xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 39 ปี “ร.ต.อ.” พิสูจน์หลักฐานยักยอกยาบ้าของกลางไปขาย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต “ร้อยตำรวจเอก” กองพิสูจน์หลักฐาน ยักยอกของกลางยาบ้าไปจำหน่าย แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ แม้จำเลยจะปฏิเสธในชั้นศาล ลดโทษให้เหลือจำคุก 39 ปี ปรับ 2 ล้านบาท  


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ลีลาพงศธร อายุ 30 ปี อดีตรองสารวัตรงาน 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการพิสูจน์หลักฐาน จำเลยในความผิดฐานมีเมตแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ปรับ 3 ล้าน และให้จำคุก 9 ปี ในความผิดฐานมียาคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ตามโจทก์ฟ้องสรุปว่า จำเลยเป็นนายตำรวจสังกัดกองบังคับการพิสูจน์หลักฐาน มีหน้าเบิกสารเสพติดของกลางที่ได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ไปเพื่อทำการตรวจวิเคราะห์หาสารเสพติดบริสุทธิ์ และต้องนำสารเสพติดที่ยังตรวจไม่เสร็จรวมทั้งที่ตรวจแล้วส่งห้องเก็บรักษาพร้อมทำบัญชีให้ถูกต้องตรงจำนวนที่เบิกไป เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2546 ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 จับกุมนายเสา โมแอม ชาวกะเหรี่ยงได้พร้อมยาบ้า 1 เม็ด จึงส่งตัวให้ตำรวจ สภ.ต.ท่าเรือ จ.กาญจนบุรี ดำเนินคดี โดยผู้ต้องหาสารภาพว่าซื้อยาบ้ามาจากนายมงคล อาจปักษา นักการภารโรงของกองพิสูจน์หลักฐาน จึงได้วางแผนล่อซื้อจับกุมนายมงคล ได้ยาบ้าจำนวน 1,081 เม็ด จากการสอบสวนนายมงคลให้การซัดทอดจำเลยว่า เคยซื้อขายยาบ้ากับจำเลยในคดีนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อปี 2545 ซื้อยาบ้าจำนวน 700 เม็ด ปี 2546 ซื้อยาบ้า ประมาณ 4,500 เม็ด และยาคีตามีนอีก 20 ขวด รวมมูลค่า 84,00 บาท

ตำรวจ สภ.ต.ท่าเรือ จึงพานายมงคล เข้าพบ พล.ต.ต.ชวน วรวานิช ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อทราบ จากนั้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อุทิศ สิงหาพันธ์ ผกก.5 พฐ. ผู้บังคับบัญชาของจำเลย ร่วมกับตำรวจ สภ.ต.ท่าเรือ เพื่อจับกุมจำเลย โดยให้นายมงคลโทรศัพท์ติดต่อขอซื้อยาบ้าจากจำเลยจำนวน 500 เม็ด ราคา 40,800 บาท นัดส่งของที่บริเวณห้องน้ำชั้น 1 บก.พฐ. เมื่อจำเลยมาถึงได้ส่งมอบยาบ้าที่บรรจุในหีบห่อให้นายมงคล ตำรวจจึงเข้าจับกุมพร้อมของกลาง เมื่อไปค้นโต๊ะทำงานและตู้เก็บของ พบยาบ้าอีก 2,194 เม็ด ยาเคตามีนอีก 20 ขวด จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดแต่ถูกกลั่นแกล้งจับกุม โดยวันดังกล่าวนายมงคลโทรศัพท์มาตามบอกว่าผู้บังคับบัญชาเรียกไปพบ เมื่อไปถึงนายมงคลบอกว่าให้ไปที่ห้องน้ำ จากนั้นชายฉกรรจ์ 4-5 คนกรูเข้ามาจับกุม โดยไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ จำเลยไม่เคยค้ายาเสพติด ส่วนเงินที่ตำรวจติดตามยึดจากบัญชีธนาคารหลายรายการเป็นเงินที่ได้รับมรดกมาจากญาติ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีพยานเบิกความเกี่ยวกับการตรวจค้นโต๊ะทำงาน และตู้เก็บของส่วนตัวของจำเลย โดยมีผู้บังคับการ และผู้กำกับการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของจำเลยนำตรวจค้นโดยละเอียดพบของกลางจำนวนมาก อีกทั้งโจทก์ยังมีพยานเบิกความถึงระบบการเบิกยาเสพติดของกลางเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์พบว่า การตรวจยาเสพติดแต่ละวันนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องเบิกยาและเซ็นกำกับจำนวนยาของกลางที่เบิกไป เมื่อนำไปวิเคราะห์แล้วต้องลงบัญชีว่าได้สารเสพติดเท่าไหร่ และยังเหลือของกลางเท่าไร หากวันนั้นตรวจไม่เสร็จต้องทำบัญชีส่งคืนกับพยาน หากทำอย่างเคร่งครัดจะไม่มีการยักยอกของกลางเกิดขึ้นได้ ที่จำเลยนำสืบต่อสู้อ้างว่าถูกกลั่นแกล้งฟังไม่ขึ้น เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีการขู่เข็ญให้จำเลยรับสารภาพ พิพากษาว่าจำเลยทำความผิดตามฟ้องลงโทษฐานมีเมตแอมเฟตามีน จำคุกตลอดชีวิต ปรับ 3 ล้านบาท ฐานมียาเคตามีนจำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ลดโทษให้ คงจำคุกรวมทั้งหมด 39 ปี 4 เดือน ปรับ 2 ล้านบาท และออกหมายขังไว้ โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น