สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ถือเป็นองค์กรรักษากฎหมาย องค์กรสำคัญ ที่ถูกระบอบทักษิณ แทรกซึม จนถูกเรียกเป็นเสียงเดียวกันว่า...รัฐตำรวจ...
วันนี้..พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำพาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การล่มสลาย
ขณะที่ความจริง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้จัดทัพสีกากี โดยวางตัวบุคคลไปนั่งในตำแหน่งหลักๆที่สำคัญ ไว้หลายเก้าอี้...เริ่มจาก
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่ "ทักษิณ" วาดฝันให้ขึ้น ผบ.ตร.คนต่อไป แต่บุญวาสนาของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไปไม่ถึงฝั่งหลัง"ทักษิณ" ถูกยึดอำนาจ "เพรียวพันธ์ "ต้องรับชะตากรรม ด้วยการถูกคำสั่งเด้งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับชีวิตราชการของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถือว่าเติบโตพรวดพราดขึ้นสู่ตำแหน่งระดับท็อป ในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขย โดยปี 2545 ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. และถัดจากนั้นอีกแค่ปีเศษ ได้นั่งแป้นรอง ผบ.ตร. จ่อเก้าอี้เบอร์ 1 กรมปทุมวัน ทั้งนี้เคยผ่านงาน ทั้งนครบาล กองปราบ ท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมือง สอบสวนกลาง และปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว
ที่สำคัญยังถูกวางตัวให้ไปนั่งในตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระ โดยเป็นถึงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ คณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทั้งที่ความจริงแล้วในองค์กรอิสระ คนที่จะเข้าไปมีตำแหน่งนั้น ต้องได้รับการยอมรับจากสังคมว่า มีความโปร่งใสทางการเมือง และเมื่อ"เพรียวพันธ์"ไปนั่งในตำแหน่งในปปง.ครั้งนี้ จึงยากที่จะหลุดจากข้อครหาจากสังคมว่า "ใช้ตำแหน่งในองค์กรอิสระเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง" รวมทั้งทำให้ภาพขององค์กรอิสระที่ส่วนใหญ่มีตำรวจซึ่งเป็นเพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปนั่งเป็นประธาน เสียความเป็นกลาง และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของ"ระบอบทักษิณ"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ คือนายตำรวจอีกนาย ที่ออกมามีบทบาท ในการรับสนอง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิติย์ อดีตรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม ในการสร้างผลงานสนอง ทักษิณ ดังนั้นหลัง ทักษิณ หมดอำนาจ นายตำรวจที่ชื่อ"เสรีพิศุทธ์"คณะปฎิรูปฯไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าที่ รองผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิ์ผล ก่อนหน้านี้ได้รับการวางตัวเป็นขุนพลคู่ใจ ก่อนจะมาเจอแรงกดดันจากสังคมในกรณีการอุ้มฆ่าทางภาคใต้ ทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ เหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก
พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้ที่ถูกคำสั่งคณะปฎิรูปฯย้ายประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยประวัติรับใช้ทักษิณของ พล.ต.ท.ชลอ ถือว่าเด่นชัด คือนั่งบัญชาการชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังจากสั่งให้ระดมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่า ทำผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทั่วราชอาณาจักรรวม 82 คดี และซ้ำร้าย พล.ต.ท.ชลอ กล้าชี้มูลว่า นายสนธิ และพวกกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา จนนำไปสู่ออกหมายเรียกและดำเนินคดี ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.4 ถือว่าประชาชน คงจำผลงานอันย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี เมื่อครั้ง สั่งผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมหลักฐาน แจ้งจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และขึ้นไปข่มขู่ นายอวยชัย วะทา แกนนำคัดค้านการถ่ายโอนครู ถึงบนเวทีปราศัย พร้อมกับแย่งไมโครโฟนเอามาพูดต่อกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “คุณรู้มั้ย คุณกำลังพูดกับใคร ... คุณกำลังพูดกับผมอยู่ .. เดี๋ยวเจอดีแน่” ทำให้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่นักเลงโตในคราบสีกากีจะเดินลงจากเวทีไป.....
โดยนายพลผู้นี้ ได้แสดงบทบาทปกป้องผู้เป็นนาย(ทักษิณ)อย่างเด่นชัด จนถูกอกถูกใจ และ ทำให้ประชาชน ทั่วประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...นี่หรือตำรวจ...
พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.7 และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือนายตำรวจที่ถูกส่งไปดูแลพื้นที่ภาคตะวันตก ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นแหล่งที่ส่องสุมมือปืนมากที่สุดในประเทศ ล่าสุดต้องลงมากำชับดูแลคดีคนร้ายยิงถล่มใส่รถนางกอบกุล นพอมรบดี ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 1 จ.ราชบุรี เมื่อไม่นานมานี้ด้วย
พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผบช.สตม.และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกส่งให้ไปดูแลงานด้านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นฐานอำนาจที่คอยรับบัญชา โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่จะเข้า-ออกประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ และหลังมีการรัฐประหารยึดอำนาจ มีข่าวว่า พล.ต.ท.สุวัฒน์ ได้อำนวยความสะดวกให้กับ พวกพ้องทักษิณ หลบหนีออกนอกประเทศ
พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส)ถือเป็นนายตำรวจอันตรายในระบอบทักษิณ อีกนาย โดยที่ผ่านมา ได้ทำงานสนองทักษิณ อย่างออกนอกหน้า โดยสร้างผลงานเด่น ทำลายฝ่ายตรงข้าม คือขึ้นบัญชีดำ"สนธิ-สโรชา"พร้อมแกนนำผู้รักชาติรวม 73 คน รวมถึงชื่อของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วย ภายหลังจากที่บุคคลต่างๆ นี้ ได้ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อขับไล่ "รัฐบาลทักษิณ"
พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตานนท์ ผบช.ประจำ ตร. ผู้มีบทบาทหน้าที่ ประสานงานและติดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ถือเป็น นายตำรวจผู้ใกล้ชิด ที่คอยรับบัญชา และ สั่งการต่อไปยัง ฐานอำนาจในสายงาน
พล.ต.ท.จงรักษ์ จุฑานนท์ ผู้บัญาการตำรวจภูธรภาค 2 ว่าที่ ผบช.น.ถือว่าได้สร้างผลงาน ด้วยการคอยปราบปราม กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ ทักษิณ ก่อนหน้านี้ คอยสั่งสกัดกั้น ประชาชนที่จะเดินทางมาชุมนุม และถูกวางตัวจาก ทักษิณ ให้มานั่ง ผบช.น.คนต่อไป เพื่อหวังปราบปราม กลุ่มต่อต้านในพื้นที่เมืองหลวง
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5)ทักษิณ ได้วางตัวให้ดูแลพื้นที่บ้านเกิดเขตภาคเหนือ เพื่อสนองงาน และดูแลกลุ่มพวกพ้อง
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผบช.รร.นรต.ที่ได้ดิบได้ดีถูกส่งไปให้ดูแลงานด้านโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อปลูกฝังรุ่นใหม่ให้เข้าใจแนวคิดของตำรวจยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความชื่นชมในฝีมือมาก เพราะเจริญรอยตามเขามาโดยตลอด เนื่องจากจบด๊อกเตอร์เหมือนกันในสาขาเดียวกันคือ “อาชญวิทยา” และในมหาวิทยาลัยแซม ฮุสตันของสหรัฐอเมริกาเหมือนกันอีกด้วย โดยก่อนหน้าจะมารับเก้าอี้ตัวนี้ มีผลงานเด่นเดินตามหลังพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด และในการให้สัมภาษณ์เกือบทุกครั้งจะต้องเห็นหน้า พล.ต.ท.พงศพัศ อยู่หลังฉากเสมอๆ
พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)(นรต.23) รุ่น พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม ที่ยอมรับใช้ กำกับการแสดงบทปาหี่สังหารทักษิณ ถือเป็นตำรวจที่ต้องกำจัดเช่นกัน
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) ซึ่งถือว่าเป็น “ผบ.ตร.น้อย” เพราะมีอำนาจในการจับกุมทั่วประเทศ และเป็นตำแหน่งที่ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เคยนั่งอยู่มาก่อน โดย พล.ต.ต.วินัย จบจากนรต.32 มีเพื่อนร่วมรุ่นคนดังคือ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผบก.ทท.และเป็นถึงหลานเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกส่งตรงมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้าให้มารับผิดชอบในเก้าอี้สำคัญนี้
พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผบก.น.5 นรต.รุ่น 28 อดีต ผบก.ป.ที่เคยโด่งดังจากการพลิกแฟ้มคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.กทม.ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ และโดยเฉพาะการจับมือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช บุกค้นบ้าน 2 ตา-ยาย ตระกูล “ศตะกูรมะ” ที่อยุธยา จนมีการบุกยิงถล่มบ้านอย่างหนัก โดยอ้างว่า เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดได้ และทำให้บ้านดังกล่าวเสียหายอย่างหนัก ถึงขนาด “ตู้เย็น” ในบ้านมีรอยกระสุนเต็มไปหมด จนเป็นที่มา
ของฉายาอันลือลั่นของนายยงยุทธว่า “ยุทธ ตู้เย็น”
ทั้งนี้ พล.ต.ต.โกสินทร์เคยเป็น ผบก.น.7 ที่ดูแลพื้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามาก่อน โดยได้ชื่อว่า มีความสนิทสนมในการดูแลเอาใจคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นพิเศษ จนได้ดิบได้ดีในเวลาต่อมา
ขณะที่หน่วยงานหลักอื่นๆ"ทักษิณ"ได้ทำให้เกิดภาพระบอบทักษิณ ในทุกหน่วยงาน โดยวาง พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ นั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)เป็นนายตำรวจรุ่นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ คือรุ่นที่ 27 แต่เป็นมือเป็นไม้ทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และเป็นบุคคลที่ถูกดึงตัวไปดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด ที่จะเก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้เป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้าจะถูกโอนย้ายไปนั้น มีตำแหน่งถึงระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน(ปปง.)วันนี้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิษสมาน เลขาธิการ ปปง. ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ที่ครบวาระ แม้จะดูไม่โดดเด่นนัก แต่เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นมือเป็นไม้ทำงานร่วมกับ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ มายาวนาน และพล.ต.ต.พีรพันธุ์ ก็เป็นคนดึงตัวมาจาก สตช.ด้วยตัวเอง และวางบทบาทให้สืบทอดตำแหน่งจากตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา พยายามระมัดระวังตัว ไม่ให้ตกเป็นข่าวมากนัก แต่ก็ยังทำงานสนองรับใช้รัฐบาลทักษิณอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เคยเป็นถึงอดีตรอง ผบ.ตร. ก่อนจะก้าวมารับตำแหน่งใหญ่ในดีเอสไอ ที่หลายคนพยายามยกให้เทียบเท่ากับ “เอฟบีไอ” ของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะสามารถทำงานโดยรับคำสั่งจากรัฐบาล ตามเช็คบิลฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะกับพวกต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณและรวมถึงคนในพรรคประชาธิปัตย์
ผลงานในอดีตคือ การตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ จนนำมาสู่การถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการ “อุ้ม-ฆ่า” ทั่วประเทศ
พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลาก) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความไว้วางใจมาก เพื่อให้เข้ามาคุม “ถุงเงินนอกงบประมาณ” เพื่อมาดูแลผลประโยชน์ในการดึง “หวยใต้ดิน” ที่บรรดาผู้มีอิทธิพลทั้งหลายใช้เป็นช่องทางในการทำมาหากิน มาไว้ “บนดิน” และดูแลผลประโยชน์โดยตรงให้กับรัฐบาลทักษิณ
โดย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ อดีตเคยเป็นถึงผู้บังคับการกองปราบปรามที่โด่งดัง โดยเฉพาะการท้าทายกับ “สถาบันทหาร” ด้วยการนำทีมบุกล็อคตัว “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธ.แดง” กลางโรงแรมดัง “ดิ เอมเมอรัล” หลังจากที่ออกมาต่อกรกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น
ดังนั้น! เมื่อวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ความจริงประเทศไทย"รัฐตำรวจ ระบอบทักษิณ" ยังดำรงอยู่.....นี่คือ โจทก์ข้อใหญ่ ที่ประชาชน คนในชาติ เฝ้ารอดู ว่าท้ายที่สุดแล้ว...ระบอบทักษิณ...จะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไปหรือไม่!


















