จารบุรุษ
ภายหลังจากที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะสั่งการให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หยุดจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน เป็นระยะเวลา 2 งวดติดต่อกัน คือ งวดวันที่ 1 ธ.ค. และงวดวันที่ 16 ธ.ค.2549 นี้ เพื่อขอเวลาดำเนินการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เพื่อให้กองสลาก สามารถดำเนินการออกหวยบนดินที่ถือว่าเป็นสลากกินรวบ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
สาเหตุที่ต้องยกเลิกหวยบนดิน 2 งวด เป็นเพราะ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าผิดกฎหมายกองสลากที่ให้แค่ขายสลากกินแบ่ง แต่หวยบนดินเป็นสลากกินรวบ พร้อมกับชี้ว่า มติครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.46 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องก่อน
เมื่อปี 2546 ก่อนที่"หวยบนดิน"จะถือกำเหนิดขึ้นมานั้น ตามรายงานผลการวิจัย เรื่อง"เศรษฐกิจการพนัน: ทางเลือกเชิงนโยบาย"ของ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ แห่งศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นระบุว่า ตลาดของหวยใต้ดินใหญ่กว่าตลาดของสลากกินแบ่งรัฐบาล สลากของรัฐบาลขาย 36 ล้านฉบับต่องวด เป็นสลากกินแบ่งของรัฐบาล 20 ล้านฉบับ และเป็นสลากการกุศล 16 ล้านฉบับ มียอดขายรวม 34,560 ล้านบาทต่อปี เปรียบเทียบกับยอดขายหวยใต้ดินที่อยู่ในราว 542,000 ล้านบาทต่อปี ยอดขายของสลากกินแบ่งรัฐบาลต่ำกว่ายอดขายของหวยใต้ดินราว 15.7 เท่า
อย่างนี้นี่เอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงนำเอาหวยใต้ดิน ขึ้นมาอยู่บนดิน ชาวบ้านจะได้ซื้อกันอย่างถูกกฏหมาย แถมเอาราางวัล"แจ็ตพอต"มาล่อ เพื่อเพิ่มยอดซื้อขายอีกด้วย นัยว่า เพื่อกำจัดบรรดาเจ้ามือหวยบนดินให้สิ้นซาก ด้วยการเป็นเจ้ามือหวยอย่างถูกกฏหมายเสียเอง
ย้อนกลับไปในอดีต หรือแม้แต่ปัจจุบันก็ช่างเถอะ ตำรวจกับเจ้ามือหวยนั้น ถือเป็น"แฟนพันธุ์แท้"ซึ่งกันและกันมาโดยตลอด กระทั่งเคยมีนายตำรวจระดับผู้กำกับ แถบภาคอีสานตอนกลาง ถึงกับออกมายอมรับว่า "เงิน"จากเจ้ามือหวยนั้น ถือเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาของโรงพัก เพื่อไว้ใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ อะไรทำนองนั้น
ปัจจุบัน แม้หวยใต้ดินจะถูกกำจัดไปโดยหวยบนดิน แต่ต้องยอมรับว่า ยังสามารถหาซื้อหวยใต้ดินได้ไม่ยาก เพียงแต่ ไม่บูมเหมือนเมื่อสมัยก่อนเท่านั้นเอง ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ค่อยปรากฏข่าว ตำรวจจับนักเดินโพยหวย หรือเจ้ามือหวยใต้ดินได้บ่อยนัก อีกทั้งคนส่วนใหญ่ ก็หันไปเล่นหวยบนดินกันเสียเป็นส่วนมาก ส่วนหวยใต้ดิน ที่ยังบูมจริงๆ จะเป็นหวยออมสิน และหวยธ.ก.ส.เสียมากกว่า ตำรวจจึงพอได้ค่าน้ำร้อนน้ำชาในส่วนนี้บ้าง
