เรื่องน่ายินดีรับวันพ่อ “เต๋อ เชิญยิ้ม” ตามหาพ่อที่พลัดพรากกันกว่า 40 ปีจนพบ เจอหน้าร่ำไห้ผวาเข้าสวมกอด รับปากจะดูแลอย่างดีที่สุด เผยความสำเร็จชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม ประสานตำรวจตามจนเจอ
จากกรณีที่นายสันติ สมบัติ อายุ 44 ปี หรือ “เต๋อ เชิญยิ้ม“ นักแสดงตลกและตัวประกอบละคร “เป็นต่อ” แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และละครเรื่อง “ผู้กองเจ้าเสน่ห์” พร้อมด้วยภรรยาและบุตรชายวัย 3 ขวบ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรม ให้ประชาสัมพันธ์หาตัวนายรังสรรค์ สมบัติ อายุ 67 ปี บิดาบังเกิดเกล้าที่พลัดพรากจากกันมานานกว่า 40 ปี หลังแยกทางกับมารดาคือ นางเพ็ญศรี พลเยี่ยม ตั้งแต่ตนเองยังอยู่ในครรภ์ได้ 3 เดือนนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง นายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรม ได้พานายสันติ สมบัติ หรือ “เต๋อ เชิญยิ้ม” เดินทางมายังบ้านเลขที่ 1/16 หมู่ที่ 3 ชุมชนกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช 67 แขวงและเขตประเวศ กทม.ซึ่งบ้านของนายรังสรรค์ หรือเปี๊ยก สัมมาบัติ อายุ 67 ปี บิดาบังเกิดเกล้าของตลกชื่อดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ในรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา โดยทันทีที่นายสันติพบหน้านายรังสรรค์ก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก พร้อมตรงเข้าไปสวมกอดและกราบที่ตักของนายรังสรรค์ จากนั้นนายสันติก็ร่ำไห้ถามนายรังสรรค์ว่าใช่พ่อของตนเองหรือไม่ ซึ่งนายรังสรรค์กล่าวยืนยันว่าตนคือนายรังสรรค์ หรือเปี๊ยก สัมมาบัติ ตัวจริง
จากนั้นนายรังสรรค์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่มีอะไร แค่คนสองคนไม่ได้เจอกัน แล้ว 40 ปีเจอกันทีนึง” ก่อนที่จะหันไปคุยกับนายสันติว่า “พ่อไม่ได้ทิ้งแม่ เราต่างคนต่างเดินกัน พ่อไปบวชตอนที่แม่ท้องเอ็งไง หนูมั่นใจได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่า ใช่”
นายรังสรรค์ เปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาว่า ในอดีตเมื่ออายุได้ประมาณ 17 ปี ตนเองเคยเป็นเด็กอยู่ในคอกม้าของคุณนายเล็ก ย่านสนามเป้า และมาพบรักกับนางเพ็ญศรี แม่ของเต๋อ ซึ่งเป็นคนรับใช้คนสนิทของคุณนายเล็ก และมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาแต่ต้องทำแบบลับๆ เพราะกลัวคนในบ้านจะรู้ จนกระทั่งอายุ 24 ปี ตนเองก็ต้องไปบวชนานถึง 7 ปี โดยขณะนั้นนางเพ็ญศรีเองก็ตั้งท้องเต๋อได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ซึ่งหลังจากสึกออกมาแล้วตนเคยไปตามหานางเพ็ญศรีกับลูกบ้างแต่ก็ไม่พบ จึงไม่ได้ตามหาอีกเลยนับตั้งแต่นั้น จากนั้นตนเองก็เร่ร่อนไปหลายที่ไปทำไร่บ้าง ทำนาบ้าง อยู่ในป่าบ้าง จนกระทั่งได้มาทำงานที่องค์การโทรศัพท์เมื่อปี พ.ศ.2511 จนเกษียณอายุ
นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นเต๋อแสดงตลกเล่นละครทางโทรทัศน์บ้าง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเต๋อเป็นลูกชายของตนเอง จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ตนเองกำลังนั่งดูมวยอยู่ ระหว่างพักยกก็เปลี่ยนไปดูข่าว ก็เห็นข่าวที่เต๋อออกมาประกาศตามหาพ่อตัวเอง โดยบอกว่าพ่อชื่อเปี๊ยก อยู่คอกม้า ตนจึงแน่ใจว่าเต๋อเป็นลูกชายของตนเองแน่นอน ไม่ต้องไปตามหาใครอีก แต่จะให้ตนไปป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นพ่อของตลกชื่อดังนั้น ตนคงไม่ทำ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นตนยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด
“พาแม่มาเจอพ่อได้ทุกวัน ฝากเต๋อไปบอกแม่ด้วยว่าคิดถึง อะไรๆ ยังเหมือนเดิม พ่อยังเป็นสุนทราภรณ์เหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้ขอโทษผ่านสื่อ พ่อคงไม่ทำ พ่ออยากจะขอโทษต่อหน้าด้วยตัวเอง” นายรังสรรค์กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายสันติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้แม่เคยบอกตนว่าแม่เคยบอกให้พ่อเลิกกินเหล้า เลิกเล่นการพนัน ลูกจะได้เรียนหนังสือ แต่พ่อก็บอกกับแม่ว่าพ่อไม่ได้เรียน ลูกก็ไม่ต้องเรียนหรอกก็ทำมาหากินเองได้ ทำให้แม่โกรธมาก เพราะคิดว่าพ่อเป็นคนไม่รับผิดชอบ หลังจากคลอดตนออกมาได้ 10 วัน แม่จึงพาตนกลับจังหวัดร้อยเอ็ด โดยที่มีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อตนเองเจอพ่อแล้ว หลังจากนี้ตนต้องดูแลพ่อของตนให้ดีที่สุด
“ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ผมมีวันนี้ได้เพระท่านประธานชมรม ท่านรองชยุทธ และท่านผู้การมานิต เมื่อผมเจอพ่อแล้ว ก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด เพราะผมเองก็มีลูกเช่นกัน ส่วนที่จะโกรธพ่อหรือไม่นั้น ผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธท่าน” ตลกชื่อดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 กล่าวว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง ได้รายงานให้ทราบว่าเป็นเรื่องที่ทางชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม ให้ความสนใจและประสานขอความช่วยเหลือมา จึงได้สั่งให้ทาง พ.ต.ท.ชยุทธ ช่วยสืบประวัติหา โดยตอนแรกใช้วิธีนำชื่อนายรังสรรค์ สมบัติ ตามที่นายสันติได้ให้รายละเอียดไว้มาตรวจหาในทะเบียนราษฎรแต่ก็ไม่พบ ทาง พ.ต.ท.ชยุทธ จึงลงพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งตรวจหาชื่อนายรังสรรค์ที่มีนามสกุลใกล้เคียงกับสมบัติ จนกระทั่งมาพบว่ามีนายรังสรรค์ สัมมาบัติ ที่นามสกุลใกล้เคียงกันอยู่
พล.ต.ต.มานิต กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางมาพบนายรังสรรค์เพื่อพูดคุยกับสอบถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต พร้อมทั้งนำไปเปรียบเทียบจากเรื่องราวที่สอบถามมาจากนางเพ็ญศรี แม่ของเต๋อ ก็ปรากฏว่าข้อมูลตรงกันทุกอย่าง เช่นอาศัยอยู่ในคอกม้าเดียวกัน หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่ทั้งคู่พบรักกัน จึงมั่นใจว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกัน เพราะข้อมูลเชิงลึกนั้นใช่ เหลือเพียงอย่างเดียวคือ การตรวจทางวิทยาศาสตร์ เช่นดีเอ็นเอว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกันจริง
ขณะที่นายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรมกล่าวว่า หลังจากที่เต๋อมาขอร้องให้ช่วยตามหาพ่อว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ก็ได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่จนกระทั่งตามหาตัวนายรังสรรค์จนพบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ได้พ่อลูกได้มาพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี โดยตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเสมอ
“เต๋อ เชิญยิ้ม” ตลกกตัญญูวอนสื่อช่วยตามหาพ่อ


จากกรณีที่นายสันติ สมบัติ อายุ 44 ปี หรือ “เต๋อ เชิญยิ้ม“ นักแสดงตลกและตัวประกอบละคร “เป็นต่อ” แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และละครเรื่อง “ผู้กองเจ้าเสน่ห์” พร้อมด้วยภรรยาและบุตรชายวัย 3 ขวบ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรม ให้ประชาสัมพันธ์หาตัวนายรังสรรค์ สมบัติ อายุ 67 ปี บิดาบังเกิดเกล้าที่พลัดพรากจากกันมานานกว่า 40 ปี หลังแยกทางกับมารดาคือ นางเพ็ญศรี พลเยี่ยม ตั้งแต่ตนเองยังอยู่ในครรภ์ได้ 3 เดือนนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ธ.ค.) พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง นายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรม ได้พานายสันติ สมบัติ หรือ “เต๋อ เชิญยิ้ม” เดินทางมายังบ้านเลขที่ 1/16 หมู่ที่ 3 ชุมชนกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช 67 แขวงและเขตประเวศ กทม.ซึ่งบ้านของนายรังสรรค์ หรือเปี๊ยก สัมมาบัติ อายุ 67 ปี บิดาบังเกิดเกล้าของตลกชื่อดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ในรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา โดยทันทีที่นายสันติพบหน้านายรังสรรค์ก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก พร้อมตรงเข้าไปสวมกอดและกราบที่ตักของนายรังสรรค์ จากนั้นนายสันติก็ร่ำไห้ถามนายรังสรรค์ว่าใช่พ่อของตนเองหรือไม่ ซึ่งนายรังสรรค์กล่าวยืนยันว่าตนคือนายรังสรรค์ หรือเปี๊ยก สัมมาบัติ ตัวจริง
จากนั้นนายรังสรรค์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่มีอะไร แค่คนสองคนไม่ได้เจอกัน แล้ว 40 ปีเจอกันทีนึง” ก่อนที่จะหันไปคุยกับนายสันติว่า “พ่อไม่ได้ทิ้งแม่ เราต่างคนต่างเดินกัน พ่อไปบวชตอนที่แม่ท้องเอ็งไง หนูมั่นใจได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่า ใช่”
นายรังสรรค์ เปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาว่า ในอดีตเมื่ออายุได้ประมาณ 17 ปี ตนเองเคยเป็นเด็กอยู่ในคอกม้าของคุณนายเล็ก ย่านสนามเป้า และมาพบรักกับนางเพ็ญศรี แม่ของเต๋อ ซึ่งเป็นคนรับใช้คนสนิทของคุณนายเล็ก และมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาแต่ต้องทำแบบลับๆ เพราะกลัวคนในบ้านจะรู้ จนกระทั่งอายุ 24 ปี ตนเองก็ต้องไปบวชนานถึง 7 ปี โดยขณะนั้นนางเพ็ญศรีเองก็ตั้งท้องเต๋อได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ซึ่งหลังจากสึกออกมาแล้วตนเคยไปตามหานางเพ็ญศรีกับลูกบ้างแต่ก็ไม่พบ จึงไม่ได้ตามหาอีกเลยนับตั้งแต่นั้น จากนั้นตนเองก็เร่ร่อนไปหลายที่ไปทำไร่บ้าง ทำนาบ้าง อยู่ในป่าบ้าง จนกระทั่งได้มาทำงานที่องค์การโทรศัพท์เมื่อปี พ.ศ.2511 จนเกษียณอายุ
นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นเต๋อแสดงตลกเล่นละครทางโทรทัศน์บ้าง แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเต๋อเป็นลูกชายของตนเอง จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ตนเองกำลังนั่งดูมวยอยู่ ระหว่างพักยกก็เปลี่ยนไปดูข่าว ก็เห็นข่าวที่เต๋อออกมาประกาศตามหาพ่อตัวเอง โดยบอกว่าพ่อชื่อเปี๊ยก อยู่คอกม้า ตนจึงแน่ใจว่าเต๋อเป็นลูกชายของตนเองแน่นอน ไม่ต้องไปตามหาใครอีก แต่จะให้ตนไปป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นพ่อของตลกชื่อดังนั้น ตนคงไม่ทำ ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นตนยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด
“พาแม่มาเจอพ่อได้ทุกวัน ฝากเต๋อไปบอกแม่ด้วยว่าคิดถึง อะไรๆ ยังเหมือนเดิม พ่อยังเป็นสุนทราภรณ์เหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้ขอโทษผ่านสื่อ พ่อคงไม่ทำ พ่ออยากจะขอโทษต่อหน้าด้วยตัวเอง” นายรังสรรค์กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายสันติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้แม่เคยบอกตนว่าแม่เคยบอกให้พ่อเลิกกินเหล้า เลิกเล่นการพนัน ลูกจะได้เรียนหนังสือ แต่พ่อก็บอกกับแม่ว่าพ่อไม่ได้เรียน ลูกก็ไม่ต้องเรียนหรอกก็ทำมาหากินเองได้ ทำให้แม่โกรธมาก เพราะคิดว่าพ่อเป็นคนไม่รับผิดชอบ หลังจากคลอดตนออกมาได้ 10 วัน แม่จึงพาตนกลับจังหวัดร้อยเอ็ด โดยที่มีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อตนเองเจอพ่อแล้ว หลังจากนี้ตนต้องดูแลพ่อของตนให้ดีที่สุด
“ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ผมมีวันนี้ได้เพระท่านประธานชมรม ท่านรองชยุทธ และท่านผู้การมานิต เมื่อผมเจอพ่อแล้ว ก็ต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด เพราะผมเองก็มีลูกเช่นกัน ส่วนที่จะโกรธพ่อหรือไม่นั้น ผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธท่าน” ตลกชื่อดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 กล่าวว่า เรื่องนี้ พ.ต.ท.ชยุทธ มารยาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ดินแดง ได้รายงานให้ทราบว่าเป็นเรื่องที่ทางชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม ให้ความสนใจและประสานขอความช่วยเหลือมา จึงได้สั่งให้ทาง พ.ต.ท.ชยุทธ ช่วยสืบประวัติหา โดยตอนแรกใช้วิธีนำชื่อนายรังสรรค์ สมบัติ ตามที่นายสันติได้ให้รายละเอียดไว้มาตรวจหาในทะเบียนราษฎรแต่ก็ไม่พบ ทาง พ.ต.ท.ชยุทธ จึงลงพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งตรวจหาชื่อนายรังสรรค์ที่มีนามสกุลใกล้เคียงกับสมบัติ จนกระทั่งมาพบว่ามีนายรังสรรค์ สัมมาบัติ ที่นามสกุลใกล้เคียงกันอยู่
พล.ต.ต.มานิต กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางมาพบนายรังสรรค์เพื่อพูดคุยกับสอบถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต พร้อมทั้งนำไปเปรียบเทียบจากเรื่องราวที่สอบถามมาจากนางเพ็ญศรี แม่ของเต๋อ ก็ปรากฏว่าข้อมูลตรงกันทุกอย่าง เช่นอาศัยอยู่ในคอกม้าเดียวกัน หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่ทั้งคู่พบรักกัน จึงมั่นใจว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกัน เพราะข้อมูลเชิงลึกนั้นใช่ เหลือเพียงอย่างเดียวคือ การตรวจทางวิทยาศาสตร์ เช่นดีเอ็นเอว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งคู่เป็นพ่อลูกกันจริง
ขณะที่นายไพโรจน์ เทศนิยม ประธานชมรมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาญากรรมกล่าวว่า หลังจากที่เต๋อมาขอร้องให้ช่วยตามหาพ่อว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ก็ได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่จนกระทั่งตามหาตัวนายรังสรรค์จนพบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ได้พ่อลูกได้มาพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี โดยตนยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเสมอ
“เต๋อ เชิญยิ้ม” ตลกกตัญญูวอนสื่อช่วยตามหาพ่อ