ยิงระเบิด 2 ลูกกลางดึก!! ลงกลางพื้นถนนที่ “เดลินิวส์” อีกลูกโดนกำแพงลานจอดรถ “รามาการ์เด้นส์” พังเป็นหลุมกว้าง ตร.คาดใช้เครื่องยิงลูกระเบิดยิงลงมาจากบนทางด่วนโทลล์เวย์ หรือริมกำแพงฝั่งถนนวิภาวดี เตรียมเก็บเศษตะกั่วอะลูมิเนียมที่ตกอยู่หาชนิดระเบิด ส่วนสาเหตุยังเดาไม่ออก
เมื่อเวลา 01.30 น.วันนี้ (30 ม.ค.) พ.ต.ท.มานิต เกษมศิริ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งมีเหตุระเบิดภายในบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และลานจอดรถโรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ศานุจารย์ พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ พ.ต.อ.สมชาย อินโต รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงค์ศรี ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บชน.
ที่เกิดเหตุจุดแรกอยู่บนพื้นถนนทางเข้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ใกล้กับโรงอาหาร เจ้าหน้าที่พบหลุมกว้างประมาณ 5 นิ้ว ลึก 1 นิ้ว และพบเศษตะกั่วตกอยู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้หลอดไฟนีออนตามทางเดินเท้าหล่นแตกอีกด้วย
ที่เกิดเหตุจุดที่ 2 อยู่ภายในลานจอดรถสร้างใหม่ด้านหลังอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ สูง 4 ชั้น เจ้าหน้าที่พบว่าที่กำแพงด้านนอกของลานจอดรถชั้น 1 บี มีหลุมกว้างประมาณ 8 นิ้ว ลึกประมาณ 1 นิ้ว มีคราบเขม่า เศษอะลูมิเนียมและตะกั่วตกอยู่เช่นกัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กำแพงของลานจอดรถด้านในเกิดหลุมกว้างประมาณ 10 นิ้ว ลึกประมาณ 2 นิ้ว เศษปูนกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร และหลอดไฟนีออนหล่นแตกอีกเช่นกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบตามกำแพงของสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฝั่งที่ติดอยู่กับโรงเรียนสารีนันท์ เพื่อหาร่องรอยที่คนร้ายทิ้งไว้ เนื่องจากคาดว่าคนร้ายอาจจะยิงระเบิดมาจากฝั่งริมกำแพงดังกล่าว
จากการสอบสวน รปภ.ของอาคารสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 01.00 น.เศษ ขณะที่กำลังที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหน้าอาคารสำนักงานดังกล่าว ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้งจึงรีบวิ่งมาดูเพราะคิดว่าอาจเป็นเสียงยางล้อรถระเบิดหรือหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด หลังจากนั้นประมาณ 10 วินาทีก็มองเห็นแสงวูบขึ้นที่กำแพงลานจอดรถของโรงแรมรามาการ์เด้นส์ จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดตามมาทำให้ต้องรีบวิ่งหลบหนี ก่อนที่จะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน นายสุชาติ วงศ์ละมัย รปภ.ของโรงแรมรามาการ์เด้นส์ ให้การว่า เวลาประมาณ 01.00 น.เศษได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ดังมาจากด้านหลังลานจอดรถ จึงรีบวิ่งมาดูก็พบหลอดไฟนีออนหล่นแตกอยู่ และที่กำแพงลานจอดรถทั้งด้านนอกและด้านในได้รับความเสียหายดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วัชรพงศ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีระเบิด 2 จุด คือ ที่ลานจอดรถของโรงแรม และบนพื้นถนนทางเข้าอาคารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยมีเศษหัวตะกั่วและหลักฐานบางส่วนตกอยู่ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นระเบิดชนิดใด โดยจุดที่คนร้ายยิงระเบิดเข้ามานั้นอาจเป็นไปได้ว่ามาจากบนทางด่วนโทลล์เวย์ หรือตามริมกำแพงที่ติดกับริมถนนวิภาวดีก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเศษอะลูมิเนียมที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าระเบิดที่คนร้ายใช้ยิงเข้ามานั้นน่าจะเป็นระเบิดซ้อม ไม่ใช่ระเบิดที่หวังผลทำลายล้างแต่อย่างใด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนของชนิดใด ต้องรอผลการตรวจสอบของหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่า เช้าวันนี้ (30 ม.ค.) พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุระเบิดหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และลานจอดรถโรงแรมรามาการ์เด้นส์ พร้อมกันนี้แหล่งข่าวกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงชนิดของระเบิดที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้ว่าเป็นลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร โดยถูกยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิดขนาดเอ็ม 79 ซึ่งมีวิถียิงได้ไกลสุด 400 เมตร ระยะหวังผล 100 เมตร โดยมีอานุภาพทำลายล้างของแรงระเบิดประมาณ 100 เมตร
จากการสันนิษฐานเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายน่าจะมุ่งหวังข่มขู่มากกว่า ทั้งนี้ จากการคำนวณวิถีกระสุนพบว่า ระเบิดดังกล่าวน่าจะถูกยิงลงมาจากทางด่วนโทลล์เวย์ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจจะถูกยิงมาจากบริเวณอื่น เนื่องจากอาวุธดังกล่าวสามารถยิงได้ทั้งวิถีตรง และวิถีโค้ง ซึ่งอาวุธชนิดนี้มีใช้ทั้งในราชการทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน
