xs
xsm
sm
md
lg

“สันธนะ” ลั่นสู้ตาย แฉปมหักดิบบ่อนเตาปูน - ขัดแย้ง เสธ.คนดัง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

รองต่อ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์
“รองต่อ” บุกนครบาลแจงเบื้องหลังปมลอบสังหาร ชี้ 2 ประเด็น “หักดิบบ่อนเตาปูน-ยื่นเรื่อง กกต.ถอดถอน เสธ.ทหารคนดัง” ระบุ ฝ่ายตรงข้ามให้ข่าวเบี่ยงเบนไขว้เขว ประกาศห้าม 3 นายตำรวจคู่อริ ระดับรอง ผบก.รับผิดชอบทำคดี หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันธุรกิจม้าแข่งไม่มีเอี่ยว ประกาศพร้อมตายหากถูกปิดบัญชี และเตรียมร้องดีเอสไอ กับ พล.ท.สพรั่ง หากพนักงานสอบสวน บช.น.ทำคดีอืด

วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รอง ผกก.4 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เข้าพบ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธ์คงชื่น รอง ผบช.น.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายประยุทธ เนตรายน อายุ 60 ปี มือขวาคนคนสนิทเสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุมาเกือบ 1 สัปดาห์ แต่ตำรวจนครบาลยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายที่กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ทั้งที่เป็นคดีสะเทือนขวัญคนร้ายก่อคดีอย่างอุกฉกรรจ์ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

ต่อมา เวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สันธนะ แถลงข่าวเปิดใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ว่า การเข้าพบครั้งนี้นอกจากจะสอบถามความคืบหน้าทางคดีแล้วยังให้ข้อมูลในส่วนลึก และมุ่งเป้าที่ 2 ประเด็นความขัดแย้งที่เป็นปมเหตุให้มีการลอบสังหารตนเอง ว่า มาจากกรณีเสียผลประโยชน์ในการลักลอบเปิดบ่อนพนันเตาปูน และความขัดแย้งกับ เสธ.ทหาร ชื่อดังคนหนึ่ง กรณีขอให้ตนยื่นถอนฟ้องเรื่องร้อนเรียน กกต.ซึ่งได้ยืนยันกับ เสธ.คนดังไปแล้วว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมามีหลายฝ่ายพยายามทำให้ตนได้รับความเสียหาย โดยที่ข้อมูลนั้นไม่เกี่ยวข้องกับทางคดีมีการเบี่ยงเบนจากการที่คนร้ายประสงค์ร้ายต่อตนกลายเป็นประสงค์ร้ายต่อนายประยุทธ ซึ่งตนขอยืนยันว่า นายประยุทธ เป็นคนดีไม่มีสาเหตุใดที่ทำให้มีคนมาประสงค์ร้ายต่อเขา ที่ผ่านมา ตนได้พูดตลอดว่า อย่าได้หลงไปประเด็นอื่น เพราะสาเหตุแท้จริงนั้นเกี่ยวพันกับตนเองโดยตรง

“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่สะสมเรื่อยมาจนมาถึงวันเกิดเหตุเริ่มจากที่บ่อนเตาปูน แล้วไปต่อที่ถนนศรีนครินทร์กลุ่มนักเลงข้างถนนสุนัขลอบกัด แล้วกลับมาที่สนามม้านางเลิ้ง ผมทราบความเคลื่อนไหวตรงนี้มานานกว่าเดือนแล้ว แต่ความที่เคยเป็นตำรวจมาก่อนก็รอดพ้นมาได้และไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ชิด ผมรู้ว่าคนที่ปองร้ายผมเป็นใคร และให้น้ำหนักทางคดีกับ พล.ต.ต.กฤษฎา ไว้แล้ว เพื่อจะได้ตีกรอบให้กระชับขึ้นไม่ต้องไปสนใจในประเด็นอื่นที่ไม่เป็นความจริง และตรงข้ามกับที่เป็นข่าว ผมเชื่อว่า ฝ่ายที่ปองร้ายผมพยายามเอาข้อมูลเท็จเข้ามาเพื่อให้มองตัวเองว่าผมมีปัญหามากมายแต่ความจริงไม่ใช่” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวและว่า หลังเกิดเหตุมีการพูดกระทั่ง ว่า นายประยุทธเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงถูกทำร้าย โดยนายประยุทธอยู่กับตนมานานกว่า 30 ปี ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ เท่านี้ครอบครัวนายประยุทธก็บอบช้ำพอแล้ว

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวยอมรับว่า ตนเองพลาดที่ไม่คาดคะเน ว่า จะมีเหตุการณ์ร้ายถึงขนาดทำร้ายชีวิต แต่ฝ่ายเขาก็พลาดที่เขาทำตนเองไม่ได้และไม่สำเร็จ อยากเรียนว่า ยังไม่หยุดแค่นี้และจะคอยดูว่าหากตำรวจนครบาลทำคดีไม่เต็มที่ หรือคดีไม่มีความคืบหน้า หรือไม่เป็นไปตามกรอบที่ตนเองให้ข้อมูลไว้ ก็จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจรัฐทางอื่นที่ตนมั่นใจว่า มีความเป็นกลางโดยจะนำเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาดำเนินการความเป็นธรรมต่อไป แต่ขณะนี้จะให้โอกาสกองบัญชาการตำรวจนครบาลดำเนินการไปก่อน

