สิ้นเสียงแผดร้องจากปลายกระบอกปืน!! วิญญาณนางกอบกุล หลุดรอยจากร่าง เหลือเพียงร่องรอยห่ากระสุนกว่า 30 นัดทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ใบสั่งตายวันนี้ถือเป็นข้อสอบที่รัฐตำรวจต้องเร่งสะสาง เพราะนั่นเป็นสัญญาณเตือนที่แสดงถึงความอหังการของกลุ่มมาเฟียหรือผู้ทรงอิทธิพล ที่หาญท้านโยบายในห้วงสุญญากาศทางการเมือง
จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ยิงถล่ม นางกอบกุล นพอมรบดี อายุ 47 ปี อดีต ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคไทยรักไทย ซึ่งนั่งอยู่ในช่วงเบาะหลังของรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ 2 ตอน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน นข-555 ราชบุรี บริเวณกลางสัญญาณไฟสี่แยก มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองราชบุรีจนเสียชีวิต
ถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์รายที่สองในพื้นที่เดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้คนร้ายใช้อาวุธปืนชนิดเดียวกันยิงถล่มนายประยูร สวนเพลง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยชินสีห์ อ.เมืองราชบุรี จนเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ตร.เชื่อว่าน่าจะคนร้ายกลุ่มเดียวกัน
นอกจาก นางกอบกุล จะสิ้นใจเพราะทนพิษคมกระสุนที่กลุ่มคนร้ายยิงถล่มกว่า 30 นัดไม่ไหว ผู้ติดตามอีก 2 นาย เกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน คือ จ.ส.ต.สายชล แก้วสายทอง ผบ.หมู่ ป. สภ.อ.เมืองราชบุรี และนายชาตรี ศุภรานันท์ อายุ 52 ปี คนขับ
ใบสั่งตายเฉพาะนางกอบกุลในครั้งนี้ต้องอาศัยมือปืนระดับอาชีพเท่านั้น เพราะขั้นตอนปฏิบัติการได้มีการวางแผนเริ่มตั้งแต่สะกดรอยตามก่อนเลือกเป้าถล่ม และมั่นใจว่าต้องสัมฤทธิผล 1,000 เปอร์เซ็นต์ ดั่งจะเห็นว่าวิถีกระสุนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างเป็นกลุ่ม ทั้งที่ใช้อาวุธหนักและตั้งระบบยิงแบบออโตเมติกจนหมดแมกฯ แต่ผู้ติดตามซึ่งนั่งอยู่ช่วงตอนหน้าและไม่ใช่เป้าหมายจึงถูกเพียงลูกหลงเท่านั้น
ผู้วางแผนลงมือฆ่าคนระดับ ส.ส.ต้องมีที่มาที่ไป แม้ในวันนี้จะยังไม่แน่ชัดว่าอาจจะมาจากเรื่องของอิทธิพล การสร้างสถานการณ์ รวมทั้งการลงขันจ้างฆ่าจากกลุ่มมาเฟีย โดยเลือกใช้มือระดับพระกาฬ แต่ทั้งหมดล้วนมีประโยชน์ต่างตอบแทนที่คอยค้ำจุนกันมา ...มือปืนอาชีพ คือ ตัวเลือกสุดท้ายสำหรับมาเฟียระดับชาติ ที่ใช้ “ปิดบัญชีดำ” คนสำคัญระดับประเทศ
จากประวัติเส้นทางชีวิตมือปืนตั้งแต่ในอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ล้วนเติบโตและยืนควบคู่กลุ่มมาเฟียมาโดยตลอด เพราะผู้ทรงอิทธิพลระดับชาติจะคอยหนุนหลัง พวกนี้มักจะเป็นพวกนอกกฎหมาย หรืออาศัยกฎหมายในลักษณะที่เป็นข้าราชการ (ประจำ ไม่ประจำ การเมืองท้องถิ่น หรือ ระดับชาติ) เป็นเครื่องมือบังหน้าเพื่อกระทำผิดเป็นขบวนการ
... มืออาชีพพวกนี้ติดต่อยาก นิยมผ่านนายหน้า จะไม่ยอมพบหรือพูดคุยผู้ว่าจ้างโดยตรงเอง จะมีผู้อยู่เบื้องหลัง และกฎหมายก็ไม่สามารถจะสาวไปถึงได้ ... เพราะในระบบมืออาชีพนี้จะมีคำว่า “คัตเอาต์” คือสาวไม่ถึงผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างก็ไม่รู้ว่าผู้ทำงานเป็นใคร
สำหรับคดีที่กลุ่มมืออาชีพจะได้รับมอบหมาย ..ส่วนใหญ่จะเป็นงานระดับชาติ และเกี่ยวกับความมั่นคง เช่น การลอบวางระเบิดสถานที่สำคัญ สังหารบุคคลสำคัญๆ ลักพาตัว หรืออุ้มฆ่า เป็นต้น...
