ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ พิพากษาประหารชีวิต “ผู้พันตึ๋ง” และพวก หลังหลักฐานยืนยันชัดเจนร่วมฆ่าโหดอดีตผู้ว่าฯ “ปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์”
วันนี้ (29 ก.ย.49) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง , ส.อ.มานิตย์ ศรีสะอาด และ ส.อ.สุวัฒน์ คำเหง้า เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.44 ที่ห้องพักเลขที่ 4006 โรงแรมรอยัล แปซิฟิค ย่านวังทองหลาง กทม.
โดยคดีนี้อัยการได้ยี่นฟ้องน.ส.อังคนางค์ สุนทรวิภาค ฐานร่วมกันฆ่า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ว่ามีความผิดฐานรับของโจรและพกพาอาวุธปืน โดยลงโทษจำคุก 3 ปี 8 เดือน และรับโทษจนคดียุติแล้ว ส่วนจำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารผู้พันตึ๋ง และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2,3 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้งสามคน
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าผู้ตายหรือไม่ คดีนี้โจทก์นำสืบว่า นายปรีณะ ผู้ตายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ก่อนหน้านั้นผู้ตายตรวจสอบพบการทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียของกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยผู้ตายต้องเข้ามาราชการราชการในกทม. และเปิดห้องพักเลขที่ 4006 วันที่ 4 มี.ค. 44 โดยได้เรียกน.ส.อังคนางค์ที่เคยมีสัมพันธ์กันฉันท์ชู้สาวมาหาที่ห้องในวันดังกล่าวและร่วมหลับนอนกัน ขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นนายทหารสืบสวนเกี่ยวกับยาเสพติด ขึ้นต่อกองบัญชาการทหารสูงสุด โดยจำเลยทั้งสามได้มาเปิดห้องพักเลขที่ 4015 และ 4017 โดยจำเลยที่ 1 ได้พาน.ส.ประยูร ภรรยาน้อยมาพักด้วย
โดยเช้าวันที่ 5 มี.ค.49 พนักงานโรงแรมได้พบศพผู้ตายถูกเชือดคอมีบาดแผลหลายแห่ง และถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 แม็กนั่มเข้าที่ท้ายทอยด้านซ้าย นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตประตูทางเข้าห้อง มีผ้าขนหนูคลุมที่หัวและคออยู่ 2 ผืน
โจทก์มีพยานเป็นพนักงานโรงแรมนำสืบ ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมาเปิดห้องพักโดยใช้ชื่อปลอมว่า กาย และเห็นจำเลยเข้าออกในโรงแรมในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้โจทก์นำสืบจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พบคราบเลือดที่บริเวณก๊อกน้ำห้องพักของจำเลย ตรงกับคราบเลือดของศพ และยังพบคราบเลือดที่รองเท้าผ้าใบของจำเลยที่ 3 และที่แป้นเบรกของรถยนต์อีซูซุ ทรูเปอร์ ทะเบียน 3965 เชียงใหม่ ของจำเลยที่ 1 และยังพบแผนผังห้องพักภายในโรงแรมที่เป็นลายมือของจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งคาดว่าเป็นการวางแผนก่อนฆาตกรรมนายปรีณะ ขณะที่ภายหลังเกิดเหตุ น.ส.อังคนางค์ ได้มอบตัวเมื่อวันที่ 7 มี.ค.44 ให้การว่า เป็นคนฆ่าผู้ตายเพราะขอเลิกกันแต่ผู้ตายไม่เลิก จึงใช้มีดแทงปอกผลไม้ที่พึ่งซื้อมา และยิงด้วยปืนของตนเอง ก่อนนำเงิน 5 พันบาท และแหวนเพชรของผู้ตายหลบหนีไปขาย แต่ต่อมาขณะถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.อังคนางค์ขอกลับคำให้การและได้ให้การใหม่ว่า จำเลยทั้งสามได้บุกเข้ามาขณะที่ตนเปิดประตูออกไป หลังจากหลับนอนกับผู้ตายเสร็จ โดยจำเลยได้ขู่ให้นั่งก้มหน้า และถามชื่อลูก ที่อยู่ โดยขู่จะฆ่าทั้งโคตร หากไม่ปิดปากให้ดี โดยน.ส.อังคนางค์เบิกความว่าเห็นเพียงปลายเท้าของผู้ตาย ถูกจำเลยจับนอนคว่ำหน้ากับพื้นและจำเลยได้หยิบมีดในกระเป๋าของน.ส.อังคนางค์มาเชือดคอผู้ตายหลายที ก่อนที่จะใช้ปืนของน.ส.อังคนางค์ยิงที่ศีรษะผู้ตายอีกที
