xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอย...ต้องสอบ “ทักษิณ” ใครสั่งฆ่าทนายสมชาย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม บุคคลที่ ณ วันนี้เหลือเพียงแต่ชื่อไว้ให้ผู้คน นักสิทธิมนุษยชน ผู้รักความยุติธรรม ได้กล่าวขาน เอ่ยถึง และคิดถึง....

โดยมี พ.ต.ต.เงิน ทองสุก, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน ตำรวจกองปราบปราม ตกเป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่สุดท้ายศาลลงโทษจำคุก 3 ปี เฉพาะ พ.ต.ต.เงิน และยกฟ้อง พ.ต.ท.สินชัย จ.ส.ต.ชัยเวง ส.ต.อ.รันดร และ พ.ต.ท.ชัดชัย

คดีนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกแต่จริง...

กล่าวคือ โปลิศจับตำรวจเป็นผู้ต้องหา และฟ้องเป็นจำเลย ศาลพิพากษาลงโทษ 1 ยกฟ้อง 4

โดยหลังศาลพิพากษาโทษ นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เลขานุการสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบคดีจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ พูดชัดว่า จากคำพิพากษาของศาลอาญา ที่ลงโทษจำคุก 3 ปี พ.ต.ต.เงิน ทองสุก เป็นการแสดงให้เห็นว่า มีการอุ้มตัวนายสมชาย เกิดขึ้นจริง แม้ขณะนี้จะเป็นเพียงคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวก็ตาม

ดังนั้น เพื่อคลี่คลายคดีการหายตัวไปของนายสมชาย พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ควรนำคำพิพากษาของศาลมาประกอบต่อยอดแนวทางการสืบสวนสอบสวน และแกะรอยต่อไปว่าหลังจากที่ พ.ต.ต.เงิน กับพวกอีก 3-5 คน ได้บังคับนายสมชาย ขึ้นรถไปแล้ว พานายสมชายไปไหน พาไปทำอะไร และนายสมชาย ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ รวมทั้งที่ศาลมองว่ากับพวก 3-5 คนนั้นเป็นบุคคลใด ใช่จำเลยที่ 2-5 ที่ศาลยกฟ้องหรือไม่ หรือเป็นกลุ่มบุคคลอื่นใด นอกจากนี้ ควรนำประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์อุ้มตัวนายสมชาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ความกระจ่าง

คดีอุ้มนายสมชาย ที่บังเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 12 มีนาคม 2547 และถือเป็นคดีลึกลับซ่อนเงื่อน ตำรวจเป็นผู้กระทำความผิด โดยไม่ทราบว่า นายสมชาย ยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตแล้ว

ขณะที่การเรียกร้องถามหาความเป็นธรรมให้กับ ครอบครัวของทนายสมชาย ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเมินเฉย

โดยมีหลักฐานที่บ่งบอกอย่างแจ่มชัด ครั้งที่ นายสตีเฟน ทูเป ประธานคณะทำงานขององค์การสหประชาชาติด้านผู้สูญหาย รับติดตามดำเนินการคดีนายสมชาย โดยประเด็นนี้ หลังนักข่าวได้สอบถามจากผู้นำรัฐบาลที่ชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” กลับได้รับคำตอบว่า...

“อ้าว ต้องไปถามศาล มาถามอะไรผมล่ะ ไม่งั้นผมก็ไปยุ่งเขาทุกสถาบันสิ”

และเมื่อนักข่าวถามว่า ทำไมตอนแรกท่านเคยให้สัมภาษณ์ว่านายสมชาย ทะเลาะกับภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า

“ไม่ใช่ ตอนนั้นมันเป็นข่าวอย่างนั้น และตอนหลังเขาก็จับตำรวจและดำเนินคดีแล้ว จำได้ไหม รู้มั้ยว่าคดีอยู่ที่ไหน แล้วมาถามเรื่องนี้ทำไม ก็ถามคดีเดิมสิว่าเรื่องมันอยู่ในชั้นศาล รัฐบาลไปเกี่ยวอะไร ในเมื่อดำเนินคดีไปแล้วก็ว่าไปตามกฎหมาย”

13 มกราคม 49 “ทักษิณ” พูดชัดว่า “สมชาย” เสียชีวิตแล้ว หลังจากดีเอสไอพบร่องรอยบางอย่าง