เมื่อรมว.คลัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประกาศว่า ในงวดวันที่ 1 ธ.ค. และ 16 ธ.ค. จะงดการซื้อขายหวยยบนดินนั้น ส่งผลให้ บรรดาเจ้ามือหวยใต้ดิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือในชุมชน หรือเป็นพวกคหบดี เศรษฐีประจำจังหวัดอะไรจำพวกนั้น ก็พากันตีปีก ขุดและปลุกหวยใต้ดินให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้แหละ บทบาทสำคัญ จึงอยู่ที่"ตำรวจ" เพราะหวยใตดิน ถือเป็นสิ่งผิดกฏหมาย แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีคำสั่งอะไร เกี่ยวกับการป้องกันหรือปราบปรามหวยใต้ดินออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศ ก็ยังตีบท"นิ่งๆเสีย(ดีกว่า)ได้พร้าเลี่ยมทอง"แน่
ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อมีหวยใต้ดิน ก็ต้องมี"ส่วย" และ"ส่วย"อันนี้ก็คงต้องตกอยู่ที่"ตำรวจ" มีบ้างเหมือนกันที่บางแห่ง "ส่วย"ที่ว่า ถูกส่งไปถึง"จวน" ซึ่งถือเป็นรายได้หลัก เป็น"ส่วย"อันดับหนึ่งของจังหวัด ที่หลายฝ่ายปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากเอ่ยถึง"เจ้ามือใหญ่"นั้น ก็ยังไม่เคยเห็นตำรวจจับได้สักราย เต็มที่ก็คนเดินโพย วงเงินในโพย เป็นล้านๆ แต่เงินสด จิ๊บจ๊อยนิดเดียวเท่านั้น
แหล่งข่าวของเรากระซิบให้ฟังว่า เจ้ามือหวยใต้ดินมี 2 ประเภทๆแรก ก็พวกประกาศเปิดตัว โดยเจ้าตัว หรือลูกน้องเข้าไปเคลียร์กับตำรวจ ขอรับกินรับใช้ จะส่งใบเบิกทางเป็นเงินเท่าไหร่ตกลงกันไปตามเนื้อผ้า งานก็สะดวกโยธิน ไม่ต้องมีการแอบเขียนแอบส่ง เพียงแต่ระมัดระวังไม่ให้ประเจิดประเจ้อเท่านั้น ส่วนประเภทหลัง เป็นประเภทพวก"ลักไก่"รับกินรับใช้ หากฟลุ๊คไม่โดนจับ แค่งวด 2 งวด ก็มีเงินเหลือเก็บเหลือกิน แต่หากถูกจับ ก็ถือว่าซวยไป ส่วนใหญ่แล้วประเภทลักไก่นี้ เต็มที่ไม่เกิน 2 งวด เป็นเสร็จตำรวจทุกราย
ส่วนขั้นตอนวิธีการเก็บส่วยจากหวยใต้ดินนั้น มีการตัดตอนไม่ให้สาวถึงระดับบิ๊กได้แน่ ผู้ที่ไปเก็บก็มักเป็นชั้นประทวน ซึ่งวิธีการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่รายย่อยๆ หากรายใหญ่ขึ้นมาหน่อย อาจจะมีเป็นบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเป็นชื่อใครไม่รู้ ให้ไปกดเอาเอง หรือเป็นล็อตเตอรี่ของรัฐบาลที่ถูกรางวัล โดยเฉพาะรางวัลที่ 5 นั้น ค่อนข้างหาง่ายหน่อย เอามาส่งส่วยที 10 -20-30 ใบเป็นต้น
"นอกจากตำรวจท้องที่แล้ว ยังมีนปพ. มีกองปราบ มีอีกเยอะแยะที่เจ้ามือต้องจ่าย ส่วนใหญ่ไม่มีใคร กล้าหือกล้าแฉหรอก เพราะเขาต้องหากินทางนี้ไปเรื่อยๆ"
ในส่วนของคนเดินโพย บอกกับเราว่า จะจ่ายเงินเมื่อถูกหวยในราคา หากถูกเลข 2 ตัว จ่ายบาทละ 65 บาท ถูกเลข 3 ตัวตรง จ่ายบาทละ 500 บาท ถูกเลข 3 ตัวโต๊ด จ่ายบาทละ 100 บาท ทั้งนี้ ผู้ซื้อจะได้ลดเปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ จากราคาซื้อ เช่น หากซื้อเป็นเงินทั้งหมด 100 บาท จะจ่ายจริงเพียง 80 บาทเท่านั้น แถมยังมีเครดิตให้ "ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง" หรือที่เรียกกันว่า "งวดชนงวด" อีกทั้งการรับซื้อ จะรับกันตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป จนถึงไม่อั้น
"คนเดินโพย จะได้รับเงินค่าเหนื่อยและค่าเสี่ยงในอัตราร้อยละ 10-20 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่เจ้ามือแต่ละเจ้าจะเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน ส่วนใหญ่ในชุมชน หรือในตลาดก็จะเป็นที่รู้กันว่า ใครรับเดินโพยบ้าง โดยเจ้ามือจะการันตีรับประกันไม่ถูกตำรวจจับ หรือหากถูกจับ ก็ไปประกันตัวให้"
นับจากนี้ไป โดยเฉพาะในวันที่ 30 พ.ย. และวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งจะปิดรับแทงหวยใต้ดินในเวลาประมาณ 14.00 น.นั้น "เงินและส่วย" คงจะกลับมาสะพัดอีกครั้งในทุกพื้นที่ ซึ่งคงต้องจับตาดูอีกครั้งว่า ตำรวจจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน แต่เชื่อขนมกินได้ เต็มที่ก็แค่ไฟไหม้ฟางกองเล็กๆเท่านั้น เพราะ"น้ำร้อน-น้ำชา"ที่ว่า มันกินไม่อิ่มซักที!
ภายหลังจากที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะสั่งการให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หยุดจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน เป็นระยะเวลา 2 งวดติดต่อกัน คือ งวดวันที่ 1 ธ.ค. และงวดวันที่ 16 ธ.ค.2549 นี้ เพื่อขอเวลาดำเนินการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เพื่อให้กองสลาก สามารถดำเนินการออกหวยบนดินที่ถือว่าเป็นสลากกินรวบ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
สาเหตุที่ต้องยกเลิกหวยบนดิน 2 งวด เป็นเพราะ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าผิดกฎหมายกองสลากที่ให้แค่ขายสลากกินแบ่ง แต่หวยบนดินเป็นสลากกินรวบ พร้อมกับชี้ว่า มติครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.46 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องก่อน
เมื่อปี 2546 ก่อนที่"หวยบนดิน"จะถือกำเหนิดขึ้นมานั้น ตามรายงานผลการวิจัย เรื่อง"เศรษฐกิจการพนัน: ทางเลือกเชิงนโยบาย"ของ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ แห่งศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นระบุว่า ตลาดของหวยใต้ดินใหญ่กว่าตลาดของสลากกินแบ่งรัฐบาล สลากของรัฐบาลขาย 36 ล้านฉบับต่องวด เป็นสลากกินแบ่งของรัฐบาล 20 ล้านฉบับ และเป็นสลากการกุศล 16 ล้านฉบับ มียอดขายรวม 34,560 ล้านบาทต่อปี เปรียบเทียบกับยอดขายหวยใต้ดินที่อยู่ในราว 542,000 ล้านบาทต่อปี ยอดขายของสลากกินแบ่งรัฐบาลต่ำกว่ายอดขายของหวยใต้ดินราว 15.7 เท่า
อย่างนี้นี่เอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงนำเอาหวยใต้ดิน ขึ้นมาอยู่บนดิน ชาวบ้านจะได้ซื้อกันอย่างถูกกฏหมาย แถมเอาราางวัล"แจ็ตพอต"มาล่อ เพื่อเพิ่มยอดซื้อขายอีกด้วย นัยว่า เพื่อกำจัดบรรดาเจ้ามือหวยบนดินให้สิ้นซาก ด้วยการเป็นเจ้ามือหวยอย่างถูกกฏหมายเสียเอง
ย้อนกลับไปในอดีต หรือแม้แต่ปัจจุบันก็ช่างเถอะ ตำรวจกับเจ้ามือหวยนั้น ถือเป็น"แฟนพันธุ์แท้"ซึ่งกันและกันมาโดยตลอด กระทั่งเคยมีนายตำรวจระดับผู้กำกับ แถบภาคอีสานตอนกลาง ถึงกับออกมายอมรับว่า "เงิน"จากเจ้ามือหวยนั้น ถือเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาของโรงพัก เพื่อไว้ใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ อะไรทำนองนั้น
ปัจจุบัน แม้หวยใต้ดินจะถูกกำจัดไปโดยหวยบนดิน แต่ต้องยอมรับว่า ยังสามารถหาซื้อหวยใต้ดินได้ไม่ยาก เพียงแต่ ไม่บูมเหมือนเมื่อสมัยก่อนเท่านั้นเอง ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ค่อยปรากฏข่าว ตำรวจจับนักเดินโพยหวย หรือเจ้ามือหวยใต้ดินได้บ่อยนัก อีกทั้งคนส่วนใหญ่ ก็หันไปเล่นหวยบนดินกันเสียเป็นส่วนมาก ส่วนหวยใต้ดิน ที่ยังบูมจริงๆ จะเป็นหวยออมสิน และหวยธ.ก.ส.เสียมากกว่า ตำรวจจึงพอได้ค่าน้ำร้อนน้ำชาในส่วนนี้บ้าง
เมื่อรมว.คลัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประกาศว่า ในงวดวันที่ 1 ธ.ค. และ 16 ธ.ค. จะงดการซื้อขายหวยยบนดินนั้น ส่งผลให้ บรรดาเจ้ามือหวยใต้ดิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือในชุมชน หรือเป็นพวกคหบดี เศรษฐีประจำจังหวัดอะไรจำพวกนั้น ก็พากันตีปีก ขุดและปลุกหวยใต้ดินให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้แหละ บทบาทสำคัญ จึงอยู่ที่"ตำรวจ" เพราะหวยใตดิน ถือเป็นสิ่งผิดกฏหมาย แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีคำสั่งอะไร เกี่ยวกับการป้องกันหรือปราบปรามหวยใต้ดินออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจหลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศ ก็ยังตีบท"นิ่งๆเสีย(ดีกว่า)ได้พร้าเลี่ยมทอง"แน่
ปฎิเสธไม่ได้ว่า เมื่อมีหวยใต้ดิน ก็ต้องมี"ส่วย" และ"ส่วย"อันนี้ก็คงต้องตกอยู่ที่"ตำรวจ" มีบ้างเหมือนกันที่บางแห่ง "ส่วย"ที่ว่า ถูกส่งไปถึง"จวน" ซึ่งถือเป็นรายได้หลัก เป็น"ส่วย"อันดับหนึ่งของจังหวัด ที่หลายฝ่ายปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากเอ่ยถึง"เจ้ามือใหญ่"นั้น ก็ยังไม่เคยเห็นตำรวจจับได้สักราย เต็มที่ก็คนเดินโพย วงเงินในโพย เป็นล้านๆ แต่เงินสด จิ๊บจ๊อยนิดเดียวเท่านั้น