จำเลยเบิกความต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้ฆ่าผู้ตาย แต่การที่เข้าพักที่โรงแรมโดยใช้ชื่อปลอม เพราะต้องการหนีจากการตามราวีของนางแสงเดือนภรรยาหลวง และแผนผังโรงแรมที่เขียนนั้น ก็เขียนหลังเกิดเหตุเพื่อจะเตรียมรายงานต่อผู้บังคับบัญชาถึงสถานการณ์ยาเสพติด ซึ่งจำเลยได้สืบทราบมาว่า บังรอน นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่หลบหนีการติดตามจับกุมของทางการ ได้แอบเข้าพบกับภรรยาของพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบ.ตร. โดยจำเลยเตรียมทำรายงานถึงผู้บังคับบัญชา แต่ก็ทราบว่าพล.ต.อ.พรศักดิ์เกิดความไม่พอใจและโกรธแค้นจำเลยอย่างหนัก จนอาจเป็นเหตุให้จำเลยถูกกลั่นแกล้ง ส่วนคราบเลือดที่พบบริเวณก๊อกน้ำห้องพักจำเลย อาจเป็นเพราะพนักงานโรงแรมเข้ามาล้างมือ หลังจากทำความสะอาดห้องพักผู้ตายก็เป็นได้ หรือหากจำเลยถูกกลั่นแกล้ง ตำรวจก็สามารถนำคราบเลือดมาเปื้อนที่บริเวณอ่างน้ำในห้องจำเลยได้เช่นกัน นอกจากนี้ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1, 3 และน.ส.ประยูร ได้ออกไปที่สนามม้าราชกรีฑาสโมสร เพื่อชมการแข่งม้า และยังได้พบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน ส่วนคราบเลือดที่แป้นเบรกรถยนต์ของจำเลยนั้นก็เพราะจำเลยที่สามไปเตะสุนัขมาและอาจมาทำให้เปื้อนที่แป้นเบรกได้
ศาลเห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่าต้องใช้ชื่อปลอมเพราะหลบภรรยา เห็นว่าก่อนนี้จำเลยที่ 1 พาภรรยาน้อยไปที่โรงแรมเฟิร์ส ก็ยังใช้ชื่อจริงลงทะเบียน ศาลจึงไม่เชื่อว่าจำเลยจะเกรงกลัวภรรยาจึงต้องใช้ชื่อปลอมที่โรงแรมรอยัล แปซิฟิค ที่จำเลยอ้างถึงแผนที่เสนอผู้บังคับบัญชา การที่ตำรวจเอาเลือดไปใส่ในอ่าง พนักงานเอาเลือดไปล้างที่ห้อง หรือการมีเลือดสุนัขที่รถ กับเรื่องโกรธเคืองกับอดีตผบ.ตร. ฟังไม่ขึ้น
คดีจึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า วันที่ 4 มี.ค.44 นายปรีณะถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายหลายคนรออยู่ข้างนอก และเมื่อ น.ส.อังคนางค์ เปิดประตูห้องออกมา คนร้ายได้จู่โจมเข้าไปนำตัวนายปรีณะแล้วใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง และใช้ปืนของ น.ส.อังคนางค์ จ่อยิงที่ศีรษะผู้ตาย หลังจากนั้นประมาณ 8 ชั่วโมง คนร้ายจับผู้ตายนอนคล่ำตะแคงซ้ายเพื่ออำพรางการตรวจพิสูจน์ทางนิติเวช อีกทั้งจำเลยทั้ง 3 เป็นทหาร สามารถสืบทราบได้ว่าผู้ตายจะมาพักในวันใด เวลาใด จำเลยจึงมาพักยังห้องใกล้เคียง
ประกอบกับจากการนำสืบพยานมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้ง 3 อยู่ในห้องใกล้ที่เกิดเหตุ และคำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.อังคนางค์ ซึ่งแม้จะเป็นจำเลยร่วม แต่ก็รับฟังได้โดยมีน้ำหนักเพียงพอ ว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นคนร้ายจริง ข้ออ้างของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ พิพากษาประหารชีวิต จำเลยทั้ง 3 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา ผู้พันตึ๋ง และจำเลยร่วมอีก 2 คน มีสีหน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด และบรรดาญาติๆ ทั้งมารดา ภรรยา และลูกๆ ต่างร้องไห้กันระงม โดยลูกสาวได้แต่ร้องว่าพ่อหนูไม่ผิด หลายครั้ง
พ.ต. เฉลิมชัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวหน้าห้องควบคุมว่า ไม่ขอวิจารณ์คำพิพากษาของศาล ท่านพิพากษามาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ได้กำชับภรรยากับทนายความ ให้หาหนทางต่อสู้รื้อฟื้นคดีขึ้นอีกครั้งถ้าเป็นไปได้ เพราะคดีนี้ใครรู้เบื้องหลังจะเห็นว่ามันยิ่งกว่าคดีเชอรี่ แอน เสียอีก ที่พวกตนต้องเป็นแพะรับบาป และจะขอถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ หลังจากนั้นผู้พันตึ๋งได้พูดปลอบโยนครอบครัวว่าขอให้เข้มแข็ง ใครจะว่าพ่อเป็นคนขี้คุกอย่างไร ขอให้เชื่อว่าพ่อไม่ได้ฆ่าใคร พ่อไม่ผิด ขอให้ต่อสู้ชีวิตกันต่อไป
ด้านนายพิศาล วิบูลย์ศิลป์ ทนายความกล่าวว่า ตนจะรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ทันปลายปีนี้ และจะอ้างถึงคุณงามความดีที่เคยปราบปรามยาเสพติด เคยช่วยงานการกุศล ซึ่งต้องขอปรึกษากับจำเลยก่อนว่ายังมีประวัติความดีอะไรบ้าง
ศาลฎีกาชี้ชะตา “ผู้พันตึ๋ง” ประหาร-ไม่ประหารพรุ่งนี้!
"ตึ๋ง"ขอขยายเวลายื่นฎีกา "คดีสั่งฆ่าโหดอดีตผู้ว่าฯยโสธร"
ศาลอุทธรณ์สั่งประหาร"ผู้พันตึ๋ง"พร้อมสมุนอีก 2 คน
ศาลอาญานัดชี้ชะตา"ผู้พันตึ๋ง"คดีสังหารโหดผู้ว่าฯยโสธรวันนี้



วันนี้ (29 ก.ย.49) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง , ส.อ.มานิตย์ ศรีสะอาด และ ส.อ.สุวัฒน์ คำเหง้า เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันฆ่านายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.44 ที่ห้องพักเลขที่ 4006 โรงแรมรอยัล แปซิฟิค ย่านวังทองหลาง กทม.
โดยคดีนี้อัยการได้ยี่นฟ้องน.ส.อังคนางค์ สุนทรวิภาค ฐานร่วมกันฆ่า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ว่ามีความผิดฐานรับของโจรและพกพาอาวุธปืน โดยลงโทษจำคุก 3 ปี 8 เดือน และรับโทษจนคดียุติแล้ว ส่วนจำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารผู้พันตึ๋ง และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2,3 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้งสามคน
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าผู้ตายหรือไม่ คดีนี้โจทก์นำสืบว่า นายปรีณะ ผู้ตายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ก่อนหน้านั้นผู้ตายตรวจสอบพบการทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียของกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยผู้ตายต้องเข้ามาราชการราชการในกทม. และเปิดห้องพักเลขที่ 4006 วันที่ 4 มี.ค. 44 โดยได้เรียกน.ส.อังคนางค์ที่เคยมีสัมพันธ์กันฉันท์ชู้สาวมาหาที่ห้องในวันดังกล่าวและร่วมหลับนอนกัน ขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นนายทหารสืบสวนเกี่ยวกับยาเสพติด ขึ้นต่อกองบัญชาการทหารสูงสุด โดยจำเลยทั้งสามได้มาเปิดห้องพักเลขที่ 4015 และ 4017 โดยจำเลยที่ 1 ได้พาน.ส.ประยูร ภรรยาน้อยมาพักด้วย
