นายเวร สายดำ
การที่ได้มาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตำรวจนั้น ทำให้ได้เห็นการทำงานในอีกหลายหน่วยงานของตำรวจที่อยากจะนำเสนอให้ได้รับรู้ "กองบินตำรวจ"ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่คอยให้การสนับสนุนการทำงานของตำรวจในที่ที่เข้าถึงได้ยาก เช่น ชายแดน ที่เกิดเหตุภัยพิบัติ หรือแม้กระทั่งการช่วยติดตามจับผู้ร้ายหลบหนีทางอากาศ ถ้าหากจะเปรียบก็คงเป็นเสมือนหนึ่ง"ม้าขาวของอัศวิน"ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการต่อสู้กับเหล่าร้าย
พ.ต.อ.วีระชัย ชุ่มเชศสอน นักบิน (สบ 5) ได้พาเราไปเยี่ยมชมกองบินตำรวจและเล่าถึง ประวัติความเป็นมาของกองบินตำรวจว่า เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 เนื่องจากกรมตำรวจขณะนั้น ต้องการอากาศยานเพื่อปราบโจรผู้ร้ายในถิ่นกันดาร และตรวจการจราจรในกรุงเทพฯ จึงซื้อเฮลิคอปเตอร์มา 1 ลำ และตั้งเป็นหน่วยบินตำรวจ โดยขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล วังปารุสกวัน และเก็บเครื่องไว้ที่สนามเสือป่า จากนั้นมางานของกองบินตำรวจก็เริ่มขยายภารกิจมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จนกระทั่งปี พ.ศ.2510 จึงได้ตั้งเป็นกองบินตำรวจ โดยมีที่ตั้งในกองทัพอากาศ ดอนเมือง และที่ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ที่เราได้ไปเยี่ยมชมนั่นเอง
เครื่องบินลำแรกที่ พ.ต.อ.วีระชัย พาไปชมคือเครื่องบินที่ตั้งอยู่หน้าตึกกองบังคับการกองบินตำรวจ ซึ่งเป็นเครื่องบินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานให้กับกองบินตำรวจซึ่งทรงออกแบบเอง หลังจากหมดอายุการใช้งาน ทางกองบินจึงนำมาตั้งไว้หน้าตึกเพื่อเป็นเกียรติกับหน่วยงาน
ส่วนภายในโรงเก็บเครื่องบินของกองบินตำรวจที่ท่าแร้งนั้น จะมีแต่เฉพาะเครื่องประเภทเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากเครื่องประเภทปีกจะถูกเก็บไว้ในกองทัพอากาศ ดอนเมือง เฮลิคอปเตอร์ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง Bell ซึ่งมีหลายรุ่น เช่น Bell-205 Bell-212 Bell-412 ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยบางเครื่องนั้นมีอายุใช้งานมานานกว่า 20 ปี แต่ พ.ต.อ.วีระชัย ก็บอกว่าเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากทางกองบินมีการตรวจสอบระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ
“บางคนที่ไม่ทราบอาจวิตกว่าเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานานๆ นั้นจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยนำไปเทียบกับรถยนต์ แต่สำหรับนักบินแล้วไม่คิดแบบนั้น เพราะแต่ละเครื่องจะมีอายุการใช้งาน ก่อนการบินการบินทุกครั้งต้องมีการตรวจเช็คเครื่องอย่างละเอียด และอุปกรณ์หรืออะไหล่เราก็จะเปลี่ยนทันทีเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแม้บางเครื่องจะมีอายุการใช้งานมานานก็ปลอดภัยสูง” พ.ต.อ.วีระชัย กล่าว
เฮลิคอปเตอร์ที่ได้ชมและน่าสนใจที่สุดคงจะเป็น เครื่อง ยูโร EC-155 B1 ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีความทันสมัยมาก โดยที่กองบินตำรวจมีจำนวน 2 ลำ และเพิ่งนำมาใช้งานได้ปีกว่าเท่านั้น ที่ว่าทันสมัยเนื่องจากภายในห้องนักบินจะเป็นแบบ Glass Cockpit หรือแผงควบคุมผลเป็นแบบดิจิตอล หน้าจอเป็นภาพสีขนาดใหญ่ รวมทั้งมีจอแสดงแผนที่ประเทศไทยทุกจุดร่วมกับระบบนำร่องด้วยดาวเทียม หรือ GPS มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจความปลอดภัยและแจ้งเตือนถึง 30 จุด มีระบบไฟสำรองถึง 2 ชุดหากไฟขัดข้อง รวมถึงมาตรวัดอานาล็อกยามฉุกเฉิน และถือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีความเร็วและคล่องตัวสูงกว่าเฮลิคอปเตอร์อื่นที่มีอยู่ขณะนี้ด้วย
พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ(ผบก.บ.ตร.) เป็นตำรวจซึ่งเติบโตมาโดยตรงในงานของกองบินตำรวจ โดยเป็นนักบินมาก่อน ปัจจุบันแม้ว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้การกองบินแล้วก็ตามปกติก็ยังติดภารกิจการบินอยู่เสมอ โชคดีที่ในวันที่เราได้ไปเยี่ยมชมกองบินตำรวจนั้น ท่านได้มาประชุมที่กองบินเราจึงได้มีโอกาสพูดคุยถึงงานของกองบินตำรวจในปัจจุบัน