แหล่งข่าวของเรากระซิบให้ฟังว่า เจ้ามือหวยใต้ดินมี 2 ประเภทๆแรก ก็พวกประกาศเปิดตัว โดยเจ้าตัว หรือลูกน้องเข้าไปเคลียร์กับตำรวจ ขอรับกินรับใช้ จะส่งใบเบิกทางเป็นเงินเท่าไหร่ตกลงกันไปตามเนื้อผ้า งานก็สะดวกโยธิน ไม่ต้องมีการแอบเขียนแอบส่ง เพียงแต่ระมัดระวังไม่ให้ประเจิดประเจ้อเท่านั้น ส่วนประเภทหลัง เป็นประเภทพวก"ลักไก่"รับกินรับใช้ หากฟลุ๊คไม่โดนจับ แค่งวด 2 งวด ก็มีเงินเหลือเก็บเหลือกิน แต่หากถูกจับ ก็ถือว่าซวยไป ส่วนใหญ่แล้วประเภทลักไก่นี้ เต็มที่ไม่เกิน 2 งวด เป็นเสร็จตำรวจทุกราย
ส่วนขั้นตอนวิธีการเก็บส่วยจากหวยใต้ดินนั้น มีการตัดตอนไม่ให้สาวถึงระดับบิ๊กได้แน่ ผู้ที่ไปเก็บก็มักเป็นชั้นประทวน ซึ่งวิธีการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่รายย่อยๆ หากรายใหญ่ขึ้นมาหน่อย อาจจะมีเป็นบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเป็นชื่อใครไม่รู้ ให้ไปกดเอาเอง หรือเป็นล็อตเตอรี่ของรัฐบาลที่ถูกรางวัล โดยเฉพาะรางวัลที่ 5 นั้น ค่อนข้างหาง่ายหน่อย เอามาส่งส่วยที 10 -20-30 ใบเป็นต้น
"นอกจากตำรวจท้องที่แล้ว ยังมีนปพ. มีกองปราบ มีอีกเยอะแยะที่เจ้ามือต้องจ่าย ส่วนใหญ่ไม่มีใคร กล้าหือกล้าแฉหรอก เพราะเขาต้องหากินทางนี้ไปเรื่อยๆ"
ในส่วนของคนเดินโพย บอกกับเราว่า จะจ่ายเงินเมื่อถูกหวยในราคา หากถูกเลข 2 ตัว จ่ายบาทละ 65 บาท ถูกเลข 3 ตัวตรง จ่ายบาทละ 500 บาท ถูกเลข 3 ตัวโต๊ด จ่ายบาทละ 100 บาท ทั้งนี้ ผู้ซื้อจะได้ลดเปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ จากราคาซื้อ เช่น หากซื้อเป็นเงินทั้งหมด 100 บาท จะจ่ายจริงเพียง 80 บาทเท่านั้น แถมยังมีเครดิตให้ "ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง" หรือที่เรียกกันว่า "งวดชนงวด" อีกทั้งการรับซื้อ จะรับกันตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป จนถึงไม่อั้น
"คนเดินโพย จะได้รับเงินค่าเหนื่อยและค่าเสี่ยงในอัตราร้อยละ 10-20 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่เจ้ามือแต่ละเจ้าจะเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน ส่วนใหญ่ในชุมชน หรือในตลาดก็จะเป็นที่รู้กันว่า ใครรับเดินโพยบ้าง โดยเจ้ามือจะการันตีรับประกันไม่ถูกตำรวจจับ หรือหากถูกจับ ก็ไปประกันตัวให้"
นับจากนี้ไป โดยเฉพาะในวันที่ 30 พ.ย. และวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งจะปิดรับแทงหวยใต้ดินในเวลาประมาณ 14.00 น.นั้น "เงินและส่วย" คงจะกลับมาสะพัดอีกครั้งในทุกพื้นที่ ซึ่งคงต้องจับตาดูอีกครั้งว่า ตำรวจจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน แต่เชื่อขนมกินได้ เต็มที่ก็แค่ไฟไหม้ฟางกองเล็กๆเท่านั้น เพราะ"น้ำร้อน-น้ำชา"ที่ว่า มันกินไม่อิ่มซักที!