โดยเช้าวันที่ 5 มี.ค.49 พนักงานโรงแรมได้พบศพผู้ตายถูกเชือดคอมีบาดแผลหลายแห่ง และถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 แม็กนั่มเข้าที่ท้ายทอยด้านซ้าย นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตประตูทางเข้าห้อง มีผ้าขนหนูคลุมที่หัวและคออยู่ 2 ผืน
โจทก์มีพยานเป็นพนักงานโรงแรมนำสืบ ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมาเปิดห้องพักโดยใช้ชื่อปลอมว่า กาย และเห็นจำเลยเข้าออกในโรงแรมในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้โจทก์นำสืบจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พบคราบเลือดที่บริเวณก๊อกน้ำห้องพักของจำเลย ตรงกับคราบเลือดของศพ และยังพบคราบเลือดที่รองเท้าผ้าใบของจำเลยที่ 3 และที่แป้นเบรกของรถยนต์อีซูซุ ทรูเปอร์ ทะเบียน 3965 เชียงใหม่ ของจำเลยที่ 1 และยังพบแผนผังห้องพักภายในโรงแรมที่เป็นลายมือของจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งคาดว่าเป็นการวางแผนก่อนฆาตกรรมนายปรีณะ ขณะที่ภายหลังเกิดเหตุ น.ส.อังคนางค์ ได้มอบตัวเมื่อวันที่ 7 มี.ค.44 ให้การว่า เป็นคนฆ่าผู้ตายเพราะขอเลิกกันแต่ผู้ตายไม่เลิก จึงใช้มีดแทงปอกผลไม้ที่พึ่งซื้อมา และยิงด้วยปืนของตนเอง ก่อนนำเงิน 5 พันบาท และแหวนเพชรของผู้ตายหลบหนีไปขาย แต่ต่อมาขณะถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.อังคนางค์ขอกลับคำให้การและได้ให้การใหม่ว่า จำเลยทั้งสามได้บุกเข้ามาขณะที่ตนเปิดประตูออกไป หลังจากหลับนอนกับผู้ตายเสร็จ โดยจำเลยได้ขู่ให้นั่งก้มหน้า และถามชื่อลูก ที่อยู่ โดยขู่จะฆ่าทั้งโคตร หากไม่ปิดปากให้ดี โดยน.ส.อังคนางค์เบิกความว่าเห็นเพียงปลายเท้าของผู้ตาย ถูกจำเลยจับนอนคว่ำหน้ากับพื้นและจำเลยได้หยิบมีดในกระเป๋าของน.ส.อังคนางค์มาเชือดคอผู้ตายหลายที ก่อนที่จะใช้ปืนของน.ส.อังคนางค์ยิงที่ศีรษะผู้ตายอีกที
จำเลยเบิกความต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่ได้ฆ่าผู้ตาย แต่การที่เข้าพักที่โรงแรมโดยใช้ชื่อปลอม เพราะต้องการหนีจากการตามราวีของนางแสงเดือนภรรยาหลวง และแผนผังโรงแรมที่เขียนนั้น ก็เขียนหลังเกิดเหตุเพื่อจะเตรียมรายงานต่อผู้บังคับบัญชาถึงสถานการณ์ยาเสพติด ซึ่งจำเลยได้สืบทราบมาว่า บังรอน นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่หลบหนีการติดตามจับกุมของทางการ ได้แอบเข้าพบกับภรรยาของพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบ.ตร. โดยจำเลยเตรียมทำรายงานถึงผู้บังคับบัญชา แต่ก็ทราบว่าพล.ต.อ.พรศักดิ์เกิดความไม่พอใจและโกรธแค้นจำเลยอย่างหนัก จนอาจเป็นเหตุให้จำเลยถูกกลั่นแกล้ง ส่วนคราบเลือดที่พบบริเวณก๊อกน้ำห้องพักจำเลย อาจเป็นเพราะพนักงานโรงแรมเข้ามาล้างมือ หลังจากทำความสะอาดห้องพักผู้ตายก็เป็นได้ หรือหากจำเลยถูกกลั่นแกล้ง ตำรวจก็สามารถนำคราบเลือดมาเปื้อนที่บริเวณอ่างน้ำในห้องจำเลยได้เช่นกัน นอกจากนี้ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1, 3 และน.ส.ประยูร ได้ออกไปที่สนามม้าราชกรีฑาสโมสร เพื่อชมการแข่งม้า และยังได้พบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน ส่วนคราบเลือดที่แป้นเบรกรถยนต์ของจำเลยนั้นก็เพราะจำเลยที่สามไปเตะสุนัขมาและอาจมาทำให้เปื้อนที่แป้นเบรกได้
