นักเรียนอาชีวะชื่อดังย่านหัวหมาก แทงเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันเสียชีวิตหน้าโรงเรียน หลังทะเลาะเรื่องพระเครื่องแล้วตามมาแก้แค้นจึงใช้มีดที่เตรียมมาแทงสวนตัดขั้วหัวใจ หนีไม่พ้นตำรวจรวบตัวได้ทันที
วานนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.ท.สมเจตน์ พลหลา ร้อยเวร สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กนักเรียนถูกแทงได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าโรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ปากซอยรามคำแหง 28 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี รอง ผบก.น.4 และพ.ต.อ.ชัยณรงค์ ลิมปิทีป ผกก.สน.หัวหมาก
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเข้าโรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ พบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าเจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.รามคำแหง แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือนายพลวัฒน์ อาดัม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 533 ถ.สุเหร่าคลอง 1 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งเป็นนักเรียน ปวช.ชั้นปีที่ 2 แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ของโรงเรียนที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพผู้ตาย พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่ใบหน้าด้านซ้ายจำนวน 1 แผล และที่ราวนมด้านซ้ายอีกจำนวน 1 แผลซึ่งลึกเข้าไปตัดขั้วหัวใจจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัว นายสุชาติ ทิพย์รัตน์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.13 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของผู้ตาย พร้อมด้วยอาวุธมีดขนาดยาว 8 นิ้วซึ่งใช้ก่อเหตุ จึงได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำ
จากการสอบปากคำนายสุชาติให้การว่า เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ช่วงบ่ายผู้ตายได้มาขอดูพระของตน ซึ่งเป็นพระหลวงพ่อพัน วัดปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร ลักษณะเป็นผงสีดำ อัดเป็นรูปวงกลมด้านปั๊มนูนเป็นรูปหลวงพ่อพันปิดทับด้วยทองคำเปลว ด้านหลังเป็นรูปราหู แต่เมื่อนำออกมาให้ดูผู้ตายกลับพูดจาเย้ยหยันในทำนองว่าพระองค์ใหญ่แล้วจะช่วยได้ จากนั้นผู้ตายยังนำพระไปให้เพื่อนๆ ดูและพูดจาเหยียดหยามไปด้วย ตนจึงพยายามไปแย่งพระคืนแล้วสวมไว้ที่คอ แต่ผู้ตายยังพยายามมากระชากพระจากคอ ตนจึงใช้มือปัดจนนาฬิกาของผู้ตายตกลงพื้น ผู้ตายจึงสั่งให้ตนเก็บนาฬิกาให้แต่ตนไม่ยอมและเดินหนีไป ผู้ตายจึงตะโกนอย่างอาฆาตไล่หลังมาว่าถ้าเจอกันอีกให้ระวังตัวเอาไว้
นายสุชาติ ยังให้การอีกว่า จนกระทั่งเมื่อช่วงบ่ายก่อนเกิดเหตุหลังเลิกเรียน ขณะที่ตนเดินออกมายังด้านหน้าของโรงเรียน ผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมาและจอด จากนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวผู้ตายได้กระโดดถีบหลังตนจนล้มลง เมื่อลุกขึ้นมาได้จึงตรงเข้าชกต่อยกัน จากนั้นตนคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่แล้วจึงได้นำมีดพกติดตัวมาไว้ในกระเป๋า จึงนำออกมาและแทงผู้ตายดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุเป็นวันสถาปนาของโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในย่านนั้น จึงได้สั่งการให้สายสืบ สายตรวจ และตำรวจจราจรแต่ละพื้นที่ คอยเฝ้าระวังอยู่ตามจุดต่างๆ อยู่แล้ว เนื่องจากคาดว่าจะมีเหตุการณ์ตีกันระหว่างนักเรียนอาชีวะต่างสถาบันแต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรง กลายเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันแทงกันเอง ตำรวจที่เฝ้าระวังอยู่ในจุดดังกล่าวจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาเพื่อดำเนินคดีกับนายสุชาติต่อไป


วานนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.ท.สมเจตน์ พลหลา ร้อยเวร สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กนักเรียนถูกแทงได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าโรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ ปากซอยรามคำแหง 28 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา โกสิยะสถิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี รอง ผบก.น.4 และพ.ต.อ.ชัยณรงค์ ลิมปิทีป ผกก.สน.หัวหมาก
ที่เกิดเหตุบริเวณทางเข้าโรงเรียนเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ พบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่าเจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.รามคำแหง แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือนายพลวัฒน์ อาดัม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 533 ถ.สุเหร่าคลอง 1 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งเป็นนักเรียน ปวช.ชั้นปีที่ 2 แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ของโรงเรียนที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพผู้ตาย พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่ใบหน้าด้านซ้ายจำนวน 1 แผล และที่ราวนมด้านซ้ายอีกจำนวน 1 แผลซึ่งลึกเข้าไปตัดขั้วหัวใจจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัว นายสุชาติ ทิพย์รัตน์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.13 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของผู้ตาย พร้อมด้วยอาวุธมีดขนาดยาว 8 นิ้วซึ่งใช้ก่อเหตุ จึงได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำ
จากการสอบปากคำนายสุชาติให้การว่า เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ช่วงบ่ายผู้ตายได้มาขอดูพระของตน ซึ่งเป็นพระหลวงพ่อพัน วัดปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร ลักษณะเป็นผงสีดำ อัดเป็นรูปวงกลมด้านปั๊มนูนเป็นรูปหลวงพ่อพันปิดทับด้วยทองคำเปลว ด้านหลังเป็นรูปราหู แต่เมื่อนำออกมาให้ดูผู้ตายกลับพูดจาเย้ยหยันในทำนองว่าพระองค์ใหญ่แล้วจะช่วยได้ จากนั้นผู้ตายยังนำพระไปให้เพื่อนๆ ดูและพูดจาเหยียดหยามไปด้วย ตนจึงพยายามไปแย่งพระคืนแล้วสวมไว้ที่คอ แต่ผู้ตายยังพยายามมากระชากพระจากคอ ตนจึงใช้มือปัดจนนาฬิกาของผู้ตายตกลงพื้น ผู้ตายจึงสั่งให้ตนเก็บนาฬิกาให้แต่ตนไม่ยอมและเดินหนีไป ผู้ตายจึงตะโกนอย่างอาฆาตไล่หลังมาว่าถ้าเจอกันอีกให้ระวังตัวเอาไว้
นายสุชาติ ยังให้การอีกว่า จนกระทั่งเมื่อช่วงบ่ายก่อนเกิดเหตุหลังเลิกเรียน ขณะที่ตนเดินออกมายังด้านหน้าของโรงเรียน ผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมาและจอด จากนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวผู้ตายได้กระโดดถีบหลังตนจนล้มลง เมื่อลุกขึ้นมาได้จึงตรงเข้าชกต่อยกัน จากนั้นตนคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอยู่แล้วจึงได้นำมีดพกติดตัวมาไว้ในกระเป๋า จึงนำออกมาและแทงผู้ตายดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุเป็นวันสถาปนาของโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในย่านนั้น จึงได้สั่งการให้สายสืบ สายตรวจ และตำรวจจราจรแต่ละพื้นที่ คอยเฝ้าระวังอยู่ตามจุดต่างๆ อยู่แล้ว เนื่องจากคาดว่าจะมีเหตุการณ์ตีกันระหว่างนักเรียนอาชีวะต่างสถาบันแต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรง กลายเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันแทงกันเอง ตำรวจที่เฝ้าระวังอยู่ในจุดดังกล่าวจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาเพื่อดำเนินคดีกับนายสุชาติต่อไป