ชาวบ้านวัดท่าสำเภาเหนือ แห่รับพระพุทธรูปเก่าแก่ ถูกแก๊งมารศาสนาบุกอุโบสถโจรกรรมยกเค้านำเข้าขายนายหน้าเมืองกรุง เตรียมส่งออกต่างประเทศตามออเดอร์ แต่พลเมืองดีไปพบย่านวงแหวนตะวันออกชาวบ้านแจ้งเบาะแสสายสืบนครบาล 2 ส่งคืน
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พระมหาวิจิตร ฐานปุณฺโณ เจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ พร้อมชาวบ้านจาก ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ประมาณ 200 คน เดินทางมารับมอบพระพุทธรูปคืน ภายหลังถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากวัด จำนวน 3 องค์ โดยมีพล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นตัวแทนส่งมอบ ท่ามกลางความปลาบปลื้มของชาวบ้าน
ทั้งนี้ พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ มีมูลค่ามหาศาลไม่สามารถประเมินราคาได้ แต่หากถูกส่งออกไปขายต่างประเทศราคาสูงถึง 10-20 ล้านบาท ได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากพระอุโบสถ วัดท่าสำเภาเหนือ เมื่อกลางดึกวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประกอบด้วย พระพุทธรูปเจ้าฟ้าเอกทัต 1 องค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตัก 12 นิ้ว อายุประมาณ 600 ปี จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปพระศรีอริยเมตตรัย หน้าตัก 20 นิ้ว อายุประมาณ 300 ปี จำนวน 1 องค์
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับการประสานจาก พล.ต.ต.ชัยรัตน์ วรรณโชติ ผบก.ภ.จ.พัทลุง ว่า แก๊งคนร้ายที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ได้นำพระพุทธรูปดังกล่าวมาขายใน กทม.เพื่อส่งต่อไปขายยังต่างประเทศ จึงสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในสังกัดให้ตรวจสอบข้อมูลเบาะแส กระทั่งวันที่ 20 ก.ค.เวลา 20.00 น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบพระพุทธรูปต้องสงสัยถูกคลุมด้วยผ้าห่มซุกซ่อนอยู่กลางทุ่งนา ริมถนนวงแหวนตะวันออก ตัดถนนคู้บอน แขวงถนนตะวันตก เขตคันนายาว กทม.จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่า เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกันที่คนร้ายโจรกรรมมา
ผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับพระพุทธรูปดังกล่าวนั้นเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เคารพบูชาของคนพื้นที่ จ.พัทลุง มานานแล้ว มีอายุประมาณ 100-400 ปีขึ้นไป มีความงดงามตามศิลปะทางภาคใต้ ซึ่งชาวบ้านได้พร้อมใจกันทำพิธีอัญเชิญกลับไปประดิษฐานยังวัดสำเภาเหนือต่อไป
ส่วนการสืบสวนติดตามตัวนายหน้าที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการ และรับซื้อพระพุทธรูปส่งออกขายต่างประเทศนั้น ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนในสังกัดขยายผลปราบปรามขบวนการนี้ให้สิ้นซาก เพราะการโจรกรรมวัตถุโบราณส่งออกขายต่างประเทศนั้น เป็นการทำลายชาติทางหนึ่งด้วย จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนใน กทม.เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสข้อมูลกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ หากพบพิรุธต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดให้แจ้งสายด่วน 191 หรือตู้ ป.ณ.191 รองเมือง กทม.10330 หรือทางอีเมล bkkpolice@hotmail..com หรือ สน.ท้องที่ทุกแห่ง
ด้าน พระมหาวิจิตร ฐานปุณฺโณ เจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คนร้ายได้เข้ามาขโมยพระหลายครั้งแล้วแต่ต้องมีอันเป็นไปก่อน จนชาวบ้านมาเห็นเข้าถึงกลับเป็นคนเสียสตินั่งกราบทรายทั้งวัน จึงเชื่อมั่นและศรัทธาในปาฏิหาริย์มากขึ้น และก่อนหน้านี้มีเด็กซนคนหนึ่งเข้ามาในพระอุโบสถควักในตาพระพุทธรูปมาเล่น จนต้องมีอันเป็นไปอีกเสียสติเหม่อลอยอยู่นาน จนพ่อแม่ต้องเอาลูกตาพระมาใส่คืนให้ และเอาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จึงหายจากอาการนั้นๆ แต่ครั้งนี้ก็มีคนร้ายอีกกลุ่มเข้ามาขโมยพระไปได้ เพราะเอาปืนมาข่มขู่