ศาลเห็นว่า ที่จำเลยอ้างว่าต้องใช้ชื่อปลอมเพราะหลบภรรยา เห็นว่าก่อนนี้จำเลยที่ 1 พาภรรยาน้อยไปที่โรงแรมเฟิร์ส ก็ยังใช้ชื่อจริงลงทะเบียน ศาลจึงไม่เชื่อว่าจำเลยจะเกรงกลัวภรรยาจึงต้องใช้ชื่อปลอมที่โรงแรมรอยัล แปซิฟิค ที่จำเลยอ้างถึงแผนที่เสนอผู้บังคับบัญชา การที่ตำรวจเอาเลือดไปใส่ในอ่าง พนักงานเอาเลือดไปล้างที่ห้อง หรือการมีเลือดสุนัขที่รถ กับเรื่องโกรธเคืองกับอดีตผบ.ตร. ฟังไม่ขึ้น
คดีจึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า วันที่ 4 มี.ค.44 นายปรีณะถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายหลายคนรออยู่ข้างนอก และเมื่อ น.ส.อังคนางค์ เปิดประตูห้องออกมา คนร้ายได้จู่โจมเข้าไปนำตัวนายปรีณะแล้วใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง และใช้ปืนของ น.ส.อังคนางค์ จ่อยิงที่ศีรษะผู้ตาย หลังจากนั้นประมาณ 8 ชั่วโมง คนร้ายจับผู้ตายนอนคล่ำตะแคงซ้ายเพื่ออำพรางการตรวจพิสูจน์ทางนิติเวช อีกทั้งจำเลยทั้ง 3 เป็นทหาร สามารถสืบทราบได้ว่าผู้ตายจะมาพักในวันใด เวลาใด จำเลยจึงมาพักยังห้องใกล้เคียง
ประกอบกับจากการนำสืบพยานมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้ง 3 อยู่ในห้องใกล้ที่เกิดเหตุ และคำให้การชั้นสอบสวนของ น.ส.อังคนางค์ ซึ่งแม้จะเป็นจำเลยร่วม แต่ก็รับฟังได้โดยมีน้ำหนักเพียงพอ ว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นคนร้ายจริง ข้ออ้างของจำเลยเป็นเพียงข้ออ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ พิพากษาประหารชีวิต จำเลยทั้ง 3 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา ผู้พันตึ๋ง และจำเลยร่วมอีก 2 คน มีสีหน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด และบรรดาญาติๆ ทั้งมารดา ภรรยา และลูกๆ ต่างร้องไห้กันระงม โดยลูกสาวได้แต่ร้องว่าพ่อหนูไม่ผิด หลายครั้ง
พ.ต. เฉลิมชัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวหน้าห้องควบคุมว่า ไม่ขอวิจารณ์คำพิพากษาของศาล ท่านพิพากษามาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ได้กำชับภรรยากับทนายความ ให้หาหนทางต่อสู้รื้อฟื้นคดีขึ้นอีกครั้งถ้าเป็นไปได้ เพราะคดีนี้ใครรู้เบื้องหลังจะเห็นว่ามันยิ่งกว่าคดีเชอรี่ แอน เสียอีก ที่พวกตนต้องเป็นแพะรับบาป และจะขอถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ หลังจากนั้นผู้พันตึ๋งได้พูดปลอบโยนครอบครัวว่าขอให้เข้มแข็ง ใครจะว่าพ่อเป็นคนขี้คุกอย่างไร ขอให้เชื่อว่าพ่อไม่ได้ฆ่าใคร พ่อไม่ผิด ขอให้ต่อสู้ชีวิตกันต่อไป
ด้านนายพิศาล วิบูลย์ศิลป์ ทนายความกล่าวว่า ตนจะรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ทันปลายปีนี้ และจะอ้างถึงคุณงามความดีที่เคยปราบปรามยาเสพติด เคยช่วยงานการกุศล ซึ่งต้องขอปรึกษากับจำเลยก่อนว่ายังมีประวัติความดีอะไรบ้าง
ศาลฎีกาชี้ชะตา “ผู้พันตึ๋ง” ประหาร-ไม่ประหารพรุ่งนี้!
"ตึ๋ง"ขอขยายเวลายื่นฎีกา "คดีสั่งฆ่าโหดอดีตผู้ว่าฯยโสธร"
ศาลอุทธรณ์สั่งประหาร"ผู้พันตึ๋ง"พร้อมสมุนอีก 2 คน
ศาลอาญานัดชี้ชะตา"ผู้พันตึ๋ง"คดีสังหารโหดผู้ว่าฯยโสธรวันนี้