ชายที่ถูกระบุชื่อในจดหมายลาตายของครอบครัว “สุรวุฒิพงษ์” ที่ก่อเหตุฆ่ายกครัว 5 ศพ ดอดเข้าให้การกับตำรวจกลางดึก ปฏิเสธไม่ได้ขู่อุ้มฆ่าทวงหนี้ ระบุเป็นเพียงแค่ประสานกับแบงก์ให้อนุมัติเงินกู้ 130 ล้านให้เร็วขึ้น โดยคิดค่าคอมมิชชัน 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ญาติๆ ผู้ตายไม่ติดใจในการก่อเหตุฆ่ายกครัวครั้งนี้ พร้อมรับศพไปบำเพ้ญกุศลแล้ว โดยมีอดีต “โอ๋ สืบ 6” โผล่ไปช่วยอำนวยความสะดวก
วันนี้ (7 ก.พ.) พ.ต.ท.ปริญญา วงศ์กล้า พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.คลองตัน เจ้าของคดีฆ่ายกครัวตระกูล “สุรวุฒิพงษ์” 5 ศพ เปิดเผยว่า วานนี้ (6 ก.พ.) ตำรวจได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 2 ปาก คนแรกคือนายกรกต สุรวุฒิพงษ์ น้องชายนายบุญชัย สุรวุฒิพงษ์ ผู้ตายให้การว่า ครอบครัวตนมีพี่น้องรวม 6 คน นายบุญชัย ผู้ตายเป็นพี่ชายคนโต มีพี่สาวขั้นอีก 4 คน และตนเป็นคนสุดท้อง ทั้งนี้ ตนเป็นผู้บริหารบริษัทเก่าซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำหอมเช่นเดียวกัน ที่ก่อนหน้านี้นายบุญชัยเป็นผู้บริหารอยู่ ก่อนจะไปเปิดบริษัทใหม่ในปัจจุบัน
พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า เท่าที่สอบปากคำนายกรกตกับญาติผู้ตายนั้น ทั้งหมดไม่ติดใจในสาเหตุการตาย โดยเชื่อว่านายบุญชัยพี่ชายใช้อาวุธปืนยิงภรรยาและลูก และยิงตัวเองตายตาม สาเหตุเนื่องจากนายบุญชัยเป็นคนค่อนข้างเครียด เวลาทำอะไรมักจริงจัง อยากทำทุกอย่างออกมาให้ดี แต่เมื่อผลออกมาไม่ดีอาจจะทำให้เกิดปัญหาเครียดจัดจนกระทั่งตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้ขึ้น ส่วนเรื่องที่มีผู้มาขู่ซึ่งนายบุญชัยระบุไว้ในจดหมายลาตายนั้น จากการสอบปากคำนายกรกตให้การว่าเพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าววานนี้ และเพิ่งได้อ่านจดหมาย โดยเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าพี่ชายได้ไปกู้เงินจำนวน 130 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในสภาพคล่องของบริษัท โดยทางนางเพ็ญพิมล สุรวุฒิพงศ์ ภรรยานายบุญชัยเป็นผู้ประสานไปยังกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนนายหน้าช่วยติดต่อประสานงานกับทางธนาคารให้อนุมัติเงินได้ง่ายและเร็วขึ้น เมื่อทางธนาคารอนุมัติเงินแล้วก็มีการตกลงว่าจะจ่ายค่าเปอร์เซ็นต์ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยมีการนัดจ่ายเงินกัน แต่ยังไม่มีการจ่ายก็มาเกิดเหตุขึ้นก่อน ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกระบุชื่ออยู่ในจดหมาย พนักงานสอบสวนได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำแล้ว
พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวอีกว่า ส่วนพยานอีกปากเป็นคนรับใช้ที่เป็นผู้พบศพคนแรก คือ น.ส.พิมพ์ใจ ดีภูงา อายุ 20 ปี ให้การว่าก่อนเกิดเหตุอยู่ในเรือนคนรับใช้ กระทั่งเวลา 06.00 น.ได้ขึ้นไปยังเรือนหลังใหญ่เพื่อปลุกเด็กๆ ให้ไปอาบน้ำ แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้วจึงได้ไปตามนายกรกต กับพ่อแม่ผู้ตายซึ่งพักอาศัยอยู่ในเรือนอีกหลังในรั้วเดียวกันมาดู
“หลังจากนี้เหลือเพียงขั้นตอนรอผลตรวจอาวุธปืน เขม่าดินปืนที่มือนายบุญชัย ซึ่งส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ รวมทั้งจดหมายลาตายที่ผู้ตายเขียนไว้ เพื่อให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าเป็นลายมือผู้ตายหรือไม่ โดยต้องรอให้ญาตินำเอกสารที่มีรายมือนายบุญชัยอันอื่นมาเปรียบเทียบด้วย แต่เท่าที่สอบถามน้องชายผู้ตายยืนยันว่าเป็นลายมือนายบุญชัยจริง” พ.ต.ท.ปริญญากล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วิศิษฐ์ หมื่นสุวรรณ สว.สส.สน.คลองตัน กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.00 น. ชายที่ถูกระบุชื่อในจดหมายลาตายของนายบุญชัยได้เดินทางมาเข้าพบตำรวจแล้ว เพื่อให้ปากคำแล้ว โดยเบื้องต้นให้การว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาทางด้านการเงินของนายบุญชัยผู้ตายที่คอยช่วยเหลือติดต่อประสานกับทางธนาคารให้อนุมัติเงินผ่านให้ จนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทางธนาคารอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ชายคนดังกล่าวเพียงแค่ทวงถามค่าคอมมิชชัน 5 เปอร์เซ็นต์ที่นายบุญชัยตกลงว่าจะจ่ายให้ แต่นายบุญชัยยังไม่จ่าย จึงอาจมีการทวงถามกันอยู่บ่อยๆ ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้มีการตามทวงหนี้ถึงขั้นจะขู่ฆ่า หรือขู่จะอุ้มลูกของผู้ตายแต่อย่างใด เพียงแต่มีการทวงถามถึงเงินจำนวนดังกล่าวเท่านั้น ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวได้ขอร้องตำรวจไม่ให้เปิดเผยชื่อ เพราะเนื่องจากจะมีผลกระทบต่องานที่ทำอยู่ ด้วยยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินให้กับอีกหลายบริษัท และที่ต้องมาพบตำรวจในเวลา 02.00 น. ก็เพราะกลัวว่านักข่าวจะรู้
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายกรกต สุรวุฒิพงศ์ น้องชายผู้ตายพร้อมญาติอีกประมาณ 10 คน เดินทางมาติดต่อขอรับศพผู้ตายทั้ง 5 คน โดยมีการนำเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาแต่งตัวให้ โดยเฉพาะนายบุญชัย ญาตินำสูท เนกไท มาสวมใส่ให้ จนกระทั่งเวลา 13.00 น.เจ้าหน้าที่จึงนำศพทั้ง 5 มาบรรจุใส่โลง และจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลยังศาลา 3 และศาลา 4 วัดศรีเอี่ยมเป็นเวลา 3 คืน ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังรอทำข่าวการรับศพนายบุญชัยนั้น ปรากฏร่าง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา รอง ผบก.สนว.ตร. โผล่ไปยังโรงพยาบาล บริเวณที่รับศพ เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เดินทางมา พ.ต.อ.ฤทธิรงค์กล่าวเพียงว่าเพิ่งทราบเรื่องการเสียชีวิตของตระกูลสุรวุฒิพงษ์ โดยภรรยาตนรู้จักกับภรรยาน้องชายน้องชายผู้ตาย ทางญาติผูตายจึงขอร้องให้มาช่วยอำนวยความสะดวกในการรับศพดังกล่าว จากนั้น พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ได้รีบเดินทางกลับ โดยอ้างว่าจะรีบไปเข้าประชุม ก่อนที่จะนำพวงหรีดมอบให้แก่ญาติผู้ตายแสดงความอาลัย
นักธุรกิจเครียดหนี้สิน! ก่อเหตุสลดฆ่ายกครัว 5 ศพ


วันนี้ (7 ก.พ.) พ.ต.ท.ปริญญา วงศ์กล้า พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.คลองตัน เจ้าของคดีฆ่ายกครัวตระกูล “สุรวุฒิพงษ์” 5 ศพ เปิดเผยว่า วานนี้ (6 ก.พ.) ตำรวจได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 2 ปาก คนแรกคือนายกรกต สุรวุฒิพงษ์ น้องชายนายบุญชัย สุรวุฒิพงษ์ ผู้ตายให้การว่า ครอบครัวตนมีพี่น้องรวม 6 คน นายบุญชัย ผู้ตายเป็นพี่ชายคนโต มีพี่สาวขั้นอีก 4 คน และตนเป็นคนสุดท้อง ทั้งนี้ ตนเป็นผู้บริหารบริษัทเก่าซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์น้ำหอมเช่นเดียวกัน ที่ก่อนหน้านี้นายบุญชัยเป็นผู้บริหารอยู่ ก่อนจะไปเปิดบริษัทใหม่ในปัจจุบัน
พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า เท่าที่สอบปากคำนายกรกตกับญาติผู้ตายนั้น ทั้งหมดไม่ติดใจในสาเหตุการตาย โดยเชื่อว่านายบุญชัยพี่ชายใช้อาวุธปืนยิงภรรยาและลูก และยิงตัวเองตายตาม สาเหตุเนื่องจากนายบุญชัยเป็นคนค่อนข้างเครียด เวลาทำอะไรมักจริงจัง อยากทำทุกอย่างออกมาให้ดี แต่เมื่อผลออกมาไม่ดีอาจจะทำให้เกิดปัญหาเครียดจัดจนกระทั่งตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้ขึ้น ส่วนเรื่องที่มีผู้มาขู่ซึ่งนายบุญชัยระบุไว้ในจดหมายลาตายนั้น จากการสอบปากคำนายกรกตให้การว่าเพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าววานนี้ และเพิ่งได้อ่านจดหมาย โดยเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าพี่ชายได้ไปกู้เงินจำนวน 130 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในสภาพคล่องของบริษัท โดยทางนางเพ็ญพิมล สุรวุฒิพงศ์ ภรรยานายบุญชัยเป็นผู้ประสานไปยังกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนนายหน้าช่วยติดต่อประสานงานกับทางธนาคารให้อนุมัติเงินได้ง่ายและเร็วขึ้น เมื่อทางธนาคารอนุมัติเงินแล้วก็มีการตกลงว่าจะจ่ายค่าเปอร์เซ็นต์ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยมีการนัดจ่ายเงินกัน แต่ยังไม่มีการจ่ายก็มาเกิดเหตุขึ้นก่อน ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกระบุชื่ออยู่ในจดหมาย พนักงานสอบสวนได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำแล้ว
พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวอีกว่า ส่วนพยานอีกปากเป็นคนรับใช้ที่เป็นผู้พบศพคนแรก คือ น.ส.พิมพ์ใจ ดีภูงา อายุ 20 ปี ให้การว่าก่อนเกิดเหตุอยู่ในเรือนคนรับใช้ กระทั่งเวลา 06.00 น.ได้ขึ้นไปยังเรือนหลังใหญ่เพื่อปลุกเด็กๆ ให้ไปอาบน้ำ แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้วจึงได้ไปตามนายกรกต กับพ่อแม่ผู้ตายซึ่งพักอาศัยอยู่ในเรือนอีกหลังในรั้วเดียวกันมาดู
“หลังจากนี้เหลือเพียงขั้นตอนรอผลตรวจอาวุธปืน เขม่าดินปืนที่มือนายบุญชัย ซึ่งส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ รวมทั้งจดหมายลาตายที่ผู้ตายเขียนไว้ เพื่อให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าเป็นลายมือผู้ตายหรือไม่ โดยต้องรอให้ญาตินำเอกสารที่มีรายมือนายบุญชัยอันอื่นมาเปรียบเทียบด้วย แต่เท่าที่สอบถามน้องชายผู้ตายยืนยันว่าเป็นลายมือนายบุญชัยจริง” พ.ต.ท.ปริญญากล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วิศิษฐ์ หมื่นสุวรรณ สว.สส.สน.คลองตัน กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.00 น. ชายที่ถูกระบุชื่อในจดหมายลาตายของนายบุญชัยได้เดินทางมาเข้าพบตำรวจแล้ว เพื่อให้ปากคำแล้ว โดยเบื้องต้นให้การว่าเป็นแค่ที่ปรึกษาทางด้านการเงินของนายบุญชัยผู้ตายที่คอยช่วยเหลือติดต่อประสานกับทางธนาคารให้อนุมัติเงินผ่านให้ จนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทางธนาคารอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ชายคนดังกล่าวเพียงแค่ทวงถามค่าคอมมิชชัน 5 เปอร์เซ็นต์ที่นายบุญชัยตกลงว่าจะจ่ายให้ แต่นายบุญชัยยังไม่จ่าย จึงอาจมีการทวงถามกันอยู่บ่อยๆ ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้มีการตามทวงหนี้ถึงขั้นจะขู่ฆ่า หรือขู่จะอุ้มลูกของผู้ตายแต่อย่างใด เพียงแต่มีการทวงถามถึงเงินจำนวนดังกล่าวเท่านั้น ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวได้ขอร้องตำรวจไม่ให้เปิดเผยชื่อ เพราะเนื่องจากจะมีผลกระทบต่องานที่ทำอยู่ ด้วยยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินให้กับอีกหลายบริษัท และที่ต้องมาพบตำรวจในเวลา 02.00 น. ก็เพราะกลัวว่านักข่าวจะรู้
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายกรกต สุรวุฒิพงศ์ น้องชายผู้ตายพร้อมญาติอีกประมาณ 10 คน เดินทางมาติดต่อขอรับศพผู้ตายทั้ง 5 คน โดยมีการนำเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาแต่งตัวให้ โดยเฉพาะนายบุญชัย ญาตินำสูท เนกไท มาสวมใส่ให้ จนกระทั่งเวลา 13.00 น.เจ้าหน้าที่จึงนำศพทั้ง 5 มาบรรจุใส่โลง และจะนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลยังศาลา 3 และศาลา 4 วัดศรีเอี่ยมเป็นเวลา 3 คืน ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังรอทำข่าวการรับศพนายบุญชัยนั้น ปรากฏร่าง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา รอง ผบก.สนว.ตร. โผล่ไปยังโรงพยาบาล บริเวณที่รับศพ เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงจุดประสงค์ที่เดินทางมา พ.ต.อ.ฤทธิรงค์กล่าวเพียงว่าเพิ่งทราบเรื่องการเสียชีวิตของตระกูลสุรวุฒิพงษ์ โดยภรรยาตนรู้จักกับภรรยาน้องชายน้องชายผู้ตาย ทางญาติผูตายจึงขอร้องให้มาช่วยอำนวยความสะดวกในการรับศพดังกล่าว จากนั้น พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ได้รีบเดินทางกลับ โดยอ้างว่าจะรีบไปเข้าประชุม ก่อนที่จะนำพวงหรีดมอบให้แก่ญาติผู้ตายแสดงความอาลัย
นักธุรกิจเครียดหนี้สิน! ก่อเหตุสลดฆ่ายกครัว 5 ศพ