นายเจือ ชัยเกตุ อายุ 75 ปี ชาวบ้านวัดท่าสำเภาเหนือ แสดงความดีใจพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายรายที่ได้รับพระกลับคืนประดิษฐานที่วัดบ้านเกิด ว่า ได้รับการบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ว่าสมัยเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก พระเจ้าฟ้าอุทุมพรได้นำพระพุทธรูปจำนวนมากลอยมากับเรือสำเภาหลายลำ หากไปเกยฝั่งที่ไหนก็กลายเป็นพระพุทธรูปพระจำวัดนั้น เพราะท่านไม่อยากให้พม่ายึดไปเป็นสมบัติ หรือเผาทำลาย จนทุกวันนี้พระชุดเดียวที่ลอยเรือมาครานั้นกลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนภาคใต้ไปแล้ว ทั้ง จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา
ส.ต.ท.อิสมะแอล เส็มหย้อง ผบ.หมู่ สภอ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า แก๊งคนร้ายรายนี้ออกตระเวนพระพุทธรูปในพื้นที่ จ.พัทลุง บ่อยครั้งกว่า 6-7 วัดแล้ว ซึ่งชุดไล่ล่าได้ออกติดตามอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัยในพื้นที่จึงขับตามไล่ล่า แต่ไม่ทันสามารถหลบหนีไปได้จึงประสานกับหน่วยงานอื่นใกล้เคียงและตำรวจสืบสวน 3 จังหวัดใกล้เคียงนานกว่า 1 เดือนจนทราบว่า คนร้ายเอาพระมาขายใน กทม.จึงเกาะรอยตามมา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศระหว่างมารอรับพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ว่า ทันทีที่ชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปพระจำวัดของพวกเขาที่หายไปถึงกับน้ำตาคลอ และเข้ามาลูบจับและกราบไหว้ด้วยความศรัทธาพร้อมสาปแช่งคนร้ายที่ควักลูกตาพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ออกไปก่อนจะใช้ผ้ามาห่อหุ้มอย่างมิดชิด และอุ้มขึ้นรถกระบะที่เตรียมมาเคลื่อนขบวนออกไป
ส่วนคนร้าย ประกอบด้วย นายสนธยา วิชัยดิษฐ อายุ 20 ปี นายววุฒิ สดรุ่ง อายุ 29 ปี และนายปราโมทย์ บุญพลับ อายุ 32 ปี ถูกตำรวจจับกุมได้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา








วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พระมหาวิจิตร ฐานปุณฺโณ เจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ พร้อมชาวบ้านจาก ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ประมาณ 200 คน เดินทางมารับมอบพระพุทธรูปคืน ภายหลังถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากวัด จำนวน 3 องค์ โดยมีพล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นตัวแทนส่งมอบ ท่ามกลางความปลาบปลื้มของชาวบ้าน
ทั้งนี้ พระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ มีมูลค่ามหาศาลไม่สามารถประเมินราคาได้ แต่หากถูกส่งออกไปขายต่างประเทศราคาสูงถึง 10-20 ล้านบาท ได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไปจากพระอุโบสถ วัดท่าสำเภาเหนือ เมื่อกลางดึกวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประกอบด้วย พระพุทธรูปเจ้าฟ้าเอกทัต 1 องค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน หน้าตัก 12 นิ้ว อายุประมาณ 600 ปี จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปพระศรีอริยเมตตรัย หน้าตัก 20 นิ้ว อายุประมาณ 300 ปี จำนวน 1 องค์
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับการประสานจาก พล.ต.ต.ชัยรัตน์ วรรณโชติ ผบก.ภ.จ.พัทลุง ว่า แก๊งคนร้ายที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ได้นำพระพุทธรูปดังกล่าวมาขายใน กทม.เพื่อส่งต่อไปขายยังต่างประเทศ จึงสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในสังกัดให้ตรวจสอบข้อมูลเบาะแส กระทั่งวันที่ 20 ก.ค.เวลา 20.00 น.พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบพระพุทธรูปต้องสงสัยถูกคลุมด้วยผ้าห่มซุกซ่อนอยู่กลางทุ่งนา ริมถนนวงแหวนตะวันออก ตัดถนนคู้บอน แขวงถนนตะวันตก เขตคันนายาว กทม.จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่า เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกันที่คนร้ายโจรกรรมมา
ผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับพระพุทธรูปดังกล่าวนั้นเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เคารพบูชาของคนพื้นที่ จ.พัทลุง มานานแล้ว มีอายุประมาณ 100-400 ปีขึ้นไป มีความงดงามตามศิลปะทางภาคใต้ ซึ่งชาวบ้านได้พร้อมใจกันทำพิธีอัญเชิญกลับไปประดิษฐานยังวัดสำเภาเหนือต่อไป
ส่วนการสืบสวนติดตามตัวนายหน้าที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการ และรับซื้อพระพุทธรูปส่งออกขายต่างประเทศนั้น ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนในสังกัดขยายผลปราบปรามขบวนการนี้ให้สิ้นซาก เพราะการโจรกรรมวัตถุโบราณส่งออกขายต่างประเทศนั้น เป็นการทำลายชาติทางหนึ่งด้วย จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนใน กทม.เพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสข้อมูลกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ หากพบพิรุธต้องสงสัยเกี่ยวกับการกระทำความผิดให้แจ้งสายด่วน 191 หรือตู้ ป.ณ.191 รองเมือง กทม.10330 หรือทางอีเมล bkkpolice@hotmail..com หรือ สน.ท้องที่ทุกแห่ง
ด้าน พระมหาวิจิตร ฐานปุณฺโณ เจ้าอาวาสวัดท่าสำเภาเหนือ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คนร้ายได้เข้ามาขโมยพระหลายครั้งแล้วแต่ต้องมีอันเป็นไปก่อน จนชาวบ้านมาเห็นเข้าถึงกลับเป็นคนเสียสตินั่งกราบทรายทั้งวัน จึงเชื่อมั่นและศรัทธาในปาฏิหาริย์มากขึ้น และก่อนหน้านี้มีเด็กซนคนหนึ่งเข้ามาในพระอุโบสถควักในตาพระพุทธรูปมาเล่น จนต้องมีอันเป็นไปอีกเสียสติเหม่อลอยอยู่นาน จนพ่อแม่ต้องเอาลูกตาพระมาใส่คืนให้ และเอาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จึงหายจากอาการนั้นๆ แต่ครั้งนี้ก็มีคนร้ายอีกกลุ่มเข้ามาขโมยพระไปได้ เพราะเอาปืนมาข่มขู่
นายเจือ ชัยเกตุ อายุ 75 ปี ชาวบ้านวัดท่าสำเภาเหนือ แสดงความดีใจพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายรายที่ได้รับพระกลับคืนประดิษฐานที่วัดบ้านเกิด ว่า ได้รับการบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่ว่าสมัยเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก พระเจ้าฟ้าอุทุมพรได้นำพระพุทธรูปจำนวนมากลอยมากับเรือสำเภาหลายลำ หากไปเกยฝั่งที่ไหนก็กลายเป็นพระพุทธรูปพระจำวัดนั้น เพราะท่านไม่อยากให้พม่ายึดไปเป็นสมบัติ หรือเผาทำลาย จนทุกวันนี้พระชุดเดียวที่ลอยเรือมาครานั้นกลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนภาคใต้ไปแล้ว ทั้ง จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา
ส.ต.ท.อิสมะแอล เส็มหย้อง ผบ.หมู่ สภอ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า แก๊งคนร้ายรายนี้ออกตระเวนพระพุทธรูปในพื้นที่ จ.พัทลุง บ่อยครั้งกว่า 6-7 วัดแล้ว ซึ่งชุดไล่ล่าได้ออกติดตามอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัยในพื้นที่จึงขับตามไล่ล่า แต่ไม่ทันสามารถหลบหนีไปได้จึงประสานกับหน่วยงานอื่นใกล้เคียงและตำรวจสืบสวน 3 จังหวัดใกล้เคียงนานกว่า 1 เดือนจนทราบว่า คนร้ายเอาพระมาขายใน กทม.จึงเกาะรอยตามมา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศระหว่างมารอรับพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ว่า ทันทีที่ชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปพระจำวัดของพวกเขาที่หายไปถึงกับน้ำตาคลอ และเข้ามาลูบจับและกราบไหว้ด้วยความศรัทธาพร้อมสาปแช่งคนร้ายที่ควักลูกตาพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ออกไปก่อนจะใช้ผ้ามาห่อหุ้มอย่างมิดชิด และอุ้มขึ้นรถกระบะที่เตรียมมาเคลื่อนขบวนออกไป
ส่วนคนร้าย ประกอบด้วย นายสนธยา วิชัยดิษฐ อายุ 20 ปี นายววุฒิ สดรุ่ง อายุ 29 ปี และนายปราโมทย์ บุญพลับ อายุ 32 ปี ถูกตำรวจจับกุมได้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา