“โกวิท” ฝันสลาย! ดันเพื่อนขึ้นยศ “พล.ต.อ.”

1 ตุลาคม พ.ศ.2547 คือวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งสูงสุดในชีวิตข้าราชการตำรวจของ “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” (นรต.22) ผบ.ตร.คนที่ 4 แห่งกรมปทุมวัน...

31 มกราคม พ.ศ.2550 คือวันที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ กำลังประสบกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ตามที่เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง “พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี” ผบช.น.ได้พูดไว้ หลังจากไม่พอใจสื่อที่นำเสนอข่าวเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ว่าเป็นการกดดัน พล.ต.อ.โกวิท รวมทั้งเหตุความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า จากการจับกุม (ทหารแพะ) โดยอ้างว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคดีวางระเบิด 9 จุดในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549

วันนี้ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 คือวันที่ต้องถูกบันทึกไว้ในหน้า 1 ประวัติศาสตร์ทำเนียบผู้นำกรมปทุมวันอีกครั้ง เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งที่ 25/2550 เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2538 และมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา สบ.10 เป็นผู้รักษาการราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นไปต้นไป สั่ง ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี

โดยที่คำสั่งในครั้งนี้ นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำสั่งโยกย้าย พล.ต.อ.โกวิท เป็นเรื่องของความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นผลของการหารือร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.บุคคลไร้ความสามารถ ถือเป็นตำรวจที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง...กล่าวคือ แม้นายกรัฐมนตรีสั่งปลด...เขาก็ยังเชื่อว่าเป็นเพียงข่าวลือของกลุ่มที่หวังทำลายเขา และเขาย้ำว่าหากปลดจริง พล.อ.สุรยุทธ์ ต้องยกหูโทรศัพท์มาคุยกับเขาก่อน...

แต่เมื่อเหตุการณ์ปลด “โกวิท” เป็นจริง !เขากลับพูดว่า...“ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ และยังฝากให้ตำรวจรุ่นน้องให้อดทนต่อการทำงานในอาชีพ และเปรียบอาชีพตำรวจว่าเหมือนถูกสาป”


วันนี้เช่นกัน...ถือว่าไม่ธรรมดา สำหรับนายตำรวจที่ชื่อ “โกวิท วัฒนะ” เมื่อเขาคิดตอบแทนความดีของเหล่าเพื่อนๆ ตำรวจ ท่ามกลางรอยต่อแห่งชะตากรรมของตนเอง...โดยเขาทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขอพระราชทานยศ “พล.ต.อ.” ให้แก่ พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง พล.ต.ท.นาวิน สิงหะผลิน พล.ต.ท.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ และ พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยที่ พล.ต.อ.โกวิท ให้เหตุผลว่า เนื่องจากนายตำรวจตามชื่อที่เอ่ยมา ขณะรับราชการเป็นผู้มีความรู้ ประพฤติดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต วิริยอุตสาหะ ซึ่งหายากเต็มทีในวงการสีกากี...

จากเหตุผลที่ว่า ขณะรับราชการเป็นผู้มีความรู้ ประพฤติดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต วิริยอุตสาหะ....ตามที่ พล.ต.อ.โกวิท บรรยายสรรพคุณเหล่าเพื่อนๆ เพื่อหวังขอความเห็นใจผู้บังคับบัญชาอย่างนายกรัฐมนตรี หากไปย้อนดูอดีตของนายตำรวจเหล่านั้น ...สุดยอด...

เริ่มจาก พล.ต.ท.ชัยยันต์ ถือเป็นนายตำรวจที่ประกาศเป็นศัตรูกับระบอบประชาธิปไตย เขาดำเนินคดี ยัดข้อกล่าวหาให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ครั้งเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลเผด็จการ นายทักษิณ ชินวัตร โดยที่ พล.ต.ท.ชัยยันต์ ผู้นี้เดินหน้าสั่งสืบสวนสอบสวน เรียกตัวแจ้งข้อกล่าวหาโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ที่อ้างชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ และสุดท้าย คดีพันธมิตรฯ ไล่ทรราชทักษิณ เป็นอันยุติ เมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา เนื่องจากผู้ชุมนุมมีสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ

ถัดมา พล.ต.ท.นาวิน สิงหะผลิน ครั้งยุคทักษิณ เขาคือนายตำรวจที่คอยตรวจสอบความถูกต้องของ สำนวนคดีพันธมิตรฯ และเป็นผู้ที่สนองงานทักษิณ และโกวิท ส่วน พล.ต.ท.อุกฤษฎ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ และ พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ก็ถือเป็นตำรวจที่ไม่แตกต่างไปจาก พล.ต.ท.ชัยยันต์ และ พล.ต.ท.นาวิน

ความพยายามของ พล.ต.อ.โกวิท ที่จะเสนอชื่อเพื่อนของตนเองเลื่อนยศเป็น พล.ต.อ.เพื่อประดับบารมีในช่วงวัยเกษียณ ถือว่าฝันต้องสลาย และหากเรื่องการขอเลื่อนยศได้เข้าสู่การพิจารณาของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ขอให้ พล.อ.สุรยุทธ์ โปรดไตร่ตรองความถูกต้อง เนื่องจาก ท่านอาจถูกกับดักของนายตำรวจที่ชื่อ “โกวิท วัฒนะ” อย่างไม่รู้ตัว.....

ท้ายสุดเพื่อย้ำความทรงจำให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ โดยเฉพาะในเวที สภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่าง สนช.สำราญ รอดเพชร,สนช. ประพันธ์ คูณมี และ สนช.อรรถพล สรสุชาติ ก็ได้อภิปรายย้ำความผิดพลาดของ พล.ต.อ.โกวิท ให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับฟังเหตุและผล มาแล้ว หลายต่อ หลายครั้ง ดังนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ ต้องพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ก่อนที่จะเซ็นคำสั่งสร้างความด่างพร้อยให้กับตนเอง