“ทราบว่าเสียชีวิตแล้ว เพราะพบร่องรอยหลักฐานแต่ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องทางคดีให้ดีเอสไอ เขาสรุปสำนวนเพื่อดำเนินการเสียก่อน”

ขณะที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัติย์ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดว่า ตนไม่เชื่อว่าการหายตัวของนายสมชาย จะไม่มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนายสมชาย ไปเกี่ยวข้องกับคดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีเบื้องหลังเกี่ยวพันถึงผู้มีอำนาจแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่ที่ผ่านมาเราไม่เห็น หากย้อนดูก็จะเห็นว่าการหายตัวของนายสมชายเกิดในช่วงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“เรื่องการอุ้มฆ่านั้นเป็นเรื่องจริง รัฐบาล(ทักษิณ)ไม่ควรปฏิเสธ”

นายสมชาย นีละไพจิตร เหยื่ออำนาจรัฐในขณะนั้น ที่ วันนี้ เขาเหลือเพียงแต่ชื่อ ...และหลังจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับอำนาจเต็ม เข้าไปสืบสวนเชิงลึก มีความคืบหน้า แต่ยังไร้หลักฐาน

18 มีนาคม 49 ดีเอสไอ ได้ประสานกรมศิลปากร เพื่อขอนักโบราณคดีใต้น้ำที่จังหวัดจันทบุรี ร่วมตรวจสอบแม่น้ำแม่กลอง ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อหาพยานหลักฐานที่เป็นวัตถุที่จะมีความเกี่ยวข้องกับคดีนายสมชาย หลังจากถูกอุ้มหายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2547 โดยระดมทีมงานลงน้ำเพื่อสืบค้นในแม่น้ำแม่กลองตั้งแต่ช่วงโรงเจวัดบ้านโป่ง ถึงศาลเจ้าแม่เบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

22 มีนาคม 49 พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการสอบสวนคดีการหายตัวของนายสมชาย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการเผาทำลายศพ โดยนายชัยเกษม นิติสิริ รองอัยการสูงสุด และนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งร่วมเป็นพนักงานสอบสวนคดีนี้ ได้แนะนำให้นำผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบโลหะ ไปตรวจสอบถังน้ำมันที่พบใต้แม่น้ำแม่กลอง เพื่อพิสูจน์จากคราบสนิมว่าถังน้ำมันถูกแช่อยู่ในน้ำนานเท่าไร และถูกไหม้ไฟมาก่อนหรือไม่ ในส่วนของเศษกระดูกที่ตรวจพบนอกจากต้องตรวจพิสูจน์ว่าเป็นกระดูกมนุษย์หรือไม่แล้วยังต้องส่งมอบให้กรมทรัพยากรธรณีตรวจด้วยว่าถูกนำมาทิ้งอยู่ในน้ำนานเท่าไรด้วย

ขณะที่ พล.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบคำพิพากษาในคดีหน่วงเหนี่ยวกักขังนายสมชาย พนักงานสอบสวนพบว่าไม่มีการสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้โทรศัพท์มือถือ ดังนั้น ดีเอสไอจะเรียกตัววิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านสัญญาณโทรศัพท์จากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาเป็นพยานประกอบเพื่อเสริมให้พยานหลักฐานมีน้ำหนักมากขึ้น สำหรับพยานบุคคลในคดีนี้อยู่ในความดูแลของพนักงานสอบสวน หากมีการแจ้งข้อหาฆ่าคนตายพยานจะได้รับความคุ้มครองเต็มรูปแบบในมาตรการคุ้มครองพยาน

“จากแนวทางการสืบสวนดีเอสไอพบตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าและนำศพทนายสมชายมาเผาทำลายหลักฐานแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุดเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นการกระทำความผิดทุกขั้นทุกตอน หากดีเอสไอ ออกหมายจับคดีฆ่าคนตาย แสดงว่ามีหลักฐานแน่นหนา มั่นใจได้ว่ากระทำความผิดจริงและจะไม่หลุดคดี”

หนทางแห่งการรอคอยที่ยังริบหรี่ ของ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย โดย นางอังคณา เชื่อว่าในความเป็นจริงคดีไม่มีความคืบหน้า และไม่มีการขยายผลสอบสวนอย่างจริงจัง ทำให้คิดไปได้ว่าข้อความในการแถลงข่าวของดีเอสไอในเกือบทุกครั้ง เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ ขายผ้าเอาหน้ารอด หรือปัดสวะให้พ้นตัวโดยปราศจากความรับผิดชอบ

หลังจาก รัฐบาลทรราช “ทักษิณ ชินวัตร” ถูกโค่นอำนาจ ไร้ที่ซุกกายในแผ่นดินเกิด โดยที่กระทรวงยุติธรรม โฉมใหม่ ภายใต้การนำของ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ และ นายจรัญ ภักดีธนากุล....คดีทนายสมชาย...จึงเริ่มเห็นทางสว่าง ความยุติธรรม กำลังเกิดขึ้น

26 ตุลาคม 2549 พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ารายงานความคืบหน้าของคดี โดย นายจรัญ ให้กรอบในการทำงานว่า “ภายใน 1 สัปดาห์จะต้องมีความคืบหน้ามากกว่าที่ทุกคนรับรู้อยู่แล้ว ซึ่งยอมรับว่าคดีนี้ส่งผลกระทบต่อสถานะความน่าเชื่อถือและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ฉะนั้น ไม่ควรจะเห็นแก่หน้าใคร หลักการนี้จะต้องทำให้ชัดเจน”

27 ตุลาคม 2549 พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าในการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรับการโอนย้ายกลับของ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไปเป็นรอง ผบ.ตร...

ล่าสุด 30 ตุลาคม 2549 พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ออกมาพูดย้ำอีกครั้งว่า คมช.จะเร่งรัดทุกหน่วยงานให้เดินหน้าคดีคาร์บอมบ์ คดีตากใบ และคดีอุ้มทนายสมชาย ลีนะไพจิตร ให้เกิดความกระจ่าง โดยเชื่อว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปเบื้องต้น

คดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย ที่ผู้สั่งการมีจิตใจโหดเหี้ยม เหมือนดั่งสัตว์นรก...

วันนี้...คดีทนายสมชาย เกิดความกระจ่าง และตามหา ผู้กระทำความผิดตัวจริงได้หรือไม่

โดยประเด็นที่ “ทักษิณ” บอกว่าสมชายเสียชีวิตแล้ว ถือเป็นการให้ข่าวของผู้นำประเทศ ณ เวลานั้น ถือว่าน่าสนใจหรือไม่...

กล่าวคือ...เนื่องจากวันนั้น “ทักษิณ” มีผู้ที่ดูแลด้านการข่าว อย่าง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ อยู่ข้างกาย...มี พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม เพื่อนร่วมรุ่น นั่งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล มี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รุ่นพี่ผู้สนองรับใช้ นั่งคุมยุติธรรม และรองนายกด้านความมั่นคง... คำพูดที่ว่า...สมชาย ตายแล้ว...จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

วันนี้ การคลี่คลายคดี...เป็นไปได้หรือไม่ ที่ (ดีเอสไอ) ยุคหลังปฏิรูปฯจะออกหมายเรียกตัว “ทักษิณ” มาสอบสวนเพื่อเค้นหาที่มาที่ไปของคำพูดประโยชน์ดังกล่าว ได้หรือไม่?

ขณะที่ ดีเอสไอมีความพยายามในการสืบค้นเพื่อหาพยานหลักฐาน จริง หรือไม่?....ข่าวชุดสืบสวน ดีเอสไอ ขัดแย้งกันเอง เป็นเรื่องจริง หรือ เป็นข่าวลือ...และการมุ่งทำลายหลักฐาน เพื่อหวังตัดตอนไม่ให้ไปถึง ทีมอุ้มฆ่า และคนบงการฆ่า จะมีอยู่จริง

หรือ บทสรุป สุดท้ายของคดีนี้คือ....อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ...ต้องไม่ใช่ชื่อ “สมบัติ อมรวิวัฒน์” คดีจึงจะคลี่คลาย และจับคนบงการฆ่าตัวจริงได้....

(โปรดติดตาม “ย้อนรอย...ต้องสอบ"ทักษิณ"ใครสั่งฆ่าทนายสมชาย ตอน 2 อีกครั้งหนึ่ง!)






กำลังโหลดความคิดเห็น