"สบ 13"
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวรปภ.สังหารโหดนักศึกษาสาวปริญญาโท กลายพาดหัวข่าวอาชญากรรมในหน้าหนังสือพิมพ์หัวสี ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจ กับอาชญากรรมร้ายแรงสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในเมืองกรุง และนับเป็นอีกครั้งที่ผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงโหดร้ายที่เกิดขึ้นคือ ”ผู้หญิง” ทั้งนี้ หากไม่นับรวมเรื่องดังกล่าว หากเราได้สดับรับฟังข่าวสารจากสื่อมวลชน ข่าวการฆ่า ข่มขืน ฉุดกระชากลากถูกผู้หญิงเพื่อกระทำมิดีมิร้าย เกิดขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน
จากสถิติคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑล พบว่ากว่าครึ่งผู้หญิงต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำ ...อะไรคือปัจจัยที่ทำให้สำคัญที่ทำให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าอาชญากรผู้กระหายความรุนแรงเหล่านี้ และผู้หญิงจะมีวิธีป้องกันตัวเองจากภัยร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร..?
“ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์”ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ รองผกก.5 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ผู้เขียนหนังสือภัยผู้หญิง และภัยผู้หญิง 2 ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้อ่านโดยเฉพาะสุภาพสตรี จนถึงกับต้องจัดพิมพ์เพิ่ม กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเปิดเว็บไซต์ www.paiphuying.comเพื่อเตือนให้ผู้หญิงรู้จักถึงภัยต่างๆและวิธีการป้องกันภัยร้ายได้อย่างทันท่วงที โดยเนื้อหาในหนังสือทั้ง 2 เล่มฉายภาพให้เห็นภัยร้ายลักษณะต่างๆ บรรยายสภาพ สาเหตุ ตลอดจน วิธีการป้องกันตัวจากภัยร้ายต่างๆ ซึ่งเป็นการนำประสบการณ์จากการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กว่า 17 ปี ของ พ.ต.ท.โชติวิเชียร มาวิเคราะห์ประกอบกับ วิชาอาชญาวิทยา ที่ได้เล่าเรียนในรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน
พ.ต.ท.โชติวิเชียร หรือ พี่บอย เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจ ที่จุดประกายให้เขียนหนังสือทั้ง 2 เล่ม เพราะจากการทำงานเป็นพนักงานสอบสวน และได้ทำคดีที่ส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อ จึงนำมาวิเคราะห์ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมในสังคมถึงมีแต่องค์กรที่คอยคุ้มครองเยียวยาช่วยเหลือ ผู้หญิงหลังประสบภัยแล้ว แต่ไม่มีองค์กรใด ออกมาบอกว่าผู้หญิงควรจะป้องกันตัวอย่างไร
พ.ต.ท.โชติวิเชียร มองว่า ปัญหาอาชญากรรมนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่คนในสังคมเมืองต้องเผชิญ อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะผู้หญิงกลายเป็นเพศที่มีความเสี่ยงสูง ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือลักษณะทางสรีระของตัวผู้หญิงเอง ที่ธรรมชาติสร้างมาให้เป็นเพศอ่อนแอ ไม่มีกำลังมากพอที่จะไปสู้แรงผู้ชายได้ จึงต้องเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ร่ำไป โดยได้จำแนกภัยที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง อย่างคร่าวๆ อาทิ ภัยต่อเพศ เช่น การข่มขืน กระทำอนาจาร ลวนลามทางเพศ ภัยต่อชีวิตร่างกาย เช่น การฆ่า ทำร้ายร่างกาย และภัยต่อทรัพย์สิน เช่น จี้ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฯลฯซึ่งบางครั้งอาชญากรไม่เพียงแต่ประสงค์ต่อทรัพย์พียงอย่างเดียว อาจเลยเถิดถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเรา และจบลงด้วยการฆ่าปิดปาก เพื่อหนีความผิด
