ตำรวจยังมึนๆ คดี ด.ญ.วัย 13 ปี หนีออกจากม่านรูดกลางกรุงตอนตี 4 โดยเด็กให้การว่าซ้อนท้าย จยย.คนรู้จักพ่อจากสระแก้วเข้ากรุง แล้วพาเข้าโรงแรมข่มขืนก่อนจะหลบหนีไป ส่วนจะถูกจี้หรือถูกล่อลวงมานั้น ต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเด็กหญิงวัย 13 ปี นุ่งผ้าขนหนูวิ่งหนีออกมาจากโรงแรมเจริญผล ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. เมื่อช่วงเวลา 04.30 น.วันนี้นั้น ร.ต.อ.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.พญาไท ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้สอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายในเบื้องต้นแล้ว ทราบว่า ชื่อ ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เป็นนักเรียนชั้น ป.3 เนื่องจากเข้าเรียนช้ากว่าปกติ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.วัฒนานคร บ้านอยู่ ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และพักอยู่กับยายสองคนที่บ้านใน จ.สระแก้ว โดยพ่อและแม่แยกทางกัน ยายมีอาชีพเผาถ่านและเก็บของเก่าขาย พ่อทำงานก่อสร้างใกล้บ้าน โดยไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน แต่จะมาหาที่บ้านช่วงเย็นเกือบทุกวัน
ต่อมาเมื่อช่วงระยะเวลา 3 วัน ที่ผ่านมา ได้มีชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 40 ปี ซึ่งรู้จักกับพ่อเข้ามาพูดคุยตีสนิท จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวได้บอกกับ ด.ญ.ก้อยว่าจะพาไปซื้อกับข้าวเพื่อนำเอาไปฝากให้พ่อซึ่งทำงานก่อสร้างอยู่ ด.ญ.ก้อยจึงได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยต์ซูซูกิ รุ่นอาร์ซี แบบผู้หญิงสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จากที่บ้าน จ.สระแก้ว มาถึงที่โรงแรมในเวลาประมาณ 01.30 น. เข้ามาเปิดห้องพักชั่วคราว โดยชายคนดังกล่าวได้ข่มขู่ก่อนบังคับข่มขืนกระทำชำเรา 1 ครั้งจนสำเร็จความใคร่ และประมาณ 04.00 น.จึงหลบหนีไป จากนั้นจึงหนีออกมาหน้าโรงแรมเพื่อโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านยัง จ.สระแก้ว
หลังจากสอบปากคำเบื้องต้น ร.ต.อ.ธรรมรักษ์ ได้นำตัว ด.ญ.ก้อยส่ง รพ.รามาธิบดี ให้แพทย์ตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งประสานอัยการ เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้ปกครองของเด็ก ร่วมกันสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามนางสมร (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ป้าของ ด.ญ.ก้อย มาสอบสวน โดยนางสมรให้การว่าตนพักอยู่กับลูกสาว และช่วยเลี้ยงหลาน ส่วนลูกสาวทำงานนวดแผนโบราณอยู่ที่พัทยา เมื่อทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางมาโรงพัก และยังไม่ทราบรายละเอียดว่าหลานสาวถูกล่อลวงมาได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยต้องรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะพาหนะซึ่งเป็นเพียงรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ล่อลวงจาก จ.สระแก้วมายัง กทม.นั้นระยะทางไกลมาก ประกอบกับถ้าคนร้ายเจตนาข่มขืนเหยื่อก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึง กทม. รวมทั้งขณะเข้าโรงแรมจนถึงช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลานานพอที่เหยื่อจะมีโอกาสหนีหรือร้องให้คนช่วยเหลือได้ ส่วนประเด็นการถูกจี้หรือถูกล่อลวงมานั้นก็จะต้องสอบปากคำเด็กให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 04.30 น.วันนี้ โดย ร.ต.อ.กฤษฎา นุ่มนวล หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งจากโชเฟอร์แท็กซี่ว่ามีเด็กหญิงถูกล่อลวงมาข่มขืนที่โรงแรมเจริญผล จึงรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็พบ ด.ญ.ก้อย ยืนอยู่หน้าโรงแรม โดยคนขับรถแท็กซี่ให้รายละเอียดว่า ด.ญ.ก้อยออกมาจากโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งยัง จ.สระแก้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะล่อลวงเข้าโรงแรม เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงนำตัวส่ง สน.พญาไทเพื่อสอบปากคำ ก่อนจะตามญาติมาให้การดังกล่าว
ด.ญ.วัย 13 ถูกจี้เข้ากรุง นุ่งผ้าขนหนูวิ่งหนีออกจากม่านรูด!


วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเด็กหญิงวัย 13 ปี นุ่งผ้าขนหนูวิ่งหนีออกมาจากโรงแรมเจริญผล ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. เมื่อช่วงเวลา 04.30 น.วันนี้นั้น ร.ต.อ.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.พญาไท ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้สอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายในเบื้องต้นแล้ว ทราบว่า ชื่อ ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เป็นนักเรียนชั้น ป.3 เนื่องจากเข้าเรียนช้ากว่าปกติ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.วัฒนานคร บ้านอยู่ ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และพักอยู่กับยายสองคนที่บ้านใน จ.สระแก้ว โดยพ่อและแม่แยกทางกัน ยายมีอาชีพเผาถ่านและเก็บของเก่าขาย พ่อทำงานก่อสร้างใกล้บ้าน โดยไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน แต่จะมาหาที่บ้านช่วงเย็นเกือบทุกวัน
ต่อมาเมื่อช่วงระยะเวลา 3 วัน ที่ผ่านมา ได้มีชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 40 ปี ซึ่งรู้จักกับพ่อเข้ามาพูดคุยตีสนิท จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ชายคนดังกล่าวได้บอกกับ ด.ญ.ก้อยว่าจะพาไปซื้อกับข้าวเพื่อนำเอาไปฝากให้พ่อซึ่งทำงานก่อสร้างอยู่ ด.ญ.ก้อยจึงได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยต์ซูซูกิ รุ่นอาร์ซี แบบผู้หญิงสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จากที่บ้าน จ.สระแก้ว มาถึงที่โรงแรมในเวลาประมาณ 01.30 น. เข้ามาเปิดห้องพักชั่วคราว โดยชายคนดังกล่าวได้ข่มขู่ก่อนบังคับข่มขืนกระทำชำเรา 1 ครั้งจนสำเร็จความใคร่ และประมาณ 04.00 น.จึงหลบหนีไป จากนั้นจึงหนีออกมาหน้าโรงแรมเพื่อโบกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านยัง จ.สระแก้ว
หลังจากสอบปากคำเบื้องต้น ร.ต.อ.ธรรมรักษ์ ได้นำตัว ด.ญ.ก้อยส่ง รพ.รามาธิบดี ให้แพทย์ตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งประสานอัยการ เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้ปกครองของเด็ก ร่วมกันสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามนางสมร (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ป้าของ ด.ญ.ก้อย มาสอบสวน โดยนางสมรให้การว่าตนพักอยู่กับลูกสาว และช่วยเลี้ยงหลาน ส่วนลูกสาวทำงานนวดแผนโบราณอยู่ที่พัทยา เมื่อทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางมาโรงพัก และยังไม่ทราบรายละเอียดว่าหลานสาวถูกล่อลวงมาได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยต้องรอการสอบสวนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะพาหนะซึ่งเป็นเพียงรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ล่อลวงจาก จ.สระแก้วมายัง กทม.นั้นระยะทางไกลมาก ประกอบกับถ้าคนร้ายเจตนาข่มขืนเหยื่อก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึง กทม. รวมทั้งขณะเข้าโรงแรมจนถึงช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลานานพอที่เหยื่อจะมีโอกาสหนีหรือร้องให้คนช่วยเหลือได้ ส่วนประเด็นการถูกจี้หรือถูกล่อลวงมานั้นก็จะต้องสอบปากคำเด็กให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 04.30 น.วันนี้ โดย ร.ต.อ.กฤษฎา นุ่มนวล หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งจากโชเฟอร์แท็กซี่ว่ามีเด็กหญิงถูกล่อลวงมาข่มขืนที่โรงแรมเจริญผล จึงรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็พบ ด.ญ.ก้อย ยืนอยู่หน้าโรงแรม โดยคนขับรถแท็กซี่ให้รายละเอียดว่า ด.ญ.ก้อยออกมาจากโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งยัง จ.สระแก้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะล่อลวงเข้าโรงแรม เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงนำตัวส่ง สน.พญาไทเพื่อสอบปากคำ ก่อนจะตามญาติมาให้การดังกล่าว
ด.ญ.วัย 13 ถูกจี้เข้ากรุง นุ่งผ้าขนหนูวิ่งหนีออกจากม่านรูด!