จำคุก 15 ปี หนุ่มกทม. แก๊ง จยย. ตบหน้าสาวชิงมือถือ ขณะข้ามสะพานลอยกลางดึก เพิ่มโทษอีก 5 ปี เป็น 20 ปี ฐานเคยทำร้ายร่างกายผู้อื่น
วันนี้(6 ธ.ค.49)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาคดีชิงทรัพย์ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเรืองศักดิ์ หรือแจ็ค ตามประดับ อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 83 / 6 ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 2 มี.ค.49 ระบุความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 48 เวลาประมาณ 23.45 น.ขณะที่ น.ส.น้ำทิพย์ แก้วใจ ผู้เสียหาย กำลังเดินข้ามสะพานลอยคลองประปา ตรงข้าม ซ.ประชาชื่น 37 ถ.ประชาชื่น เพื่อรอรถกลับบ้านนั้น นายพีระชาติ ครวญช้าง จำเลยร่วมที่ศาลพิพากษาไปแล้วได้ใช้มือตบหน้าผู้เสียหาย 2 ครั้งและชิงโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย 7260 ราคา 9,600 บาท ขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งมีจำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนี ระหว่างนี้ ร.ต.อ.วุธพันธ์ เนตรเพชราชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น มาพบเหตุจึงใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์จำเลยล้มลง จนหมวกนิรภัยหลุดและสามารถจับกุมนายพีระชาติ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนจำเลยหลบหนีไป กระทั่งวันที่ 9 ม.ค. 49 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ และให้การปฏิเสธ อ้างว่า นายพีระชาติ ขอยืมรถจักรยานยนต์ไป ส่วนตนเล่นสนุ้กเกอร์ อยู่จนเช้าจึงกลับบ้าน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์สามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากอยู่ในระยะใกล้ มีแสงสว่างชัดเจน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอย ๆ เชื่อว่าจำเลยร่วมกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษา จำคุก 15 ปี และเนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ของศาลอาญาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จึงให้เพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 รวมจำคุกจำเลยไว้ 20 ปี
วันนี้(6 ธ.ค.49)ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำพิพากษาคดีชิงทรัพย์ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเรืองศักดิ์ หรือแจ็ค ตามประดับ อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 83 / 6 ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 2 มี.ค.49 ระบุความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 48 เวลาประมาณ 23.45 น.ขณะที่ น.ส.น้ำทิพย์ แก้วใจ ผู้เสียหาย กำลังเดินข้ามสะพานลอยคลองประปา ตรงข้าม ซ.ประชาชื่น 37 ถ.ประชาชื่น เพื่อรอรถกลับบ้านนั้น นายพีระชาติ ครวญช้าง จำเลยร่วมที่ศาลพิพากษาไปแล้วได้ใช้มือตบหน้าผู้เสียหาย 2 ครั้งและชิงโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย 7260 ราคา 9,600 บาท ขึ้นรถจักรยานยนต์ซึ่งมีจำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนี ระหว่างนี้ ร.ต.อ.วุธพันธ์ เนตรเพชราชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น มาพบเหตุจึงใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์จำเลยล้มลง จนหมวกนิรภัยหลุดและสามารถจับกุมนายพีระชาติ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนจำเลยหลบหนีไป กระทั่งวันที่ 9 ม.ค. 49 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ และให้การปฏิเสธ อ้างว่า นายพีระชาติ ขอยืมรถจักรยานยนต์ไป ส่วนตนเล่นสนุ้กเกอร์ อยู่จนเช้าจึงกลับบ้าน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์สามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากอยู่ในระยะใกล้ มีแสงสว่างชัดเจน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอย ๆ เชื่อว่าจำเลยร่วมกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษา จำคุก 15 ปี และเนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ของศาลอาญาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จึงให้เพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 รวมจำคุกจำเลยไว้ 20 ปี