คดีความเครื่องบินการบินไทยตกที่สุราษฎร์ฯ ยังไม่จบ ภรรยากัปตันผู้สูญเสียสามี นำนักร้องกระดูกเหล็ก “เจมส์ ข้าวมันไก่” เบิกความหลังรอดปาฏิหาริย์ ระบุพบเครื่องบินวน 3 รอบก่อนเกิดเหตุมรณะ ขณะที่กัปตันยันไม่ใช่เพราะฝีมือนักบิน แต่เป็นเพราะระบบเครื่องมีปัญหา แต่บินไทยยังนำมาให้บริการ
วันนี้ (30 ส.ค.) เวลา 09.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีที่ น.อ.ท.หญิง รัชนีวรรณ เวชศิลป์ ภรรยา และมารดา และบุตร 2 คนของ ร.อ.อ.พินิจ เวชศิลป์ อดีตกัปตันบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นนักบินที่ 1 ผู้ควบคุมเครื่องแอร์บัส เอ 310-204 ที่ประสบอุบัติเหตุตกที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.41 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 101 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 45 ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท การบินไทยฯ, นายกนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทยฯ, นายธรรมนูญ หวั่งหลี อดีต กก.ผอ.ใหญ่บริษัท การบินไทยฯ, เรืออากาศโท ชูศักดิ์ พาชัยยุทธ, นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์, พันจ่าอากาศเอก กอบชัย ศรีวิลาศ และนายพิสิฐ กุศลาไสยานนท์ อดีต กก.ผอ.ใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 130,550,137.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
สืบเนื่องจากกรณีที่ บ.การบินไทยฯ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าสาเหตุเครื่องบินโดยสารแอร์บัสตกที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.41 เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดของนักบิน ทั้งที่เครื่องบินลำดังกล่าวมีอายุการใช้งานมากว่า 10 ปี และมีข้อบกพร่องทางเทคนิคมานาน โดยปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ไม่ตรวจหาสาเหตุข้อบกพร่องตามขั้นตอนวิธีทางเทคนิคที่กำหนดไว้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเหตุให้เครื่องบินตก
โดยในวันนี้ ทนายโจทก์ได้นำ นายเรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ หรือเจมส์ นักร้องชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการค่าย ไอดี เรคคอร์ด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งรอดชีวิตจากการร่วมเดินทางไปในเที่ยวบินดังกล่าว และกัปตันของการบินไทย วัย 58 ปี ซึ่งมีประสบการณ์การขับเครื่องบินลำมรณะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาคดีศาลไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกคำเบิกความของพยาน
ทั้งนี้ ภายหลังเบิกความเสร็จสิ้น เจมส์ เรืองศักดิ์ นักร้องคนดังเปิดเผยว่า เดินทางมาตามหมายเรียกของศาลที่ให้ขึ้นเบิกความเป็นพยานในฐานะที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เครื่องบินตก โดยเบิกความไปตามเหตุการณ์ที่ประสบมา สำหรับในวันเกิดเหตุนั้นกัปตันไม่สามารถนำเครื่องลงที่สนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย โดยมีการแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารทราบ พร้อมให้คาดเข็มขัดนิรภัย ระหว่างนั้นเครื่องบินได้บินวนประมาณ 2 รอบ กัปตันได้แจ้งว่าหากไม่สามารถนำเครื่องลงได้จะต้องบินกลับไปที่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้โดยสารในเครื่องใช้โทรศัพท์มือถือกันอย่างชุลมุน จนกระทั่งในการบินวนรอบที่ 3 เครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกลง
เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากรอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ ทางบริษัท การบินไทย ได้ช่วยเหลือด้วยการออกค่ารักษาพยาบาลให้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินฟรีตลอดชีวิตนั้นตนไม่ทราบเรื่อง แต่มีหลายคนถามเหมือนกันว่าได้รับหรือไม่ แต่ทั้งนี้ไม่ต้องการเรียกร้อง เพราะการรอดชีวิตจากเครื่องบินตกมาได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รักทุกคนในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย และหวังว่าคดีความที่เกิดขึ้นจะจบลงด้วยดี
ด้านกัปตันวัย 58 ปี ของการบินไทย (ขอสงวนนาม) กล่าวภายหลังว่า ตนมาเบิกความในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน โดยยืนยันว่าเครื่องลำดังกล่าวมีปัญหามาก่อนที่จะประสบเหตุเครื่องตกนานกว่า 4 เดือน แต่การบินไทยไม่ได้แก้ไขให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเครื่องลำนี้ได้ผ่านการใช้งานมานานกว่า 10 ปี และเคยเข้าซ่อมครั้งใหญ่มากว่า 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นก็ยังประสบปัญหาที่ระบบมาโดยตลอด ทั้งที่ความจริงหากเครื่องผ่านการซ่อมครั้งใหญ่จะต้องสามารถใช้ได้ดีดังเดิมเหมือนเครื่องใหม่ และเมื่อตรวจสอบกล่องดำยังพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า ทุกระบบทั้งระบบ TAT ระบบ ADC ระบบ PITTOT และระบบ PITCHTRIM โดยพบว่าเมื่อเครื่องเกิดปัญหาที่ใด การบินไทยใช้วิธีซ่อมแบบเฉพาะจุด ทำให้เครื่องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็ยังให้นักบินขับเครื่องลำดังกล่าวบริการผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุ 2 เดือน ตนเองและผู้โดยสารเกือบเอาชีวิตไม่รอดกับเครื่องลำดังกล่าวมาแล้ว โดยตนได้บินพาผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สนามบิน จ.อุบลราชธานี ปรากฏว่าเครื่องมีปัญหาที่ระบบไฟฟ้าขณะร่อนลงจอด แต่โชคดีที่ครั้งนั้นล้อเครื่องบินสามารถลงแตะพื้นได้ก่อนจึงไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น โดยเครื่องรุ่นเดียวกันได้เกิดเหตุตกมาแล้วที่กาฐมัณฑุ ประเทศเนปาล ซึ่งก็เป็นเพราะสภาพของเครื่องบิน ไม่ใช่เพราะฝีมือนักบิน
“ตนเห็นสภาพครอบครัวของกัปตันพินิจที่เสียชีวิต วันงานศพเห็นแล้วรู้สึกเห็นใจ เพราะคนทั่วไปไม่รู้ก็คิดว่าเป็นความผิดของนักบิน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ มีญาติของผู้ตายหลายคนมาต่อว่าในงานศพจนต้องมีการย้ายศาลาสวดศพหนี ซึ่งวันนี้ตนอยากพูดความจริงให้ทุกคนรู้ เพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่การบินไทยต้องตระหนักในการซ่อมบำรุงเครื่องบินที่แท้จริง เพื่อป้องกันเหตุร้ายภายหน้า เพราะเรื่องแบบนี้มันอาจจะเกิดขึ้นกับลูกหลานของพวกท่านก็ได้ในภายหน้าได้” กัปตัน กล่าว