“ต้องรอพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่า คดีมีความคืบหน้าไปถึงไหน หากพบว่าไม่มีความคืบหน้า ก็จะเข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และจากคดีที่เกิดขึ้นมีการพาดพึงไปถึงสถาบันอื่นด้วย ผมได้ประสานไปยัง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อนัดหมายขอเข้าพบชี้แจงข้อมูลพาดพิงเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทุกสีที่เกี่ยวข้องทางคดีที่ผมถูกลอบยิง หากท่านพร้อมให้เข้าพบก็จะดำเนินการทันที” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุความขัดแย้งจนถูกลอบยิงว่า เกิดจากเรื่องใด พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า น่าจะเป็นความรุนแรงเรื่องบ่อนเตาปูนระหว่างตนกับนายบ่อนและเจ้าของบ่อน ส่วนที่ศรีนครินทร์นั้นคงไม่ใช่เป็นแค่นักเลงข้างถนน พอกลับมาที่สนามม้านางเลิ้งซึ่งเป็นกลุ่มคนมีสีที่ตนเองเรียกว่า พี่ทุกคำ ตรงนี้มันไม่มีไปจากไหนอยู่แค่ 2 เรื่องนี้ แต่พี่ๆ ทั้งสองคนไปฟังคนรอบข้างไม่นึกถึงสัมพันธ์ที่รู้จักกันมา 20 กว่าปี ท่านอาจจะมีความไม่พอใจตนในบางส่วนที่ขอแล้วไม่ได้ แต่ตนก็เรียนพี่ๆ ทั้งสองแล้วว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยปฏิเสธถ้าการขอนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ต่หากเป็นเรื่องของสังคมเรื่องของส่วนรวม ตนจำเป็นต้องให้สังคมรับทราบและปล่อยให้เป็นกติกาของบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวซักต่อว่า มีปัญหาอะไรกับบุคคลทั้ง 2 คน และพอจะบอกชื่อได้หรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ และเอ่ยชื่อกันเลยก็ได้ไม่เป็นไร

“พี่ชัชกับผมได้พบพูดคุยกันในปัญหาของลูกชายพี่เขา ผมก็บอกพี่ว่าลูกพี่ก็เหมือนน้องผมคนนึง และหวังว่าจะเห็นเขาเติบโตและมีคนยอมรับนับถือ แต่ยังไม่มีเวลาได้พูดคุยกันมากนัก ส่วนกติกาบ้านเมืองก็เรียนไว้ว่า ตอนนี้ บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ไม่มีบ่อนการพนันที่ไหนเปิด ก็ควรรักษาเป็นแบบอย่างเดียวกัน จึงเรียนฝากพี่เขากลับไป ส่วนของพี่ไอซ์ พี่อาจจะพูดได้ว่า เรามีความสัมพันธ์กันมา 20 กว่าปี แต่วันนั้น ผมปฏิเสธพี่ ทั้งที่ผมเรียนแล้วว่า เรื่องที่พี่ขอผมถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวผมไม่เคยปฏิเสธ แต่พี่จะให้ผมไปทำในสิ่งที่ทำไปแล้ว ให้ผมไปถอนเรื่องร้องเรียนกล่าวหาจาก กกต.ผมก็ชี้แจงไปว่า ขอให้มันเป็นไปตามกระบวนการแล้วกันถ้ามันไม่ใช่ตามที่ร้องก็คงไม่ใช่ แต่พี่กลับไม่พอใจผม ผมก็บอกพี่ไว้ก่อนแล้วว่าถ้าเรื่องตรงนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ต้องผิดใจกันไป ผมก็เสียใจ แล้วพี่ก็อย่าลืมประยุทธ พี่และผม เราสัมพันธ์กันขนาดไหนคนรอบข้างไม่รู้ ตั้งแต่ผมเป็น ร.ต.ต.อยู่ สน.นางเลิ้ง พี่เป็นพันตรีทหาร น้องไม่ดูแลพี่ไหม น้องไม่ดีกับพี่ตรงไหน ผมถามพี่ทุกวันนี้ วันสุดท้ายของประยุทธ น้องยังไม่ได้ยินโทรศัพท์แสดงความเสียใจจากพี่ไอซ์ของน้องเลย”

