สตช.เตรียมสร้างเหรียญพิทักษ์สันติราษฎร์ มอบ ตร.ผ่านสงครามภาคใต้

สตช.ให้การดูแลและช่วยเหลือ พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย ตำรวจเหยื่อโจรใต้อย่างเต็มที่ พร้อมสั่งจัดทำรายชื่อตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ความช่วยเหลือและสิทธิขั้นพื้นฐาน ก่อนกำลังจัดทำเหรียญพิทักษ์สันติราษฎร์

วันนี้ (1 พ.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการดูแลให้ความช่วยเหลือ พ.ต.ท.วรรณะ บุญชัย รอง ผกก.ตชด.44 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เรื่องนี้ถือเป็นความกรุณาของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่หาสมัครพรรคพวกที่ต้องการช่วยเหลือผู้ปฏิบัติหน้าที่และเลี่ยงภัยในภาคใต้ ที่หากจะบาดเจ็บและล้มตาย ในเรื่องนี้ทาง ตร.ก็มีกองทุนที่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้อยู่ ซึ่งมีทั้งในระบบและนอกระบบ แต่ส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนที่ควรจะได้เพิ่มเติมจากที่ได้รับอีกรายละ 1 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ได้มีการมอบให้ พ.ต.อ.นพดล เผือกโสมณ รอง ผบก.จว.นราธิวาส ซึ่งครั้งนี้ก็จะมีการมอบให้ พ.ต.ท.วรรณะ ที่ได้รับบาดเจ็บนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.อีก

รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ตร.จะมีการจัดทำรายชื่อตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือและสิทธิขั้นพื้นฐานก่อน ซึ่งตอนนี้กำลังจัดทำเหรียญพิทักษ์สันติราษฎร์ โดยกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรูปลักษณ์ของเหรียญและจะมีการเสนอรัฐบาลออกเป็นพระราชบัญญัติ ต่อไปตำรวจหรือผู้ที่ร่วมมือกับตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หากไม่เสียชีวิตแต่มีพฤติกรรมที่เหมาะสมที่จะได้รับเหรียญก็จะมีการพิจารณาให้ โดยสิทธิหลักที่จะได้ก็จะเหมือนกับเหรียญกล้าหาญ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการเปิดรับสมัครข้าราชการตำรวจระดับผบก.-ส.ต.ต.ที่สมัครใจจะไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น ตนได้ออกหนังสือไปยังผู้บังคับบัญชาทุกหน่วย เพื่อสอบถามความสมัครใจของตำรวจที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ โดยไม่หวังผลประโยชน์และผลตอบแทน ซึ่งการเปิดรับสมัครครั้งนี้จะได้รู้ว่ามีตำรวจที่จะทำเพื่อประเทศชาติมากแค่ไหน โดยจะมีการคัดเลือกตำรวจที่สมัครลงไปปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากตำรวจที่สมัครใจลงปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้และสามารถทำได้ผลงานที่ดี ทางผู้บังคับบัญชาก็จะมีการดูแลอย่างเต็มที่และไม่ทอดทิ้ง นอกจากนี้ ตำรวจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ก็จะเสนอ ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งหาตำแหน่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่ในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องไปบรรจุในตำแหน่งและพื้นที่ใด

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สำหรับ ผกก.หัวหน้าสถานีตำรวจในปัจจุบันนั้นมีอายุมาก อีกทั้งยังมีภาระทางครอบครัว ซึ่งอาจทำให้การทำงานไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยต่อไปจะให้ ผกก.ดูแลงานด้านบริหารและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนการดูแลความไม่สงบก็จะมีการตั้งกองกำลังทุกสถานีตำรวจ โดยให้สารวัตรเป็นหัวหน้าหน่วยและมีกำลังพลประมาณ 20-30 นาย ทำหน้าที่ดูแลความไม่สงบเพียงอย่างเดียวไม่ต้องมายุ่งเรื่องอื่น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ตนกำลังหารือในเรื่องงบประมาณในการทำงานอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้อยู่เดิมและต้องการผลัดเปลี่ยนกำลังขึ้นมานั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องดูจำนวนตำรวจที่สมัครใจลงไปปฏิบัติหน้าที่ก่อนว่ามีจำนวนมากเพียงใด รวมทั้งต้องดูสถานการณ์ว่าจะมีการจัดกำลังตำรวจที่สมัครใจลงไปในพื้นที่ใดและเพียงพอหรือไม่ ถึงจะได้มีการสลับสับเปลี่ยนกำลังพลได้