xs
xsm
sm
md
lg

“แด๊ก บิ๊กแอส” พรากน้องฝ้ายรอดคุก! ศาลปรานีรอลงอาญา 2 ปี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลพิพากษาโทษ “แด๊ก บิ๊กแอส” ชี้ชัดทำความผิดจริงตามฟ้อง ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท แต่ศาลปรานีโทษจำคุก รอลงอาญาและคุมประพฤติ พร้อมให้ทำเพลงเพื่อเตือนสติเยาวชน

วันนี้(21 มี.ค.50)เวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 810 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์ และมารดา น.ส.ฝ้าย (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย โจทก์ร่วม ได้ยื่นฟ้องนายเอกรัตน์ วงศ์ฉลาด หรือ แด๊ก บิ๊กแอส นักร้องนำชื่อดังวงบิ๊กแอส สังกัดค่ายแกรมมี่ เป็นจำเลยในความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย กรณีที่นักร้องหนุ่มได้พราก และกระทำอนาจารน้องฝ้าย ต่อมาผู้เสียหายได้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย “น้องจัสติน” แต่ “แด๊ก” ปฏิเสธรับเป็นบุตร จนเป็นที่มาของการพิสูจน์ดีเอ็นเอถึง 2 ครั้ง และผลปรากฎว่า “แด๊ก บิ๊กแอส” ไม่ใช่บิดาของน้องจัสตินดังกล่าว

โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ค.49 ระบุความผิดจำเลยว่า เมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 46 เวลากลางวันถึงประมาณปลายเดือนเมษายน 48 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจพราก น.ส.ฝ้าย อายุ 15 ปี ผู้เสียหายขณะนั้นซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากมารดา โดยจำเลยพา น.ส.ฝ้ายไปกระทำชำเราและเพื่อสำเร็จความใคร่หลายครั้งหลายคราวต่างวาระกัน ตามห้องเช่า โรงแรม และสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่ง โดยจำเลยไม่มีความประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับน.ส.ฝ้าย โดยที่น.ส.ฝ้ายนั้นเต็มใจไปด้วยและเป็นการพาน.ส.ฝ้ายไปเพื่อการอนาจารโดยยินยอม เหตุเกิดที่แขวงลาดพร้าว เขตบางกะปิ และเขตสะพานสูง กทม. ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ก.พ.49 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ ต่อมา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.49 โจทก์ร่วมยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวน 2 ล้านบาท

คดีนี้ จากการนำสืบพยานโจทก์ รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ผู้เสียหายยังอยู่ในความปกครองและพักอาศัยอยู่กับมารดา ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ฝ้ายได้ทะเลาะกับมารดา จึงหลบหนีออกจากบ้านไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อน กระทั่งได้ไปพบกันจำเลยที่ร้านอาหารซันไชน์ ถนนเกษตร-นวมินทร์ โดยจำเลยได้เข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ น.ส.ฝ้าย จนมีการติดต่อกัน หลังจากนั้นจึงได้นัดพบกันเป็นครั้งที่ 2 ที่ร้านอาหาร 400 คลับ ที่จำเลยเล่นดนตรีอยู่ที่นั่น กระทั่งร้านปิดจำเลยได้พาน.ส.ฝ้ายไปเช่าห้องพักรายวันโดยได้มีเพศสัมพันธ์กัน โดยน.ส.ฝ้ายยินยอมเพราะมีใจชอบคอจำเลย จนรุ่งเช้าจำเลยส่งน.ส.ฝ้ายขึ้นรถแท็กซี่กลับไป โดยหลังจากนั้นจำเลยและผู้เสียหายได้ติดต่อและชวนกันมาเช่าห้องหักอยู่ด้วยกันที่ “ซิตี้วิลล์ คอนโดมีเนียม” และมีเพศสัมพันธ์กันเรื่อยมา ขณะที่ จำเลยต่อสู้คดีว่า ไม่ได้กระทำผิดเนื่องจากขณะเกิดเหตุสำคัญผิดในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอายุของน.ส.ฝ้ายว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 18 ปี เพราะน.ส.ฝ้ายมีรูปร่างสูงใหญ่ และจากการที่ได้พากันไปเที่ยวตามสถานบันเทิงหลายๆ แห่ง ด้านหน้าสถานบันเทิงเหล่านั้นมีป้ายกำหนดห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้า แต่ทุกครั้งผู้เสียหายเข้าไปใช้บริการได้ตลอด ประกอบกับน.ส.ฝ้ายเคยนำภาพที่ผู้เสียหายเคยถ่ายแบบไว้ในนิตยสาร For Men มาให้จำเลยดู โดยมีข้อความใต้ภาพระบุอายุผู้ถ่ายแบบประมาณ 21 ปี อย่างไรก็ตามจำเลยยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายจริง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นความผิดเพราะได้เข้าใจผิดในเรื่องอายุดังกล่าว

