“อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช” โฆษก สตช.รับปากจะให้ความเป็นธรรมเหตุปะทะเดือดอันธพาลกระทืบคนต้าน “ทักษิณ” ชี้หากมีหลักฐานชัดว่าตำรวจสั่งให้ดำเนินการก็จะปฏิเสธสังคมไม่ได้ ย้ำหากไม่เอาผิด เปรียบเหมือนตำรวจเป็นโจรลงเหวเสียเอง ขณะที่ตำรวจปทุวันเตรียมเรียกตัว “ฤทธิรงค์” เค้นสอบปากคำวันนี้
จากกรณีเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มต่อต้านและสนันสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีหลักฐานภาพถ่ายของสถานีข่าวเอเอสทีวี ได้บันทึกหลักฐานการสั่งการของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 เพื่อให้ นายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ 2 ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวเมื่อวานที่ผ่านมา ทำการล็อกประชาชนที่ตะโกนไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ และนำไปสู่กลุ่มอันธพาลรุมยำต่อหน้าตำรวจที่ยืนดูจำนวนมาก ขณะที่ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ออกมาปฏิเสธเมื่อวานที่ผ่านมาว่า ตนไม่รู้จักกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
วันนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า วันนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วณิช สุรพลชัย ผบก.น 6 ทำรายงานสรุปผลการสอบสวนทั้งหมดมาให้ภายในวันนี้ จากนั้นก็จะแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนรับทราบ
ต่อข้อถามว่าจะเอาผิดกับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ผกก.สส.น.6 ที่สั่งการให้กลุ่มอันธพาล ทำร้ายประชาชนหรือไม่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า หากใครทำผิดก็จะต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีการละเว้น เนื่องจากถือเป็นนโยบายของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ที่สั่งการให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับทุกคน และหากตำรวจทำผิดเสียเอง แต่ไม่ดำเนินการอะไร เราก็จะปฏิเสธสังคมไม่ได้ อีกทั้งยิ่งทำให้นำพาสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกต่ำลง เปรียบเสมือนกับเป็นโจรลงเหวเสียเอง
“ไม่ว่ามีหลักฐานจากภาพถ่ายวีซีดี ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเทปบันทึกเสียงที่อัดเสียงการสั่งการไว้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีทั้งหมด เราจะปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งตำรวจทำผิด หากไม่ดำเนินการ ก็เปรียบเหมือนเป็นโจรลงเหวเสียเอง” พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าว
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ นายจรัญ จงอ่อน และนายชัยสิทธิ์ ลอม๊ะห์ สองผู้ต้องหายอมรับกับสื่อว่า ขณะเกิดเหตุได้แอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า หากมีหลักฐานพบว่ามีการแอบอ้างเป็นตำรวจจริง ก็จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายสะบายใจได้ว่าตำรวจจะดำเนินคดีนี้อย่างเป็นธรรมกันทุกฝ่าย ไม่มีการละเว้นอย่างแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวน พ.ต.ท.อาคม จันทรลาช รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวาน 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำและพิมพ์รายนิ้วมือทำประวัติไว้ก่อนจะปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งหลังจากนี้จะนำลายนิ้วมือไปตรวจสอบกับกองทะเบียนประวัติอาชญากรว่าเป็นข้าราชการหรือไม่ เคยก่อเหตุลักษณะนี้หรือไม่เพื่อให้หายสงสัย ส่วนในวันนี้จะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวมาสอบปากคำทั้งหมดรวมถึง พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ผกก.