พ.ต.ท.สันธนะ ยังให้เหตุผลถึงความมั่นใจที่จะถูกลอบสังหาร อันมาจากบ่อนเตาปูนด้วยว่า ที่ผ่านมาตนไม่หยุดในเรื่องเปิดโปงบ่อนเตาปูน และเป็นบ่อนเดียวที่ยังเปิดอยู่ ไม่ได้ปิดตัวตั้งแต่เมื่อตอนที่ออกมาพูดครั้งแรกเดือน พ.ย.ปี 2545 ตอนนั้นพูดทั้งหมด 11 บ่อน และยังไม่ได้พูดถึงบ่อนเตาปูนด้วยซ้ำไป ตนยังบอกพี่ชัชเลยว่า เหตุที่ไม่พูดไม่ใช่ละเว้น หรือมีผลประโยชน์ได้เสียอะไรแต่เพราะ ณ วันนั้น ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง แต่การที่ตนมาพูดวันนี้ ก็ไม่มีผลประโยชน์กับใคร ตนไม่สามารถสั่งเปิดปิดบ่อนได้ เจ้าหน้าที่รัฐเต็มบ้านเต็มเมือง และไม่ได้พูดเพื่อสร้างราคาค่าตัวว่าใครคิดจะเปิดอะไรที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายแล้วต้องมาบอกตน

“ผมขอบอกทุกคนว่า ภาพที่ออกมา ผมเป็นผู้สูญเสียผมเป็นผู้เสียหาย ผมไม่ต้องการตกเป็นจำเลยของสังคม หรือตกเป็นผู้ต้องหาให้กับการสอบสวนในคดีนี้เหมือนอย่างที่ตำรวจมีข้อมูล แต่กลับกลายมาตรวจสอบผมและคนของผม ผมพูดได้ทุกวันนี้ ธุรกิจที่ผมทำเงินขาวเงินเทาไม่มี เงินดำยิ่งไม่เคยสัมผัส ผมพูดตรงนี้แล้วใครก็ตามที่เอาข้อมูลมายัดเยียดให้เกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่าทำเลย” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้ไป จะเข้าสนามม้าอีกหรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ตนยังมีธุรกิจอยู่ยังไม่เลิก บอกแล้วว่าไม่ได้เข้าไปเล่นแต่เป็นธุรกิจม้าแข่งที่เป็นเงินขาว ทุกคนเห็นได้สัมผัสได้เปิดเผยได้ และมีเหตุผลอะไรที่ตนต้องเลิก ณ วันนี้เวลานี้ ตนโยงให้ฟังแล้วว่า สาเหตุการลอบสังหารมาจากอะไรจากจุดแรกไปตรงนั้น ตรงนี้ ส่วนจะขอกำลังตำรวจนครบาลมารักษาความปลอดภัยหรือไม่นั้น ได้ปรึกษากับ พล.ต.ต.กฤษฎา แล้ว ได้รับการชี้แจงว่า หากต้องการกำลังตำรวจคุ้มกันให้ยื่นเรื่องไปยัง พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.เพื่ออนุมัติสั่งการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ

พ.ต.ท.สันธนะ ยังแสดงความมั่นใจด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องมีการแจ้งความไว้ก่อน หากต้องเสียชีวิต โดยหากสียชีวิตเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบ ไม่เป็นไร เราจะปิดบัญชีกันแบบนี้ก็ได้ มันก็ครั้งเดียว นายประยุทธก็ครั้งเดียว เขาได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างสมบูรณ์แบบที่ผ่านมาประยุทธเคยพูดกับทุกคนว่า เขาตายแทนตนได้ ณ วันนี้เขาได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว และตนจะอยู่ตรงนี้ต่อไปถ้าวันไหนตนพลาดเรื่องนี้ก็จบ ก็แล้วแต่ถ้าจะคิดกันแบบนั้นก็ไม่เป็นไรก็อยู่ที่พี่ๆ

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวถึงกรณีเข้าพบ พล.ต.ต.กฤษฎา ในวันนี้ว่า ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องทางคดี และขอความมั่นใจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษ ขณะเดียวกันได้หารือถึงการคุ้มครองความปลอดภัย นอกจากนี้ยังร้องขอกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ให้มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบทางคดีให้นายตำรวจระดับ รอง ผบก. 3 นายเข้ามาทำคดีที่เกิดขึ้น เพราะทั้ง 3 คนเคยเป็นปรปักกับตนเองมาก่อนและมีความขัดแย้งกันมาหลายเรื่อง เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

“2 เสี่ย” โร่พบ ตร.ยันไม่เกี่ยวข้องสังหารคนสนิท “สันธนะ”
ปริศนาปมเด็ดหัว “ป๋ายุทธ” คนสนิท “พ.ต.ท.สันธนะ” ใบสั่งฆ่าจากบ่อนเตาปูน!
“สันธนะ” ลั่นเอาคืน! ปักใจ “ใบสั่งตาย” จากบ่อนเตาปูน
ผบช.น.ระบุหลายเงื่อนงำชนวนสังหารคนสนิท “พ.ต.ท.สันธนะ”
รัวกลางแยกไฟแดงลอบสังหาร “พ.ต.ท.สันธนะ” คนสนิทตายแทน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น