จารบุรุษ
ถามไถ่กันตรงๆก่อนเลยว่า ตั้งแต่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. มารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2547 จวบจนปัจจุบัน มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมบ้าง เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา บนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าทำนอง "ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ" คำถามที่ตามมา คือ"ทั่นผบ."ทำอะไรอยู่ ?"
ยังคงจำกันได้ดี เมื่อครั้งพล.ต.อ.โกวิท เป็นรองผบ.ตร. สื่อส่วนใหญ่ต่างเชียร์ให้ขึ้นรั้งเก้าอี้ผบ.ตร. ทั้งที่มีคู่แข่งจากฟากการเมือง อย่างพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองผบ.ตร.ที่โอนย้ายมาจากเลขาธิการปปส. อีกทั้งตำรวจส่วนใหญ่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกือบทั่วประเทศ ต่างเอาใจช่วยให้รองฯโกวิท ขึ้นนั่งเก้าอี้ผบ.ตร.ให้ได้ รวมทั้งตัวพล.ต.อ.โกวิทเอง ยังเดินทางไป(ทวง)ถามกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นในทำนองว่า "จะเอาใครแน่ให้บอกมา" จนในที่สุด อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องยอมให้พล.ต.อ.โกวิท ขึ้นรั้งเก้าอี้ผบ.ตร.ในที่สุด
ครั้งนั้น ภาพของนายตำรวจน้ำดี ภาพของนายตำรวจที่กล้าได้กล้าเสีย ภาพของนายตำรวจตงฉินแห่งปี ผุดขึ้นมา เป็นแสงสว่างสอดส่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกที่พากันกระแนะกระแหนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาต่ เป็นเพียง สำนักงานตำรวจรับใช้นักการเมือง สำนักงานตำรวจที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน"แดนสนธยา"กำลังจะจางหายไป เมื่อพล.ต.อ.โกวิท เข้ามารับตำแหน่งผบ.ตร. แต่เมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปตลอดระยะเวลาจวบ 3 ปี กาลเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนและธาตุแท้ ซึ่งได้แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ได้นำพาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปในทิศทางใด โดยเฉพาะในช่วงที่"ระบอบทักษิณ"เรืองอำนาจ !
ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เมื่อ"ระบอบทักษิณ" ครอบงำสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ราวกับ"ลูกไก่ในกำมือ" ทิศทางที่พล.ต.อ.โกวิท นำพา ก็อาจจะเซซังและสะดุดลงบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือคปค. ออกมายึดอำนาจ พล.ต.อ.โกวิท ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมคณะ ทั้งยังได้รับอำนาจเบ็ดเสร็จให้เก็บกวาด"ขยะ"ภายในสำนักงานนตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผลงานที่ปรากฏออกมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.ต.อ.โกวิท ได้ดำเนินการอะไร ตั้งแต่การแต่งตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือก.ตร.ชุดแรก ซึ่งในที่สุด คปค.ทนแรงเสียดทานและเสียงกนด่าไม่ไหว ถึงกับต้องมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งที่ให้อำนาจกับพล.ต.อ.โกวิท และยกเลิกก.ตร.ชุดที่พล.ต.อ.โกวิท แต่งตั้งมากับมือ
การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่พล.ต.อ.โกวิท กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเป็นครั้งแรก ก็หาได้พ้นข้อครหาไปไม่ แม้กระทั่งการแต่งตั้งรองผบ.ตร. 1 ตำแหน่งที่มาจากผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้อาวุโสอันดับที่ 1-2-3-4 ในตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร. ก็ถูกข้ามหัวไปเสีย โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่า พล.ต.อ.โกวิท ใช้เหตุผลอะไร หรือจะแอบอ้างใช้ชื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ขอมาหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ เรื่องนี้ ก็ยังเป็นที่ค้างคาใจของคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ เรื่องนี้ ก็ขอพูดถึงเฉพาะตำแหน่งรองผบ.ตร.เท่านั้น ยังไม่รวมถึงการปูนบำเหน็จตำแหน่งรองผบก.ให้กับพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ"โอ๋ สืบ6" ซึ่งพล.ต.อ.โกวิท ก็ไม่ได้เลือกที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทั้งที่มีอำนาจที่จะยับยั้งการแต่งตั้งดังกล่าวได้
เกียรติประวัติที่ต้องจดจำอย่างยิ่งในตำแหน่งผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็คือในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 คืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่เกิดเหตุการณ์ระเบิด 8 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันทั่วกรุงเทพมหานคร เหตุการณ์ครั้งนี้ ไร้ทั้งเสียง ไร้ทั้งเงาของผู้ที่ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. เมื่อข่าวสอบถามกันเป็นเสียงเดียวว่า "ผบ.ตร.(หายหัว)ไปอยู่ไหน" ก็กลับมี"โฆษกประจำตัว" ออกมาแถลงสร้างภาพให้เห็นว่า ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมสาระทุกข์สุกดิบของตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทว่า ข้อเท็จจริงนั้น ไม่สามารถที่จะปรุงแต่งได้ ในเมื่อภายหลังกลับปรากฏข่าวพล.ต.อ.โกวิท พร้อมบริวาร ปรากฏกายในห้องคาราโอเกะของโรงแรมเจบี หาดใหญ่ จ.สงขลา ในคืนวันที่เกิดระเบิด!
ในภาพยนตร์ไทยยุดก่อน ยังมีภาพแห่งการเสียสละของตำรวจให้เห็น เมื่อนักแสดงรับบทเป็นตำรวจ กลับมาถึงบ้าน เข้านอนกับลูกเมียแล้ว กลางดึกเกิดเหตุร้ายขึ้น ตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมาทางวิทยุสื่อสาร ตำรวจผู้นั้นก็จะลุกขึ้นจากที่นอน แต่งเครื่องแบบ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ท่ามกลางสายตาที่อาลัยอาวอนและความห่วงใยอย่างยิ่งยวดของผู้เป็นภรรยา ซึ่งบางครั้งตำรวจผู้นั้นก็ไม่ได้กลับมาหาลูกเมียอีก ด้วยถูกเหล่าร้ายฆ่าตาย นั่น...เป็นบทในภาพยนตร์ไทยยุคก่อน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน เกิดเหตุระเบิดกลางเมืองหลวง ในช่วงเทศกาลสำคัญของชาวโลก มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินเสียหาย คนเมืองกรุงขวัญกระเจิง การท่องเที่ยวพินาศย่อยยับ กลับไม่เห็นหัวของคนเป็นผบ.ตร. อย่างนี้ พวกเราจะไว้วางใจในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ โดยเฉพาะคนที่เป็นผบ.ตร.ได้อย่างไร
ประมาณ 3 วันให้หลัง พล.ต.อ.โกวิท เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ สื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์ออกกันทุกช่องทุกฉบับ อยากถามตรงๆว่า "ไปทำไม...ยังมีหน้ามาห่วงใยชาวประชาอีกหรือ ความรับผิดชอบของผู้ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.อยู่ที่ไหน" มีตำรวจบางนายถึงกับใช้คำว่า "อายแทน" !
ต่อจากนี้ไป เหลืออีกไม่กี่เดือน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว มีอธิบดีกรมตำรวจ และผบ.ตร.ไม่กี่คนนักที่เกษียณอายุราชการในตำแหน่งดังกล่าว หลายท่านได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้กับวงการสีกากี เกียรติประวัติของหลายท่านที่ล่วงลับไปแล้ว ถูกถ่ายทอดลงในหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพด้วยความภาคภูมิใจไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้หวนรำลึกถึง
หากพล.ต.อ.โกวิท จะขอเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ตร.บ้างก็ไม่ว่ากัน เพราะนั่นถือเป็นเกียรติประวัติแก่ตัวเองเช่นเดียวกัน แต่เกียรติประวัติตลอดระยะเวลา 3 ปีในตำแหน่งผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิทนั้น จะถ่ายทอดผ่านตัวหนังสืออย่างไรให้อนุชนและตำรวจรุ่นหลังได้หวนรำลึกถึง เพราะ"ใช่ว่าความชั่วไม่มี แต่ความดีของท่านไม่ปรากฏเลย".....