สส.น.6 มาสอบปากคำและทำการตรวจสอบรูปภาพให้เสร็จภายในวันนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือไปยังสื่อมวลชนขอภาพถ่ายมาประมวลดูภาพเหตุการณ์ขณะที่มีชายวัยรุ่นและชายพิการถือไม้เท้ามาตะโกนไล่ กลุ่มต่อต้านซึ่งจะตั้งคณะกรรมการพิจารณามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับทั้งสองฝ่าย คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรวบรวมสำนวนประมาณ 1 เดือน เนื่องจากต้องรอผลตรวจจากแพทย์ประมาณ 20 วัน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา นายกรวิวัฒน์ ธรรมพินิจไชย อายุ 50 ปี เดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน เข้าพบ พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง ผกก.สน.ปทุมวัน เพื่อขอเลื่อนนัดการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกรณีที่ถูกทำร้ายที่ห้างสยามพารากอน นายกรวิวัฒน์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุได้ไปนั่งรับประทานสุกี้กับภรรยา ขณะที่เดินทางกลับเห็นกลุ่มที่ต่อต้านนายกฯ กำลังถูกทำร้าย เห็นว่าเหตุการณ์กำลังบานปลายได้เดินเข้าไปห้าม ต่อมามีหญิงสูงอายุซึ่งอยู่ในกลุ่มต่อต้านนายกฯ วิ่งออกจากกลุ่มด้วยท่าทีหวาดกลัวเดินมาหาตนพร้อมกับบอกให้เรียกแท็กซี่ให้เพื่อให้ไปส่งที่บ้านย่านลาดพร้าว ขณะที่กำลังก้มคุยกับแท็กซี่ถึงจุดหมายปลายทางมีชายฉกรรจ์ประมาณ 8 คนมาล้อมตน ไม่พูดพล่ามทำเพลงได้ต่อยเข้าที่เบ้าตาขวา และกกหูของตน ขณะกำลังชุลมุนได้ชกสวนไป 1 หมัด ตนเป็นคนธรรมะธัมโมไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่คิดจะเอาเรื่อง มีเพื่อนโทรศัพท์มาให้ไปคุยกับ อ.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ซึ่งวันนั้นมีการแถลงข่าวเรื่องนักเรียนที่ถูกทำร้ายที่ห้างสยามพารากอน โดย อ.สังศิต แนะนำให้ไปแจ้งความและไปหาหมอ อีกทั้งไม่เคยมีเรื่องกับใครจึงคิดจะเข้าแจ้งความ ตอนแรกจะเข้าแจ้งความในวันนี้ แต่เด็กอีก 4 คนที่ถูกทำร้ายในวันเดียวกันที่ห้างสยามพารากอนยังไม่พร้อม
โดยจะเข้าแจ้งความในวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม เวลา 14.00 น. โดยจะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเวลา 11.00 น.ก่อน ส่วนคนที่ทำร้ายตนจำหน้าได้ 1 คนลักษณะเป็นชายรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ ลักษณะคล้ายคนใต้ สวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สีดำ ตาโต หลังจากที่นายกรวิวัฒน์เดินทางกลับ
ต่อมา นายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ อายุ 49 ปี ประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรนูญ สมัชชาชาวนาภาคอีสาน ชมรมคนเลี้ยงช้างจังหวัดสุรินทร์ อาชีพรับเหมา กล่าวว่า วันนี้ตนได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ข้อมูล ดูภาพในวันเกิดเหตุเพื่อชี้ตัวผู้ก่อเหตุและแบ่งกลุ่ม เนื่องจากตนเคยเข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มที่เกิดข้อพิพาททั้งหมด กลุ่มคนที่ทำร้ายมีประมาณ 7-8 คนเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ถูกทำร้ายซึ่งเป็นมีการจัดตั้งและวางแผนกันมาอย่างดี ส่วนกลุ่มที่มาเชียร์เป็นกลุ่มที่เต็มใจมา โดย 1 ในแกนนำที่มาร่วมสนับสนุนนายกฯ ตนก็รู้จักเป็นอย่างดี คือกลุ่มนายนพพร ไม่ทราบสกุล กับพวก ใช้ชื่อกลุ่มว่าพันทิปดอทคอม มีพฤติกรรมไม่เกเร เป็นกลาง สำหรับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เป็นเพียงขั้นเตรียมการ แต่ที่ห้างเวิลด์เทรดเป็นขั้นลงมือ ซึ่งตนไม่ขอบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร อยากให้ทางประชาชนใช้ดุลพินิจว่าเหตุการณ์เช่นนี้ใครได้รับประโยชน์และใครเสียประโยชน์