“เราจะมีหน่วยบินตามต่างจังหวัดทั้งสิ้น 20 หน่วย ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ เช่น เรื่องน้ำท่วม สึนามิ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ตำรวจที่ประจำการในท้องที่ เช่น ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน จะทราบก่อน แต่หากบางที่ที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ กองบินตำรวจก็เหมือนกองกำลังสนับสนุนที่จะนำกำลังเหล่านั้นเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย” พล.ต.ต.เจษฎบอกกับเรา
พล.ต.ต.เจษฎา ยังพูดถึงนโยบายการทำงานของกองบินตำรวจว่า ที่นี่เน้นเรื่องความปลอดภัย เน้นด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับภารกิจ ถ้านักบินได้รับการฝึกฝนตามระยะเวลาจะทำให้เกิดความปลอดภัย เพราะมีการทดสอบทุกปี หรือการฝึกบินก็มีครูคอยตรวจสอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
“ทางกองบินตำรวจยังมาตรการเตรียมการสำหรับภารกิจฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น เพลิงไหม้ตามอาคารสูง ก็จะไปช่วยเหลือประชาชนตามที่ร้องขอได้ทันที เพราะเราถือว่าชีวิตของประชาชนเป็นหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูและรักษา เราจึงพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนด้วย” ผบก.บ.ตร. กล่าว
เมื่อได้ฟังคำยืนยันในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของกองบินตำรวจ และการเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉินจากผู้การกองบินตำรวจ ในฐานะประชาชนก็รู้สึกดีใจ และอุ่นใจ เพราะภาพของตำรวจในสายตาประชาชน ปัจจุบันนั้นดูเสื่อมเสียลงมาก การทำงานของกองบินตำรวจหลายคนอาจจะยังไม่ได้เห็น แต่เชื่อว่าหากตำรวจ ไม่ว่าจะสังกัดใด หน่วยงานใด หากมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว ก็เชื่อว่าภาพลักษณ์ที่ดีจะกลับคืนมาได้ อย่างแน่นอน
การที่ได้มาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตำรวจนั้น ทำให้ได้เห็นการทำงานในอีกหลายหน่วยงานของตำรวจที่อยากจะนำเสนอให้ได้รับรู้ "กองบินตำรวจ"ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่คอยให้การสนับสนุนการทำงานของตำรวจในที่ที่เข้าถึงได้ยาก เช่น ชายแดน ที่เกิดเหตุภัยพิบัติ หรือแม้กระทั่งการช่วยติดตามจับผู้ร้ายหลบหนีทางอากาศ ถ้าหากจะเปรียบก็คงเป็นเสมือนหนึ่ง"ม้าขาวของอัศวิน"ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการต่อสู้กับเหล่าร้าย
พ.ต.อ.วีระชัย ชุ่มเชศสอน นักบิน (สบ 5) ได้พาเราไปเยี่ยมชมกองบินตำรวจและเล่าถึง ประวัติความเป็นมาของกองบินตำรวจว่า เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 เนื่องจากกรมตำรวจขณะนั้น ต้องการอากาศยานเพื่อปราบโจรผู้ร้ายในถิ่นกันดาร และตรวจการจราจรในกรุงเทพฯ จึงซื้อเฮลิคอปเตอร์มา 1 ลำ และตั้งเป็นหน่วยบินตำรวจ โดยขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล วังปารุสกวัน และเก็บเครื่องไว้ที่สนามเสือป่า จากนั้นมางานของกองบินตำรวจก็เริ่มขยายภารกิจมากขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จนกระทั่งปี พ.ศ.2510 จึงได้ตั้งเป็นกองบินตำรวจ โดยมีที่ตั้งในกองทัพอากาศ ดอนเมือง และที่ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ที่เราได้ไปเยี่ยมชมนั่นเอง
เครื่องบินลำแรกที่ พ.ต.อ.วีระชัย พาไปชมคือเครื่องบินที่ตั้งอยู่หน้าตึกกองบังคับการกองบินตำรวจ ซึ่งเป็นเครื่องบินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานให้กับกองบินตำรวจซึ่งทรงออกแบบเอง หลังจากหมดอายุการใช้งาน ทางกองบินจึงนำมาตั้งไว้หน้าตึกเพื่อเป็นเกียรติกับหน่วยงาน
ส่วนภายในโรงเก็บเครื่องบินของกองบินตำรวจที่ท่าแร้งนั้น จะมีแต่เฉพาะเครื่องประเภทเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากเครื่องประเภทปีกจะถูกเก็บไว้ในกองทัพอากาศ ดอนเมือง เฮลิคอปเตอร์ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง Bell ซึ่งมีหลายรุ่น เช่น Bell-205 Bell-212 Bell-412 ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยบางเครื่องนั้นมีอายุใช้งานมานานกว่า 20 ปี แต่ พ.ต.อ.วีระชัย ก็บอกว่าเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากทางกองบินมีการตรวจสอบระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ
“บางคนที่ไม่ทราบอาจวิตกว่าเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานานๆ นั้นจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยนำไปเทียบกับรถยนต์ แต่สำหรับนักบินแล้วไม่คิดแบบนั้น เพราะแต่ละเครื่องจะมีอายุการใช้งาน ก่อนการบินการบินทุกครั้งต้องมีการตรวจเช็คเครื่องอย่างละเอียด และอุปกรณ์หรืออะไหล่เราก็จะเปลี่ยนทันทีเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแม้บางเครื่องจะมีอายุการใช้งานมานานก็ปลอดภัยสูง” พ.ต.อ.วีระชัย กล่าว
เฮลิคอปเตอร์ที่ได้ชมและน่าสนใจที่สุดคงจะเป็น เครื่อง ยูโร EC-155 B1 ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีความทันสมัยมาก โดยที่กองบินตำรวจมีจำนวน 2 ลำ และเพิ่งนำมาใช้งานได้ปีกว่าเท่านั้น ที่ว่าทันสมัยเนื่องจากภายในห้องนักบินจะเป็นแบบ Glass Cockpit หรือแผงควบคุมผลเป็นแบบดิจิตอล หน้าจอเป็นภาพสีขนาดใหญ่ รวมทั้งมีจอแสดงแผนที่ประเทศไทยทุกจุดร่วมกับระบบนำร่องด้วยดาวเทียม หรือ GPS มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจความปลอดภัยและแจ้งเตือนถึง 30 จุด มีระบบไฟสำรองถึง 2 ชุดหากไฟขัดข้อง รวมถึงมาตรวัดอานาล็อกยามฉุกเฉิน และถือเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีความเร็วและคล่องตัวสูงกว่าเฮลิคอปเตอร์อื่นที่มีอยู่ขณะนี้ด้วย
พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ(ผบก.บ.ตร.) เป็นตำรวจซึ่งเติบโตมาโดยตรงในงานของกองบินตำรวจ โดยเป็นนักบินมาก่อน ปัจจุบันแม้ว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้การกองบินแล้วก็ตามปกติก็ยังติดภารกิจการบินอยู่เสมอ โชคดีที่ในวันที่เราได้ไปเยี่ยมชมกองบินตำรวจนั้น ท่านได้มาประชุมที่กองบินเราจึงได้มีโอกาสพูดคุยถึงงานของกองบินตำรวจในปัจจุบัน
“เราจะมีหน่วยบินตามต่างจังหวัดทั้งสิ้น 20 หน่วย ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ เช่น เรื่องน้ำท่วม สึนามิ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ตำรวจที่ประจำการในท้องที่ เช่น ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน จะทราบก่อน แต่หากบางที่ที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ กองบินตำรวจก็เหมือนกองกำลังสนับสนุนที่จะนำกำลังเหล่านั้นเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย” พล.ต.ต.เจษฎบอกกับเรา
พล.ต.ต.เจษฎา ยังพูดถึงนโยบายการทำงานของกองบินตำรวจว่า ที่นี่เน้นเรื่องความปลอดภัย เน้นด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับภารกิจ ถ้านักบินได้รับการฝึกฝนตามระยะเวลาจะทำให้เกิดความปลอดภัย เพราะมีการทดสอบทุกปี หรือการฝึกบินก็มีครูคอยตรวจสอบเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
“ทางกองบินตำรวจยังมาตรการเตรียมการสำหรับภารกิจฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น เพลิงไหม้ตามอาคารสูง ก็จะไปช่วยเหลือประชาชนตามที่ร้องขอได้ทันที เพราะเราถือว่าชีวิตของประชาชนเป็นหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูและรักษา เราจึงพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนด้วย” ผบก.บ.ตร. กล่าว
เมื่อได้ฟังคำยืนยันในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของกองบินตำรวจ และการเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉินจากผู้การกองบินตำรวจ ในฐานะประชาชนก็รู้สึกดีใจ และอุ่นใจ เพราะภาพของตำรวจในสายตาประชาชน ปัจจุบันนั้นดูเสื่อมเสียลงมาก การทำงานของกองบินตำรวจหลายคนอาจจะยังไม่ได้เห็น แต่เชื่อว่าหากตำรวจ ไม่ว่าจะสังกัดใด หน่วยงานใด หากมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว ก็เชื่อว่าภาพลักษณ์ที่ดีจะกลับคืนมาได้ อย่างแน่นอน