ฉะนั้น เมื่ออาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และตัวอาชญากรเองก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ทั่วไป ปะปนแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดาอย่างเราๆ จนยากที่จะแยกคนดี - ชั่วออกจากกันได้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเองก็มีกำลังจำกัด ไม่สามารถสอดส่องดูแล ทุกคนได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นหน้าที่ของผู้หญิงทุกคนที่ต้องตระหนักถึงภัยร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ และหาวิธีการป้องกันตัวเองจากภัยที่ว่านี้
พ.ต.ท.โชติวิเชียร แจกแจงถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดภัยกับผู้หญิงประกอบด้วย ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก ...ปัจจัยภายในคือ ความคิดของตัวผู้หญิงเองที่มักมองโลกในแง่ดี และขี้เกรงใจ “คิดว่าไม่มีอะไรมั้ง “”หรือบางครั้งยอมขึ้นรถไปกับผู้ชาย เพียงแค่เขาพูดว่าไม่เชื่อใจพี่เหรอ สุดท้ายก็ยอมขึ้นรถไป ทั้งที่มองก็รู้ว่าสถานการณ์มันอันตราย สุดท้ายลงเอยด้วยการถูกระทำมิดีมิร้าย
“โดยธรรมชาติผู้หญิงยังเป็นคนขี้ตกใจ เมื่อเกิดอะไรขึ้นมักจะคุมสติตัวเองไม่ได้ วิธีแก้คือตัวผู้หญิงเองที่ต้องตระหนักว่าภัยทั้งหลายมันอยู่รอบตัวเราแล้ว เพียงแต่ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เท่านั้น ต้องคิดไว้ก่อนว่าหากตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น จะทำอย่างไร ต้องรู้จักสังเกตุ ระแวดระวังภัย “
สำหรับปัจจัยภายนอก ซึ่งผู้หญิงไม่ควรพาตัวไปอยู่ในปัจจัยเสี่ยง 3 อย่าง คือ “สถานที่เสี่ยง” ประกอบด้วย สถานที่เปลี่ยว สถานที่ไม่มีผู้คนเข้าออก หรือเข้าออกได้เพียงทางเดียว ห้องหับที่ปิดมิดชิดและอาจถูกปิดล็อกได้ง่าย แม้กระทั่งห้องของเพื่อนชาย ก็อาจไม่ปลอดภัย สถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ ซึ่งมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตัวผู้หญิงอาจถูกหยอดยา มอมเหล้า
“เวลาเสี่ยง” เพราะจากสถิติพบว่าคดีอาชญากรรมมักเกิดในเวลากลางคืน มากกว่ากลางวัน ช่วงเวลากลางคืนจึงเสี่ยงกว่าเวลากลางวัน อย่างไรก็ตามแม้เป็นช่วงเวลากลางวันก็ใช่ว่าจะปลอดภัยไปเสียทีเดียว เพราะกลางวันในออฟฟิศช่วงเวลาพักเที่ยง การอยู่ในออฟฟิตช่วงเวลาดังกล่าวเพียงลำพังก็มีความเสี่ยงได้เช่นเดียวกัน
ปัจจัยประการสุดท้าย”บุคคลเสี่ยง”คือคนที่เรามีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วย อาจเป็นคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งคนใกล้ชิดเองหากอยู่ในสภานการณ์ที่เหมาะสม ก็อาจไม่ปลอดภัย แต่สำหรับคนที่ไม่ควรอยู่ใกล้เลย คือบุคคลวิกลจริต คนเสพยาเสพติดที่เดินอยู่ตามป้ายรถเมล์ หากเราอยู่ใกล้บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะหลายครั้งจะเห็นได้ว่ามีที่คนเมายาบ้า คนบ้าคลุ้มคลั่ง จับล็อกคอผู้หญิงเป็นตัวประกัน
พ.ต.ท.โชติวิเชียร บอกว่า หากเราไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง หนึ่งในสามปัจจัยที่กล่าวมา ถือว่ามีความเสี่ยงแล้ว ต้องระมัดระวังตัวเอง ต้องเตรียมการป้องกันภัยสำหรับตัวเองแล้ว หากเป็นไปได้อย่าพาตัวเอง ไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเหล่านี้โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตามบางครั้ง บางโอกาส เราก็ไม่สามารถเลือกได้ เมื่อจำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง ควรต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า การมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะสเปรย์พริกไทย ซึ่งมีศักยภาพป้องกันตัวในระยะ 3 เมตร แต่ไม่แนะนำให้อาวุธ อาทิ มีด ปืน หรือเครื่องช็อตไฟฟ้า เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้ในระยะประชิด ซึ่งผู้หญิงยากที่จะสู้แรงผู้ชายได้ จึงเหมือนเป็นการยื่นมีดให้กับโจร สุดท้ายอันตรายจะย้อนกลับมาที่ตัวผู้หญิงเอง