หลังเหตุการณ์ยิงถล่ม ส.ส.กอบกุล บช.ภ.7 เชื่อว่าชนวนในการสังหารครั้งนี้มาจาก 2 ประเด็น ทั้งเรื่องการแข่งขันทางการเมือง และปมขัดแย้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการ มท.1 กล่าวว่า นางกอบกุลเป็นเป็นที่รักใคร่ของประชาชน และยืนยันไม่ได้ว่าปมการสังหารเกิดจากสาเหตุอะไร
บนถนนการเมือง นางกอบกุล อดีตเป็นนักการเมืองท้องถิ่นได้เลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ก่อนเบนเข็มมาเล่นการเมืองระดับชาติ โดยลงสมัคร ส.ส.ราชบุรี ในนามพรรคชาติพัฒนา เมื่อปี 2544 ต่อมาเมื่อการเลือกตั้ง ปี 2548 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ราชบุรี สมัยที่ 2 ในนามพรรคไทยรักไทย และล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ราชบุรี เขต 1 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก่อนถูกคำสั่งบัญชีดำในที่สุด
ปมธุรกิจรับเหมาที่คาดว่าเป็นอีกหนึ่งชนวนสังหาร เพราะนอกจากนางกอบกุล เป็นอดีต ส.ส.แล้ว ยังประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ใน จ.ราชบุรี โดยเป็นเจ้าของบริษัท ท่าราบก่อสร้าง จำกัด และกำลังสร้างตลาดเมืองราช ริมถนนเพชรเกษม ต.ท่าราบ อ.เมืองราชบุรี ซึ่งอยู่ ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ประเด็นขัดแย้งจุดนี้ ตร.ยังไม่ได้ตัดทิ้ง
จากการสอบปากคำ จ.ส.ต.สายชล แก้วสายทอง ตำรวจติดตามซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ระทึก เล่าว่า ระหว่างเกิดเหตุนางกอบกุลนั่งอยู่เบาะหลังด้านซ้าย ส่วนตนนั่งคู่คนขับ ซึ่งเมื่อรถมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อรอสัญญาณไฟ ขณะนั้นมีรถยนต์จอดต่อท้ายรถที่ตนนั่งอยู่ 1 คัน คล้ายกับจอดปิดกั้น และสังเกตเห็นว่ามีรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู วิ่งตามมาและแซงขึ้นมาทางด้านขวามาจอดเทียบกับรถคันที่ตนเองนั่งอยู่ ก่อนคนร้ายเปิดกระจกลงและถล่มด้วยเอ็ม 16 โดยไม่ทันตั้งตัว
หลังเกิดเหตุ ตำรวจชั้นสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างทราบดีว่าแผนสังหารโหดครั้งนี้ต้องมีการวางแผนมาอย่างดี และเลือกใช้มือพระกาฬในการลงมือสังหาร อีกทั้งเหตุอุกอาจในครั้งนี้ถือเป็นรายที่สองที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ถือว่าจงใจหยามหน้าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 975/2548 ซึ่ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ได้ลงนามแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันปราบปราม และพล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นรองหัวหน้าคณะทำงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง โดยมีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อให้งานปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างของ ตร.เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังได้กำชับ บช.ก.ลงพื้นที่ร่วม บช.ภ.7 เข้าร่วมคลี่คลายคดีนี้โดยเร็ว ขณะที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการ มท.1 กล่าวถึงมาตรการในลักษณะวัวหายล้อมคอกต่อคดีนี้ว่า จากนี้ไปกระทรวงมหาดไทยจะได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มีการปราบปรามมือปืนและกลุ่มอิทธิพล เบื้องต้นมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำรายชื่อผู้มีอิทธิพลเพื่อตรวจสอบและจะติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล จึงถือเป็นคำสั่งซ้ำซ้อนที่ สตช.ได้ดำเนินการไปแล้ว
แต่เหตุยิงถล่มคนระดับ ส.ส.ย่อมไม่ธรรมดา ตัวการและวางแผนฆ่านั้นต้องระดับผู้มีอิทธิพล และมาเฟียตัวจริงที่อาจจะต้องการท้าทายนโยบายที่จะล้างบางมาเฟีย 15 กลุ่ม และเลือกใช้มัจจุราชจากกลุ่มมือปืนรับจ้างเพื่อเย้ยทำเนียบมือปืนของ สตช.ซึ่งถือเป็น 1 ในกลุ่ม 15 มาเฟียเป้าหมายที่จะปราบปรามให้สิ้นซากภายในระยะเวลา 3 ปี
บัญชีมาเฟีย ที่รัฐบาลประกาศจะกวาดล้างให้สิ้นซาก 15 กลุ่มประกอบด้วย 1.กลุ่มฮั้วประมูล 2.พวกรับผลประโยชน์ เช่น แก๊งคุมวินมอเตอร์ไซค์ 3.พวกคุมบ่อน 4.พวกค้าหวยใต้ดิน 5.พวกต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 6.พวกคุมตู้เกมไฟฟ้า 7.พวกเรียกค่าคุ้มครองจากร้านค้า 8.พวกคุมสถานบริการ 9.แก๊งทวงหนี้ 10.แก๊งค้าบริการทางเพศ 11.ซุ้มมือปืน 12.แก๊งลักลอบขนของหนีภาษี 13.ขบวนการลักลอบนำคนออกนอกประเทศ 14.พวกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และ 15.พวกบุกรุกที่สาธารณะ
แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่เป็นที่ชัดว่าผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียกลุ่มไหน เป็นผู้กำหนดชะตาวางแผนฆ่านางกอบกุล แต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดว่าผู้ว่าจ้างเลือกที่จะใช้มัจจุราชจากซุ้มมือปืน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 15 กลุ่มบัญชีมาเฟีย ซึ่งค่อนข้างจะประจักษ์ว่าบัดนี้ 15 กลุ่มมาเฟียกำลังเปิดยุทธการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เพื่อตอบโต้การสูญเสียผลประโยชน์ในระยะเวลาที่ผ่านมา โดยอาศัยห้วงสุญญากาศทางการเมืองชิงลงมือเพื่อแสดงความอหังการของ 14 กลุ่มมาเฟียที่เหลือว่าพร้อมที่จะลงขันอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อต่อต้านการปราบปรามทุกรูปแบบ