนิมนต์ให้เดินสายสอนธรรมะแก่ตำรวจในโรงพักทั่วภาคใต้ ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ที่ พระสุนทรราชมานิตเถระ และถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2544 ในข้อหาจ้างวานฆ่า ทำลายของกลาง และยักยอกทรัพย์ จนต้องลาสิกขา ทว่า ศาลยกฟ้องในคดีจ้างวานฆ่า กระทั่งมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้