“นอกจากอุปกรณ์ที่เป็นสิ่งของนอกกายแล้ว แต่สิ่งสำคัญภายในกาย คือต้องมีสติ สมมติสถานการณ์ไว้ในตลอดเวลา ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นจะต้องทำอะไร เช่น สมมติสถานการณ์ว่าอยู่ในลิฟท์ หลังเลิกงานกลางคืน ต้องลงลิฟท์คนเดียวจะทำอย่างไร มีข้อแนะนำว่าในการใช้ลิฟท์ ควรจะต้องอยู่ใกล้ปุ่ม ยืนให้ผนังติดฝา เพื่อไม่ให้เข้ามาทำอะไรจากทางด้านหลัง และขณะเดียวกันสามารถสังเกตการณ์ได้รอบด้านที่สำคัญต้องรู้จักสังเกตบุคคล”
พ.ต.ท.โชติวิเชียร ยังได้ให้ข้อแนะนำ เรื่องการการเดินทางตอนกลางคืนคนเดียวของผู้หญิง การขับรถไป ต้องเตรียมตัวให้พร้อม พยายามพกไฟฉายอุปกรณ์ให้แสงสว่าง สัญญาณเตือน อุปกรณ์ป้องกันตัว แต่ที่สำคัญต้องมีสติอยู่เสมอและต้องคิดให้เป็นระบบ เมื่อพบอุบัติเหตุ หรืออาจเป็นจักรยานยนต์แกล้งมาชน ดังนั้นไม่ควรลงไปดูคนเดียว ควรขับรถไปหาป้อมตำรวจ หรือย่านชุมชน จากนั้นจึงค่อยแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ จังหวะนั้นต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน อย่าไปคิดว่าไม่มีอะไร เพราะปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยจังหวะดังกล่าวก่อเหตุ ซึ่งผู้หญิงจะต้องระมัดระวังตัวเอง
"คนร้ายเองก็มองหาโอกาสเหมาะที่จะลงมือ มองปัจจัย 3 อย่าง เหมือนกัน สถานที่เสี่ยงสำสหรับเราแต่เหมาะสำหรับมัน เวลาเสี่ยงสำหรับเราก็ดีสำหรับมัน บุคคลเสี่ยงถ้าอยู่คนเดียว หรืออยู่กับมัน สองต่อสอง มันมีโอกาสมันก็ทำ เราก็อาจจะเสร็จมัน นอกจากนี้คนร้ายก็มองว่าจะทำได้มั้ย หากทำไปแล้วจะหลบหนีได้หรือไม่ โดยไม่มีใครไปตามจับได้ "
พ.ต.ท.โชติวิเชียร กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาสาวปริญญาโทถูกสังหารโหดภายในห้องพัก ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภัยจากเคหะสถานซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยมีการหาอุปกรณ์ป้องกัน ติดกลอนหน้าต่างประตู ติดเหล็กดัด สำหรับสถานการณ์ที่ผู้หญิงที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพัง จะต้องระแวดระวังป้องกันตัวเอง หากมีคนมาเคาะประตูต้องตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าอาจไม่ใช่คนรู้จัก หรือเป็นคนร้าย หากมีกล้องที่ประตูควรตรวจดูก่อนว่าผู้ที่มาเคาะเป็นใคร หรือหากไม่มีกล้อง ก็ควรตะโกนถามก่อนว่า เป็นใคร อย่าได้ผลีผลามเปิดออกไป หรืออาจมีอุปกรณ์ เหล่านี้เป็นเกล็ดเล็กน้อยหากเรามีการเตรียมพร้อม ทำครบตามขั้นตอนที่บอกมา ภัยที่จะเกิดขึ้นแทบไม่มีเลย
"ผู้หญิงควรปรับเปลี่ยนความคิด เพราะเราไม่อาจเปลี่ยนสังคมได้ อาชญากรมันเดินอยู่ทุกวัน หากถามว่าเราสามารถจับอาชญากรเข้าคุกได้หมด ก็คงปลอดภัย แต่เราไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ ซึ่งที่ว่ามานี้ไม่ใช่ประเทศไทยไม่ดี หรือประเทศอื่นดีกว่าเรา อาชญากรมีอยู่ทั่วโลก มันเป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถมาดูแลได้ตลอด 24 ชม.ฉะนั้นผู้หญิงต้องรู้จักดูแลตัวเอง หากตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงที่บอก สมมติสถานการณ์ ไว้ตลอด เมื่อจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง ยับยั้งไม่เข้าไป สิ่งสำคัญในการป้องกันภัย คือการมีสติ ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ว่ามาครบถ้วนภัยที่จะเกิดขึ้นแทบไม่มีเลย"พ.ต.ท.โชติวิเชียร กล่าวทิ้งท้ายว่า
จากข้อเตือนใจต่างๆที่ว่ามา ใช่ว่าจะให้เราต้องเป็นคนขี้ระแวง หรือกลัวไปเสียทุกอย่าง จนไม่เป็นอันต้องทำอะไร แต่ในทางกลับกันเป็นการเตือนสติว่า ภัยร้ายนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สิ่งที่เราควรตระหนักเพื่อป้องกันตัวเอง คือ การมีสติ ที่จะระแวดระวังภัย มีสติที่จะตรึกตรองแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้ว เพื่อให้ตัวเองหลีกห่างจากภัยร้าย เพราะเชื่อว่าการป้องกันไม่ให้เกิดภัย ดีกว่ารอให้เกิดภัยแล้วมาแก้ไขภายหลัง เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น หากเป็นทรัพย์สินเราอาจใช้ตัวเงินมาทดแทนได้ แต่ความเสียหายทางด้านจิตใจนั้นมันยากที่จะหาสิ่งใดมาเยียวยาได้