บุกกุฏิรวบเจ้าอาวาสวัดจันทร์สโมสร และเจ้าคณะเขตดุสิตคาผ้าเหลือง หลังลวงสาวออสเตรเลีย สัญชาติเวียดนาม ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ใช้เทียนลูบไล้ตามตัว-ขึ้นคร่อมข่มขืนจนเสร็จกิจ เหยื่อไม่รู้เรื่อง คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม โทร.ไปเล่าให้แม่ฟังก็ถึงกับลมจับ รีบบินตรงมาไทย แจ้งสถานทูต-ตำรวจรวบรวมหลักฐานบุกจับ เผยเป็นพระดังไปเผยแพร่ศาสนาที่เมืองนอกบ่อยจนญาติโยมเลื่อมใส-ศรัทธา เป็นจำนวนมาก ถึงขนาดแม่เหยื่อต้องกำชับให้มากราบให้ได้
เมื่อเวลา 19.30 น.วานนี้ (1 ก.พ.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส.พร้อมด้วย พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ผกก.1 บก.ปดส. พ.ต.ต.อุเทน นุ้ยพิน สว.กก.1 บก.ปดส. นำกำลังเข้าจับกุมพระวิมลมุนี อายุ 57 ปี เจ้าอาวาสวัดจันทรสโมสร และเจ้าคณะเขตดุสิต ภายในห้องนอนชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส ภายในวัดจันทรสโมสร ซอยสามเสน 21 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต หลังจากรวบรวมหลักฐานพบว่า พระวิมลมุนี ข่มขืนและกระทำการอนาจารหญิงสาววัยรุ่นสาวชาวต่างชาติรายหนึ่ง
โดยที่ห้องดังกล่าวเป็นห้องนอนขนาดเล็ก 2 คูณ 2 เมตร ต่อจากห้องพระชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ และข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวผู้เสียหายคนดังกล่าว ซึ่งเมื่อ พระวิมลมุนี เปิดประตูมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ถึงกับหน้าซีดถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เพราะเพิ่งจะเสร็จพิธีสะเดาะเคราะห์ให้กับหญิงผู้เสียหาย แต่ยังพยายามเก็บอาการอยู่ เมื่อเข้าตรวจสอบภายในห้องนอนดังกล่าว พบบนเตียงนอนมีผ้าแพรหลายผืน ส่วนที่ข้างเตียงมีเทียนสีขาวที่ใช้ทำพิธีวางอยู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเชิญพระวิมลมุนีมาสอบสวนที่ บก.ปดส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มี น.ส.เอมมี่ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ชาวออสเตรเลีย สัญชาติเวียดนาม พร้อมมารดา และเจ้าหน้าที่สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เดินทางได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปดส.ว่า น.ส.เอมมี่ ถูกพระวิมลมุนี กระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ที่ห้องดังกล่าวระหว่างเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย กับเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งเมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวน น.ส.เอมมี่ ให้การว่า ตนกับเพื่อนสาวได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ แม่ของตนบอกว่า ให้มากราบนมัสการพระวิมลมุนี ที่วัดดังกล่าวด้วย เนื่องจากเป็นพระที่แม่เลื่อมใสและศรัทธาอย่างมาก กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 25 ม.ค.จึงชวนเพื่อนมาหาพระวิมลมุนีที่วัดดังกล่าว
น.ส.เอมมี่ ให้การต่อว่า เมื่อมาถึงที่วัด พระวิมลมุนี ได้ทำการดูดวงชะตา และทักตนกำลังมีเคราะห์ ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ทำให้ตนหลงเชื่อ ยอมทำพิธีดังกล่าวในห้องที่เกิดเหตุ โดยในพิธีนั้น พระวิมลมุนีได้ใช้เทียนไขลูบไล้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ใบหน้าไล่มาถึงหน้าอกลงไปจนถึงช่วงล่าง จากนั้นก็ให้ตนถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ก่อนจะขึ้นคร่อมและข่มขืนกระทำชำเรา
โดยหลังจากเสร็จพิธี ตนคิดว่า เป็นการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ จึงไม่ได้เอะอะอะไร ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปเล่าให้แม่ฟังว่าได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์กับพระวิมลมุนี แต่พอแม่ทราบเรื่องก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบเดินทางจากออสเตรเลียมาหาตนที่ประเทศไทย ก่อนจะพาไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่สถานทูตดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่สอบปากคำเรียบร้อย ก็ได้ส่งตัว น.ส.เอมมี่ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อหาร่องรอยการข่มขืน โดยเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียหายถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง เจ้าหน้าที่จึงทำการรวบรวมหลักฐาน และเข้าจับกุมพระวิมลมุนีในวันนี้ โดยให้ น.ส.เอมมี่ ทำทีเข้าไปขอทำพิธีสะเดาะเคราะห์อีกครั้ง และใช้วิธีการเหมือนเดิมจนพระวิมลมุนีตายใจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่จึงเข้าจับกุม
ด้าน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ ทาง พล.ต.อ.อิสรพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ได้รับการประสานจากสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ว่า มีหญิงสาวผู้เสียหายชาวต่างชาติรายหนึ่งถูกพระชั้นผู้ใหญ่และเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน กทม.ล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากทราบเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกรุงเทพมหานครทราบ เพื่อตรวจสอบและทำการรวบรวมหลักฐาน ก่อนนำกำลังเข้าทำการจับกุม
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับสารภาพเพียงบางส่วน และเต็มใจที่จะลาสิกขาบทเอง เพื่อไม่ให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ โดยภายหลังสอบปากคำแล้วได้นิมนต์พระครูปลัดธีรวรวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ และเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร มาทำพิธีสึกให้ ก่อนแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา และกระทำอนาจาร
ด้าน พระครูปลัดธีรวรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับพระรูปนี้นั้นไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนมาก่อน เท่าที่ทราบส่วนใหญ่จะรับกิจนิมนต์ไปต่างประเทศ โดยพระภิกษุที่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย โดยในส่วนของสงฆ์นั้นก็จะมีการสอบสวนวินัยโดยจะยึดหลักฐานทางเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพราะพระก็อยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน คาดว่า คงใช้เวลาไม่นานก็จะทราบผล
พระครูปลัดธีรวรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ปกติแล้วทางสงฆ์ พยายามตรวจตราเพื่อขจัดพระที่กระทำผิดวินัยมาโดยตลอด โดยจะมีพระวินยาธิการ คอยออกตรวจพระที่ประพฤติไม่ดี หากไม่ร้ายแรงก็จะว่ากล่าวตักเตือนให้อยู่ในกรอบของสงฆ์ ถ้าพบหลักฐานกระทำผิดตามกฎหมาย ก็จะตัวส่งดำเนินคดี โดยที่ผ่านมาในพื้นที่ กทม.มีพระถูกร้องเรียนเข้ามาประมาณ 400 เรื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นบัตรสนเท่ห์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับพระวิมลมุนี เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับกิจนิมนต์ให้ไปเผยแพร่ศาสนาพุทธในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะที่วัดในประเทศออสเตรเลีย จนมีพุทธศาสนิกชนในประเทศออสเตรเลีย ให้ความนับถือและศรัทธาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งแม่ของผู้เสียหาย ซึ่งศรัทธาพระครูวิมลมุนีมากเป็นอย่างมาก เพราะรู้จักกันนานกว่า 10 ปี ถึงขนาดกำชับให้ลูกสาวซึ่งได้มาท่องเที่ยวในเมืองไทยให้หาเวลาแวะไปนมัสการพระวิมลมุนีให้ได้