ตำรวจ สน.เตาปูน เตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งอัยการสั่งฟ้องพี่เลี้ยงเด็ก หลังยอมเปิดปากสารภาพว่าทำร้ายร่างกายน้องเอ็มเจจริง
วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางสาวบุญเรือง โคตะสาร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ 8 ต.หัวสะพาน อ.หัวสะพาน จ.อำนาจเจริญ พี่เลี้ยงเด็กทำร้ายร่างกาย ด.ช.มิ้ง หรือ น้องเอ็มเจ อาชวุฒิกุลวงศ์ ลูกชาย อายุ 1 เดือน บุตรชาย นายสุวิทย์ อาชวุฒิกุลวงศ์ อายุ 42 ปี และ นางอิสรีย์ อาชวุฒิกุลวงศ์ อายุ 36 ปี ภรรยา ประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเซรามิกและเครื่องหอม อยู่บ้านเลขที่ 67/31 ซอยอาทรณ์อุปถัมภ์ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ และได้แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวบุญเรือง ฐานทำร้ายร่างกาย น้องเอ็มเจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีอาการกระโหลกแตก สมองช้ำบวม กระดูกซี่โครงหัก เลือดออกในสมอง และไม่รู้สึกตัว รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ล่าสุด พ.ต.ท.สุเอก ฉินธนทรัพย์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.เตาปูน สารวัตรเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ นางสาวบุญเรือง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ลงมือทำร้ายน้องเอ็มเจจริง โดยตอนแรกทำน้องเอ็มเจพลัดตกจากมือหล่นพื้น แล้วเด็กร้องไห้ด้วยความโมโหจึงทุบตี จนมีอาการบาดเจ็บดังกล่าว
พ.ต.ท.สุเอก กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่มีหลักฐานจากใบตรวจของแพทย์ ซึ่งยืนยันได้ว่า เป็นการลงมือทำร้าย ไม่ใช่การอาบน้ำแล้วทำเด็กพลัดตก ซึ่งได้ทำการสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพ
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้มีการควบคุมตัวนางสาวบุญเรือง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (26 มี.ค.) โดยผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล สำหรับขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า พม.มีหน้าที่ดูแลในเรื่องสถานรับเลี้ยงเด็ก ส่วนกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานประกอบการส่งคนไปทำงานดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งเกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายคือเด็ก ซึ่งเป็นภารกิจที่ พม.ต้องคุ้มครอง ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูว่า บริษัทจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ การรับคนเข้ามาไปทำงานดูแลเด็ก ได้มีการพิจารณาเรื่องความรู้ ความสามารถ และมีการอบรมหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมอาการของเด็กแล้ว และประสานหารือกับพ่อแม่เด็กช่วยเหลือด้านการดำเนินคดี เพราะกรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดอาญา และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย
พี่เลี้ยงปฏิเสธทำร้ายเด็กแบเบาะโคม่า!
วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางสาวบุญเรือง โคตะสาร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ 8 ต.หัวสะพาน อ.หัวสะพาน จ.อำนาจเจริญ พี่เลี้ยงเด็กทำร้ายร่างกาย ด.ช.มิ้ง หรือ น้องเอ็มเจ อาชวุฒิกุลวงศ์ ลูกชาย อายุ 1 เดือน บุตรชาย นายสุวิทย์ อาชวุฒิกุลวงศ์ อายุ 42 ปี และ นางอิสรีย์ อาชวุฒิกุลวงศ์ อายุ 36 ปี ภรรยา ประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเซรามิกและเครื่องหอม อยู่บ้านเลขที่ 67/31 ซอยอาทรณ์อุปถัมภ์ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ และได้แจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวบุญเรือง ฐานทำร้ายร่างกาย น้องเอ็มเจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีอาการกระโหลกแตก สมองช้ำบวม กระดูกซี่โครงหัก เลือดออกในสมอง และไม่รู้สึกตัว รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ล่าสุด พ.ต.ท.สุเอก ฉินธนทรัพย์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.เตาปูน สารวัตรเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ นางสาวบุญเรือง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ลงมือทำร้ายน้องเอ็มเจจริง โดยตอนแรกทำน้องเอ็มเจพลัดตกจากมือหล่นพื้น แล้วเด็กร้องไห้ด้วยความโมโหจึงทุบตี จนมีอาการบาดเจ็บดังกล่าว
พ.ต.ท.สุเอก กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่มีหลักฐานจากใบตรวจของแพทย์ ซึ่งยืนยันได้ว่า เป็นการลงมือทำร้าย ไม่ใช่การอาบน้ำแล้วทำเด็กพลัดตก ซึ่งได้ทำการสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพ
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้มีการควบคุมตัวนางสาวบุญเรือง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (26 มี.ค.) โดยผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล สำหรับขั้นตอนต่อไปพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า พม.มีหน้าที่ดูแลในเรื่องสถานรับเลี้ยงเด็ก ส่วนกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานประกอบการส่งคนไปทำงานดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งเกี่ยวโยงกับหลายหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายคือเด็ก ซึ่งเป็นภารกิจที่ พม.ต้องคุ้มครอง ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดูว่า บริษัทจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ การรับคนเข้ามาไปทำงานดูแลเด็ก ได้มีการพิจารณาเรื่องความรู้ ความสามารถ และมีการอบรมหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมอาการของเด็กแล้ว และประสานหารือกับพ่อแม่เด็กช่วยเหลือด้านการดำเนินคดี เพราะกรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดอาญา และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กด้วย
พี่เลี้ยงปฏิเสธทำร้ายเด็กแบเบาะโคม่า!