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกันในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา เพื่อมีเจตนาช่วยเหลือจำเลยรวมทั้งเมื่อวันที่ 29 ก.ย.49 โจทก์ร่วมยังได้ขอถอนคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน และคำร้องทุกข์ในทุกคดี โดยให้เหตุผลว่า บัดนี้ผลตรวจดีเอ็นเอของ ด.ช.จัสติน ทั้งสองครั้งได้ปรากฎออกมาแล้วว่าจำเลยมิใช่บิดาของ ด.ช.จัสติน ทั้งที่ความจริงแล้วผลการตรวจดีเอ็นเอได้เสร็จสิ้นก่อนที่โจทก์ร่วมจะยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่าสำคัญผิดเกี่ยวกับอายุของผู้เสียหายนั้น เห็นว่าเป็นข้ออ้างเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก เพราะจำเลยก็ไม่ได้นำพยานมาเบิกความหักล้างโจทก์ โดยจำเลยได้แสดงหลักฐานเป็นเพียงภาพถ่ายบริเวณหน้าสถานบันเทิง 2 แห่ง แต่ภาพเลือนรางไม่ปรากฏข้อความชัดเจน ดังนั้นพยานหลักฐานจำเลยที่นำสืบในเรื่องเกี่ยวกับอายุจึงไม่เพียงพอที่ว่าจำเลยสำคัญผิดเกี่ยวกับอายุของผู้เสียหาย

คดีจึงรับฟังได้ว่า น.ส.ฝ้าย ยังอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพา น.ส.ฝ้าย ไปมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งนั้น ถือเป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อศีลธรรมและสังคม และจำเลยยังไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้เสียหาย ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดจริงฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ตามฟ้องโจทก์

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปราณีลงโทษสถานเบา และรอการลงอาญา โดยจำเลยพร้อมจะผลิตงานเพลงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและสังคม โดยเฉพาะการต่อต้านยาเสพติดและอบายมุขต่างๆ ไม่น้อยกว่า 2 เพลงไว้ในอัลบั้มของปี ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ปรากฏว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน อีกทั้งโจทก์ยังเบิกความไปในแนวทางช่วยเหลือจำเลย ซึ่งการต้องโทษจำคุกในระยะสั้นจะเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย จึงเห็นว่าการให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อสังคมย่อมเป็นการดีกว่า

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยเบิกความรับสารภาพว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายจริง เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกไว้ 1 ปี 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้คุมประพฤติจำเลยไว้ตลอดระยะเวลารอการลงโทษ โดยมีเงื่อนไขว่าให้จำเลยผลิตเพลงเพื่อเยาวชนต่อต้านยาเสพติดและอบายมุขตามที่จำเลยได้ยื่นคำร้องไว้ รวมทั้งทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนเป็นระยะ และมารายงานตัวต่อศาลตากำหนด โดยนัดแรกในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เวลา 9.00 น.

ภายหลัง “แด๊ก บิ๊กแอส” กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และยอมรับในคำพิพากษา ซึ่งผลของการกระทำครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตครั้งใหญ่ ที่จะให้รู้ว่าจะต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างไร ส่วนการช่วยเหลือน้องฝ้ายและน้องจัสตินนั้น ก่อนหน้านี้ได้เคยทำตามที่ได้พูดไว้แล้ว แต่หากภายหลังเค้าได้รับความลำบาก และต้องการให้ช่วยเหลือตนก็ยินดี



กำลังโหลดความคิดเห็น