ถามไถ่กันตรงๆก่อนเลยว่า ตั้งแต่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. มารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2547 จวบจนปัจจุบัน มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมบ้าง เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา บนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าทำนอง "ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ" คำถามที่ตามมา คือ"ทั่นผบ."ทำอะไรอยู่ ?"
ยังคงจำกันได้ดี เมื่อครั้งพล.ต.อ.โกวิท เป็นรองผบ.ตร. สื่อส่วนใหญ่ต่างเชียร์ให้ขึ้นรั้งเก้าอี้ผบ.ตร. ทั้งที่มีคู่แข่งจากฟากการเมือง อย่างพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองผบ.ตร.ที่โอนย้ายมาจากเลขาธิการปปส. อีกทั้งตำรวจส่วนใหญ่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกือบทั่วประเทศ ต่างเอาใจช่วยให้รองฯโกวิท ขึ้นนั่งเก้าอี้ผบ.ตร.ให้ได้ รวมทั้งตัวพล.ต.อ.โกวิทเอง ยังเดินทางไป(ทวง)ถามกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นในทำนองว่า "จะเอาใครแน่ให้บอกมา" จนในที่สุด อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องยอมให้พล.ต.อ.โกวิท ขึ้นรั้งเก้าอี้ผบ.ตร.ในที่สุด
ครั้งนั้น ภาพของนายตำรวจน้ำดี ภาพของนายตำรวจที่กล้าได้กล้าเสีย ภาพของนายตำรวจตงฉินแห่งปี ผุดขึ้นมา เป็นแสงสว่างสอดส่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกที่พากันกระแนะกระแหนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาต่ เป็นเพียง สำนักงานตำรวจรับใช้นักการเมือง สำนักงานตำรวจที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน"แดนสนธยา"กำลังจะจางหายไป เมื่อพล.ต.อ.โกวิท เข้ามารับตำแหน่งผบ.ตร. แต่เมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปตลอดระยะเวลาจวบ 3 ปี กาลเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนและธาตุแท้ ซึ่งได้แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ได้นำพาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปในทิศทางใด โดยเฉพาะในช่วงที่"ระบอบทักษิณ"เรืองอำนาจ !
ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน เมื่อ"ระบอบทักษิณ" ครอบงำสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ราวกับ"ลูกไก่ในกำมือ" ทิศทางที่พล.ต.อ.โกวิท นำพา ก็อาจจะเซซังและสะดุดลงบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือคปค. ออกมายึดอำนาจ พล.ต.อ.โกวิท ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมคณะ ทั้งยังได้รับอำนาจเบ็ดเสร็จให้เก็บกวาด"ขยะ"ภายในสำนักงานนตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผลงานที่ปรากฏออกมาก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.ต.อ.โกวิท ได้ดำเนินการอะไร ตั้งแต่การแต่งตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือก.ตร.ชุดแรก ซึ่งในที่สุด คปค.ทนแรงเสียดทานและเสียงกนด่าไม่ไหว ถึงกับต้องมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งที่ให้อำนาจกับพล.ต.อ.โกวิท และยกเลิกก.ตร.ชุดที่พล.ต.อ.โกวิท แต่งตั้งมากับมือ
การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่พล.ต.อ.โกวิท กุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเป็นครั้งแรก ก็หาได้พ้นข้อครหาไปไม่ แม้กระทั่งการแต่งตั้งรองผบ.ตร. 1 ตำแหน่งที่มาจากผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้อาวุโสอันดับที่ 1-2-3-4 ในตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร. ก็ถูกข้ามหัวไปเสีย โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่า พล.ต.อ.โกวิท ใช้เหตุผลอะไร หรือจะแอบอ้างใช้ชื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ขอมาหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ เรื่องนี้ ก็ยังเป็นที่ค้างคาใจของคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ เรื่องนี้ ก็ขอพูดถึงเฉพาะตำแหน่งรองผบ.ตร.เท่านั้น ยังไม่รวมถึงการปูนบำเหน็จตำแหน่งรองผบก.ให้กับพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ"โอ๋ สืบ6" ซึ่งพล.ต.อ.โกวิท ก็ไม่ได้เลือกที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทั้งที่มีอำนาจที่จะยับยั้งการแต่งตั้งดังกล่าวได้
เกียรติประวัติที่ต้องจดจำอย่างยิ่งในตำแหน่งผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็คือในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 คืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่เกิดเหตุการณ์ระเบิด 8 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันทั่วกรุงเทพมหานคร เหตุการณ์ครั้งนี้ ไร้ทั้งเสียง ไร้ทั้งเงาของผู้ที่ดำรงตำแหน่งผบ.ตร. เมื่อข่าวสอบถามกันเป็นเสียงเดียวว่า "ผบ.ตร.(หายหัว)ไปอยู่ไหน" ก็กลับมี"โฆษกประจำตัว" ออกมาแถลงสร้างภาพให้เห็นว่า ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยมสาระทุกข์สุกดิบของตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทว่า ข้อเท็จจริงนั้น ไม่สามารถที่จะปรุงแต่งได้ ในเมื่อภายหลังกลับปรากฏข่าวพล.ต.อ.โกวิท พร้อมบริวาร ปรากฏกายในห้องคาราโอเกะของโรงแรมเจบี หาดใหญ่ จ.สงขลา ในคืนวันที่เกิดระเบิด!
ในภาพยนตร์ไทยยุดก่อน ยังมีภาพแห่งการเสียสละของตำรวจให้เห็น เมื่อนักแสดงรับบทเป็นตำรวจ กลับมาถึงบ้าน เข้านอนกับลูกเมียแล้ว กลางดึกเกิดเหตุร้ายขึ้น ตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมาทางวิทยุสื่อสาร ตำรวจผู้นั้นก็จะลุกขึ้นจากที่นอน แต่งเครื่องแบบ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ท่ามกลางสายตาที่อาลัยอาวอนและความห่วงใยอย่างยิ่งยวดของผู้เป็นภรรยา ซึ่งบางครั้งตำรวจผู้นั้นก็ไม่ได้กลับมาหาลูกเมียอีก ด้วยถูกเหล่าร้ายฆ่าตาย นั่น...เป็นบทในภาพยนตร์ไทยยุคก่อน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน เกิดเหตุระเบิดกลางเมืองหลวง ในช่วงเทศกาลสำคัญของชาวโลก มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินเสียหาย คนเมืองกรุงขวัญกระเจิง การท่องเที่ยวพินาศย่อยยับ กลับไม่เห็นหัวของคนเป็นผบ.ตร. อย่างนี้ พวกเราจะไว้วางใจในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ โดยเฉพาะคนที่เป็นผบ.ตร.ได้อย่างไร
ประมาณ 3 วันให้หลัง พล.ต.อ.โกวิท เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ สื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์ออกกันทุกช่องทุกฉบับ อยากถามตรงๆว่า "ไปทำไม...ยังมีหน้ามาห่วงใยชาวประชาอีกหรือ ความรับผิดชอบของผู้ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.อยู่ที่ไหน" มีตำรวจบางนายถึงกับใช้คำว่า "อายแทน" !
ต่อจากนี้ไป เหลืออีกไม่กี่เดือน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว มีอธิบดีกรมตำรวจ และผบ.ตร.ไม่กี่คนนักที่เกษียณอายุราชการในตำแหน่งดังกล่าว หลายท่านได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้กับวงการสีกากี เกียรติประวัติของหลายท่านที่ล่วงลับไปแล้ว ถูกถ่ายทอดลงในหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพด้วยความภาคภูมิใจไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้หวนรำลึกถึง
หากพล.ต.อ.โกวิท จะขอเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผบ.ตร.บ้างก็ไม่ว่ากัน เพราะนั่นถือเป็นเกียรติประวัติแก่ตัวเองเช่นเดียวกัน แต่เกียรติประวัติตลอดระยะเวลา 3 ปีในตำแหน่งผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิทนั้น จะถ่ายทอดผ่านตัวหนังสืออย่างไรให้อนุชนและตำรวจรุ่นหลังได้หวนรำลึกถึง เพราะ"ใช่ว่าความชั่วไม่มี แต่ความดีของท่านไม่ปรากฏเลย".....