xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ยุติธรรม เซ็นย้าย “สมบัติ” พ้นดีเอสไอ แล้ว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ” รมว.ยุติธรรม ลงนามย้าย “สมบัติ อมรวิวัฒน์” พ้นดีเอสไอ แล้ว โดยให้ นายสุนัย มโนมัยอุดม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ มาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขณะที่ผลการสืบสวนขอหมายจับทีมฆ่า “ทนายสมชาย” โฆษกดีเอสไอ ระบุ ขอเวลารวบรวมหลักฐานอีกระยะ


วันนี้ (3 พ.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มาช่วยงานที่กระทรวงยุติธรรม ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในระหว่างรอ พล.ต.อ.สมบัติ ขอโอนย้ายไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.โดยสลับให้ นายไกรสร บารมีอวยชัย รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมารักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยคำสั่งระบุให้ พล.ต.อ.สมบัติ เข้ารายงานตัวในวันที่ 6 พ.ย.นี้ สำหรับสาเหตุที่ต้องย้าย พล.ต.อ.สมบัติ ก็เพื่อให้การสอบสวนคดีอุ้ม นายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม มีความคืบหน้า เพื่อไม่ให้ดีเอสไอ ตกเป็นจำเลยของสังคมต่อไป

“กระทรวงจำเป็นต้องย้าย พล.ต.อ.สมบัติ โดยไม่สามารถรอจนกว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะรับโอนตัวกลับไปเป็นตำรวจได้ เพราะขั้นตอนยังต้องใช้เวลาอีกนาน แต่ขณะนี้ดีเอสไอ ต้องเร่งงานสอบสวนคดีสำคัญหลายคดี โดยเฉพาะคดีทนายสมชาย จึงหลีกเลี่ยงการโยกย้ายไม่ได้ โดยส่วนตัวผมมองว่าตำแหน่งรองปลัดกระทรวง จะกระทบกระเทือนจิตใจน้อยที่สุดแล้ว พล.ต.อ.สมบัติ ก็มีผลงานอยู่บ้าง จะย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไป” นายจรัญ กล่าว

สำหรับ นายไกรสร บารมีอวยชัย จะเข้ารักษาการตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประมาณ 15 วัน เพื่อให้คณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาโอนย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ มาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยภายหลังรับทราบคำสั่งเจ้าหน้าที่หน้าห้อง พล.ต.อ.สมบัติ ได้เก็บของใช้ส่วนตัวของ พล.ต.อ.สมบัติ และขนย้ายออกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว

สำหรับ นายสุนัย จบการศึกษาเนติบัณฑิต จากประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นนักกฎหมายไทยในจำนวนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยสำนักงานอัยการสูงสุด มีอัยการเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จบเนติบัณฑิตจากประเทศอังกฤษ ประวัติการทำงานของนายสุนัย ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนเที่ยงตรง ยอมหักไม่ยอมงอ

ส่วนความคืบหน้าคดีทนายสมชาย เวลา 09.30 น.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าการสืบสวนคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ว่า ในการลงพื้นที่จุดกำจัดขยะของเทศบาลห้วยชินสีห์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวน คาดว่า เป็นสถานที่ทำลายศพ นายสมชาย เพื่อตรวจหาวัตถุพยานของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ วานนี้ (2 พ.ย.) ได้รับความร่วมมือจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในการให้หน่วยทหารในพื้นที่อำนวยความสะดวก ตลอดจนดูแลรักษาความปลอดภัยที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย เข้าไปร่วมตรวจสอบในพื้นที่ด้วย

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของการออกหมายจับผู้ต้องหานั้น ยืนยันว่า ในขณะนี้เราเพียงตั้งข้อสงสัยบุคคลต่างๆ ส่วนการจะออกหมายจับได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งจากการประชุมชุดพนักสอบสวนในคดีมีความเห็นของ นายสนอง แก่นแก้ว พนักงานอัยการคดีพิเศษ ที่ไม่เห็นด้วยกับการออกหมายจับผู้ต้องหา เนื่องจากการจะออกหมายจับบุคคลใดได้จะต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะใช้ในการยื่นคำร้องต่อศาล แต่เท่าที่สอบปากคำพยานมากว่า 60 ปาก เห็นว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอต่อการขออนุมัติหมายจับ ดังนั้น จึงอยากขอเวลาให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะพยานหลักฐานจากการลงตรวจพื้นที่จุดกำจัดขยะของเทศบาลห้วยชินสีห์ ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาประกอบกับพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว ก่อนมาพิจารณาเรื่องการออกหมายจับอีกครั้ง

“ในการดำเนินคดีในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยปกติในประเทศไทยจะต้องพบศพ หรือชิ้นเนื้อที่ยืนยันว่าหากสูญเสียแล้วไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เช่น ในคดีการหายตัวไปของ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ แต่ถ้าดูในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการดำเนินคดีแล้วถึงไม่พบศพหากมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอได้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ว่า มีการนำตัวผู้ตายไปสถานที่ใด และมีการทำลายศพอย่างไร รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ ที่ยืนยันว่า บุคคลนั้นเสียชีวิตไปแล้วก็ถือว่าเป็นพยานแวดล้อมที่เพียงพอจะดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาได้” โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าว

ส่วนที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย ตั้งข้อสังเกตว่า จากการตรวจสอบพิกัดการใช้โทรศัพท์ ทางพนักงานสอบสวนทราบมานานแล้วว่าจุดกำจัดแห่งนี้เป็นที่ต้องสงสัยแต่ทำไมเพิ่งมีการเข้าไปตรวจสอบ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวว่า เรื่องนี้เข้าใจว่า น่าจะเป็นขั้นตอนที่ฝ่ายสืบสวนต้องการหาหลักฐานให้ได้ความชัดเจนมากขึ้น ที่ทำให้เชื่อหรือมั่นใจว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ใช้ในการฆ่านายสมชายจริง ซึ่งเมื่อทางพนักงานสอบสวนทราบและยืนยันแล้วก็แจ้งให้ทางที่ประชุมชุดพนักงานสอบสวนทราบและลงพื้นที่ทำการตรวจสอบทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น