วันนี้..พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำพาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การล่มสลาย
ขณะที่ความจริง ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้จัดทัพสีกากี โดยวางตัวบุคคลไปนั่งในตำแหน่งหลักๆที่สำคัญ ไว้หลายเก้าอี้...เริ่มจาก
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่ "ทักษิณ" วาดฝันให้ขึ้น ผบ.ตร.คนต่อไป แต่บุญวาสนาของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไปไม่ถึงฝั่งหลัง"ทักษิณ" ถูกยึดอำนาจ "เพรียวพันธ์ "ต้องรับชะตากรรม ด้วยการถูกคำสั่งเด้งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับชีวิตราชการของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถือว่าเติบโตพรวดพราดขึ้นสู่ตำแหน่งระดับท็อป ในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขย โดยปี 2545 ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. และถัดจากนั้นอีกแค่ปีเศษ ได้นั่งแป้นรอง ผบ.ตร. จ่อเก้าอี้เบอร์ 1 กรมปทุมวัน ทั้งนี้เคยผ่านงาน ทั้งนครบาล กองปราบ ท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมือง สอบสวนกลาง และปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว
ที่สำคัญยังถูกวางตัวให้ไปนั่งในตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระ โดยเป็นถึงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ คณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทั้งที่ความจริงแล้วในองค์กรอิสระ คนที่จะเข้าไปมีตำแหน่งนั้น ต้องได้รับการยอมรับจากสังคมว่า มีความโปร่งใสทางการเมือง และเมื่อ"เพรียวพันธ์"ไปนั่งในตำแหน่งในปปง.ครั้งนี้ จึงยากที่จะหลุดจากข้อครหาจากสังคมว่า "ใช้ตำแหน่งในองค์กรอิสระเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง" รวมทั้งทำให้ภาพขององค์กรอิสระที่ส่วนใหญ่มีตำรวจซึ่งเป็นเพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปนั่งเป็นประธาน เสียความเป็นกลาง และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของ"ระบอบทักษิณ"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ คือนายตำรวจอีกนาย ที่ออกมามีบทบาท ในการรับสนอง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิติย์ อดีตรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม ในการสร้างผลงานสนอง ทักษิณ ดังนั้นหลัง ทักษิณ หมดอำนาจ นายตำรวจที่ชื่อ"เสรีพิศุทธ์"คณะปฎิรูปฯไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าที่ รองผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือตำรวจที่มักจะคอยเสริมพลังผลักดันความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมฤทธิ์ผล ก่อนหน้านี้ได้รับการวางตัวเป็นขุนพลคู่ใจ ก่อนจะมาเจอแรงกดดันจากสังคมในกรณีการอุ้มฆ่าทางภาคใต้ ทั้งยังเป็นสามีของนางสิริกร มณีรินทร์ เหรัญญิกพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตรเป็นอันมาก
พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้ที่ถูกคำสั่งคณะปฎิรูปฯย้ายประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยประวัติรับใช้ทักษิณของ พล.ต.ท.ชลอ ถือว่าเด่นชัด คือนั่งบัญชาการชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังจากสั่งให้ระดมแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่า ทำผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทั่วราชอาณาจักรรวม 82 คดี และซ้ำร้าย พล.ต.ท.ชลอ กล้าชี้มูลว่า นายสนธิ และพวกกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา จนนำไปสู่ออกหมายเรียกและดำเนินคดี ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.4 ถือว่าประชาชน คงจำผลงานอันย่ำแย่ได้เป็นอย่างดี เมื่อครั้ง สั่งผู้ใต้บังคับบัญชารวบรวมหลักฐาน แจ้งจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และขึ้นไปข่มขู่ นายอวยชัย วะทา แกนนำคัดค้านการถ่ายโอนครู ถึงบนเวทีปราศัย พร้อมกับแย่งไมโครโฟนเอามาพูดต่อกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “คุณรู้มั้ย คุณกำลังพูดกับใคร ... คุณกำลังพูดกับผมอยู่ .. เดี๋ยวเจอดีแน่” ทำให้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมโห่ร้องเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่นักเลงโตในคราบสีกากีจะเดินลงจากเวทีไป.....
โดยนายพลผู้นี้ ได้แสดงบทบาทปกป้องผู้เป็นนาย(ทักษิณ)อย่างเด่นชัด จนถูกอกถูกใจ และ ทำให้ประชาชน ทั่วประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...นี่หรือตำรวจ...
พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.7 และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือนายตำรวจที่ถูกส่งไปดูแลพื้นที่ภาคตะวันตก ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นแหล่งที่ส่องสุมมือปืนมากที่สุดในประเทศ ล่าสุดต้องลงมากำชับดูแลคดีคนร้ายยิงถล่มใส่รถนางกอบกุล นพอมรบดี ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 1 จ.ราชบุรี เมื่อไม่นานมานี้ด้วย
พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผบช.สตม.และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.26 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกส่งให้ไปดูแลงานด้านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นฐานอำนาจที่คอยรับบัญชา โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่จะเข้า-ออกประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ และหลังมีการรัฐประหารยึดอำนาจ มีข่าวว่า พล.ต.ท.สุวัฒน์ ได้อำนวยความสะดวกให้กับ พวกพ้องทักษิณ หลบหนีออกนอกประเทศ
พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส)ถือเป็นนายตำรวจอันตรายในระบอบทักษิณ อีกนาย โดยที่ผ่านมา ได้ทำงานสนองทักษิณ อย่างออกนอกหน้า โดยสร้างผลงานเด่น ทำลายฝ่ายตรงข้าม คือขึ้นบัญชีดำ"สนธิ-สโรชา"พร้อมแกนนำผู้รักชาติรวม 73 คน รวมถึงชื่อของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วย ภายหลังจากที่บุคคลต่างๆ นี้ ได้ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อขับไล่ "รัฐบาลทักษิณ"
พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตานนท์ ผบช.ประจำ ตร. ผู้มีบทบาทหน้าที่ ประสานงานและติดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ถือเป็น นายตำรวจผู้ใกล้ชิด ที่คอยรับบัญชา และ สั่งการต่อไปยัง ฐานอำนาจในสายงาน
พล.ต.ท.จงรักษ์ จุฑานนท์ ผู้บัญาการตำรวจภูธรภาค 2 ว่าที่ ผบช.น.ถือว่าได้สร้างผลงาน ด้วยการคอยปราบปราม กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ ทักษิณ ก่อนหน้านี้ คอยสั่งสกัดกั้น ประชาชนที่จะเดินทางมาชุมนุม และถูกวางตัวจาก ทักษิณ ให้มานั่ง ผบช.น.คนต่อไป เพื่อหวังปราบปราม กลุ่มต่อต้านในพื้นที่เมืองหลวง
พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5)ทักษิณ ได้วางตัวให้ดูแลพื้นที่บ้านเกิดเขตภาคเหนือ เพื่อสนองงาน และดูแลกลุ่มพวกพ้อง
พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผบช.รร.นรต.ที่ได้ดิบได้ดีถูกส่งไปให้ดูแลงานด้านโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อปลูกฝังรุ่นใหม่ให้เข้าใจแนวคิดของตำรวจยุคทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความชื่นชมในฝีมือมาก เพราะเจริญรอยตามเขามาโดยตลอด เนื่องจากจบด๊อกเตอร์เหมือนกันในสาขาเดียวกันคือ “อาชญวิทยา” และในมหาวิทยาลัยแซม ฮุสตันของสหรัฐอเมริกาเหมือนกันอีกด้วย โดยก่อนหน้าจะมารับเก้าอี้ตัวนี้ มีผลงานเด่นเดินตามหลังพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด และในการให้สัมภาษณ์เกือบทุกครั้งจะต้องเห็นหน้า พล.ต.ท.พงศพัศ อยู่หลังฉากเสมอๆ
พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)(นรต.23) รุ่น พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯและรมว.ยุติธรรม ที่ยอมรับใช้ กำกับการแสดงบทปาหี่สังหารทักษิณ ถือเป็นตำรวจที่ต้องกำจัดเช่นกัน
พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) ซึ่งถือว่าเป็น “ผบ.ตร.น้อย” เพราะมีอำนาจในการจับกุมทั่วประเทศ และเป็นตำแหน่งที่ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เคยนั่งอยู่มาก่อน โดย พล.ต.ต.วินัย จบจากนรต.32 มีเพื่อนร่วมรุ่นคนดังคือ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผบก.ทท.และเป็นถึงหลานเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกส่งตรงมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้าให้มารับผิดชอบในเก้าอี้สำคัญนี้
พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผบก.น.5 นรต.รุ่น 28 อดีต ผบก.ป.ที่เคยโด่งดังจากการพลิกแฟ้มคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.กทม.ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ และโดยเฉพาะการจับมือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช บุกค้นบ้าน 2 ตา-ยาย ตระกูล “ศตะกูรมะ” ที่อยุธยา จนมีการบุกยิงถล่มบ้านอย่างหนัก โดยอ้างว่า เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาหลักฐานเอาผิดได้ และทำให้บ้านดังกล่าวเสียหายอย่างหนัก ถึงขนาด “ตู้เย็น” ในบ้านมีรอยกระสุนเต็มไปหมด จนเป็นที่มา
ของฉายาอันลือลั่นของนายยงยุทธว่า “ยุทธ ตู้เย็น”
ทั้งนี้ พล.ต.ต.โกสินทร์เคยเป็น ผบก.น.7 ที่ดูแลพื้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามาก่อน โดยได้ชื่อว่า มีความสนิทสนมในการดูแลเอาใจคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นพิเศษ จนได้ดิบได้ดีในเวลาต่อมา
ขณะที่หน่วยงานหลักอื่นๆ"ทักษิณ"ได้ทำให้เกิดภาพระบอบทักษิณ ในทุกหน่วยงาน โดยวาง พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ นั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)เป็นนายตำรวจรุ่นน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ คือรุ่นที่ 27 แต่เป็นมือเป็นไม้ทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และเป็นบุคคลที่ถูกดึงตัวไปดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด ที่จะเก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้เป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้าจะถูกโอนย้ายไปนั้น มีตำแหน่งถึงระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน(ปปง.)วันนี้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิษสมาน เลขาธิการ ปปง. ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ที่ครบวาระ แม้จะดูไม่โดดเด่นนัก แต่เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นมือเป็นไม้ทำงานร่วมกับ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ มายาวนาน และพล.ต.ต.พีรพันธุ์ ก็เป็นคนดึงตัวมาจาก สตช.ด้วยตัวเอง และวางบทบาทให้สืบทอดตำแหน่งจากตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา พยายามระมัดระวังตัว ไม่ให้ตกเป็นข่าวมากนัก แต่ก็ยังทำงานสนองรับใช้รัฐบาลทักษิณอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เคยเป็นถึงอดีตรอง ผบ.ตร. ก่อนจะก้าวมารับตำแหน่งใหญ่ในดีเอสไอ ที่หลายคนพยายามยกให้เทียบเท่ากับ “เอฟบีไอ” ของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะสามารถทำงานโดยรับคำสั่งจากรัฐบาล ตามเช็คบิลฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะกับพวกต้องการโค่นล้มระบอบทักษิณและรวมถึงคนในพรรคประชาธิปัตย์
ผลงานในอดีตคือ การตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ จนนำมาสู่การถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการ “อุ้ม-ฆ่า” ทั่วประเทศ
พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลาก) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้ความไว้วางใจมาก เพื่อให้เข้ามาคุม “ถุงเงินนอกงบประมาณ” เพื่อมาดูแลผลประโยชน์ในการดึง “หวยใต้ดิน” ที่บรรดาผู้มีอิทธิพลทั้งหลายใช้เป็นช่องทางในการทำมาหากิน มาไว้ “บนดิน” และดูแลผลประโยชน์โดยตรงให้กับรัฐบาลทักษิณ
โดย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ อดีตเคยเป็นถึงผู้บังคับการกองปราบปรามที่โด่งดัง โดยเฉพาะการท้าทายกับ “สถาบันทหาร” ด้วยการนำทีมบุกล็อคตัว “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” หรือ “เสธ.แดง” กลางโรงแรมดัง “ดิ เอมเมอรัล” หลังจากที่ออกมาต่อกรกับ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น
ดังนั้น! เมื่อวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ความจริงประเทศไทย"รัฐตำรวจ ระบอบทักษิณ" ยังดำรงอยู่.....นี่คือ โจทก์ข้อใหญ่ ที่ประชาชน คนในชาติ เฝ้ารอดู ว่าท้ายที่สุดแล้ว...ระบอบทักษิณ...จะถูกกำจัดให้หมดสิ้นไปหรือไม่!