จารบุรุษ
มหกรรมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ หรือ “ดอยช์ลันด์ 06” ซึ่งจะเริ่มเปิดฉากขึ้นในวันที่ 9 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่สามารถสะกดมวลมนุษยชาติ ทุกเพศทุกวัยทุกประเทศทั่วโลก ให้ต้องจับจ้องและเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิด เสมือนหนึ่งต้องมนต์ขลังเจ้าลูกหนังทรงกลมอย่างไรอย่างนั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่เฝ้าติดตามชมมหกรรมฟุตบอลโลก ย่อมต้องมีทีมที่ตนเองเชียร์อยู่ในใจ บ้างก็เชียร์ ด้วยชื่นชมในฝีเท้านักเตะ บ้างก็เชียร์ด้วยรูปร่างหน้าตาของนักฟุตบอล บ้างก็เชียร์ ด้วยความเป็นชนในชาตินั้นๆ ฯลฯ แต่ปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองไทยเป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อต้องเชียร์ทีมไหน ก็ต้องมีอะไรติดปลายนวมนิดหน่อย เรียกกันว่าเป็นการ“เชียร์เชิงพาณิชย์”ว่างั้นเถอะ
ก็ไม่รู้มีใครดัน(ทุรัง)ไปบัญญัติศัพท์ “เชียร์บอลเชิงพาณิชย์” ไว้ ซึ่งมันก็คือการแทงพนันผลฟุตบอลนั่นเอง แต่เป็นไปในลักษณะเชิงขำขำมากกว่า แต่จะขำกันอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลออกมาขึงขันกลบขำขำเชิงพาณิชย์แล้วว่า บช.น.มีการดำเนินการอย่างที่เคยปฏิบัติเหมือนช่วงฟุตบอลโลก 2002 และฟุตบอลยูโร 2004 โดยมีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ และมีการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 ขึ้นจำนวน 101 ชุด โดยมีการพัฒนาในด้านของไอทีเข้ามาช่วยในส่วนติดตามจับกุมการทายผลพนันผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย ทั้งนี้ สน.ทุก สน.จะต้องตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 โดยแต่ละศูนย์ต้องมีการสืบสวนจับกุม รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ในสถานศึกษา โรงงาน สถานประกอบการ สถานบันเทิงต่างๆ ส่วนบทลงโทษเจ้ามือรายใหญ่จะดำเนินการส่งฟ้องศาลทันที ที่เหลือก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะตัดสินจำคุก หรือเปรียบเทียบปรับ นอกจากนี้จะสอบสวนขยายผลว่าเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.การฟอกเงินหรือไม่ด้วย
ยังไม่แน่ใจว่า มาตรการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 ของบช.น.ที่มีถึง 101 ชุดนั้น จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวมาว่า ในช่วงเฉพาะกิจ หรือมหกรรมฟุตบอลโลกนั้น “โต๊ะบอล” ในสายตาของตำรวจ ถูกจัดออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรก เป็นประเภท“กลุ่มมืออาชีพ” ที่แอบ(แปลว่า = ทำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็น โดยอาการต่างๆ เช่นซุ่ม ซ่อน เร้น)เปิดให้บรรดาเซียนและไม่เซียนเข้าไปแทงกันตามฤดูกาลแข่งขันอยู่แล้ว ซึ่งแอบหาพบได้โดยทั่วไปมีทั้ง PREMIER LEAGUE ของอังกฤษ CALCIO ของอิตาลี BUNDESLIGA ของเยอรมทัน LA LIGUE1 ของฝรั่งเศษ LALIGA ของสเปน UEFA CHAMPION LEAGUE และUEFA CUP ของยุโรปทั้งหมด โดยเจ้าของโต๊ะบอลดังกล่าวเหล่านี้ เมื่อถึงฤดูเฉพาะกิจ อย่างมหกรรมฟุตบอลโลก ก็จะส่งคนไปเคลียร์กับผู้มีอำนาจหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ เพื่อเปิดทางสะดวกให้กับตัวเองและลูกค้าที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลมาให้ เนื่องจากเมืองไทยไม่มีแหล่งรับแทงพนันอย่างถูกกฏหมาย ยกเว้นสนามม้า และกองสลากฯ พูดง่ายๆว่าขอเป็นกรณีพิเศษและจ่ายเป็นพิเศษให้ เมื่อจบมหกรรมฟุตบอลโลกแล้ว ก็จะกลับไปสู่ลีกต่างๆอีกครั้งตามปกติ
อีกลุ่มหนึ่งจะถูกเรียกว่า"กลุ่มวัดดวง" กลุ่มนี้จะถูกตั้งขึ้นมาเป็นกลุ่มเฉพาะกิจ และมักถูกชุดเฉพาะกิจจับกุมได้เสมอ เริ่มจาก ชักชวนเพื่อนๆเล่นกันเอง 3-4 คน หรือเป็นกลุ่ม 8-10 คน กินเดิมพันเงินพนันกันเอง หรือเปิดเป็นโต๊ะบอลเฉพาะกิจเป็นความลับภายในออฟฟิต มีขาใหญ่หรือหัวหน้าแผนกรับกินรับใช้ มีกลุ่มผู้เล่น ตั้งแต่ 10-30-40 หรือ 100 คน และอาจลามไปออฟฟิตอื่นที่มีเพื่อนเป็นผู้ติดต่อให้ โดยจะส่งราคาต่อรองให้ทางแฟกซ์ หรืออีเมล์แล้วแต่ความสะดวก กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ที่เรียกว่าเป็น"กลุ่มวัดดวง" ก็เนื่องจาก ไม่เคลียร์ ไม่สนใจตำรวจ หากถูกจับได้ ก็ถือเป็นความซวยของโชคชะตา หากจะเปิดโต๊ะในลักษณะเช่นนี้ ก็ต้องวัดดวงกันไปข้างหนึ่ง และเมื่อมหกรรมฟุตบอลโลกสิ้นสุดลง กลุ่มเหล่านี้ก็จะอันตรธานหายไปโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ตำรวจบอกมาว่า "เที่ยวนี้จะเอาจริงแล้วนะ" แต่ก็ไม่รู้ว่า เมื่อตอนเปิดฤดูกาลฟุตบอลลีกครั้งที่ผ่านมา ที่"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" ออกมาแฉถึงบันทึก...ลายแทง “โต๊ะบอล” เมืองกรุง!ทั่วนครบาลในพื้นที่ 25 สน.นั้น มีการดำเนินการปราบปรามไปถึงไหนแล้ว ทั้งบช.น. กองปราบปราม และบช.ภ.1-9 ก็ล้วนแต่มีมาตรการออกมาในลักษณะเช่นนี้ทุกครั้ง สุดท้ายก็เหลือแค่"ขี้เถ้า"จากฟางที่ถูกไฟไหม้ลุกโชติช่วงขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น !
มหกรรมฟุตบอลโลก"ดอยช์ลันด์06"เที่ยวนี้ก็เช่นกัน หลายฝ่ายหวังว่า จะมีการปราบปรามโต๊ะพนันบอลอย่างเอาจริงเอาจัง ป้องกันไม่ให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชน ตกเป็นทาสการพนัน อันเป็นต้นตอต้นเหตุที่จะนำไปสู่เส้นทางความพินาศ สิ้นเนื้อประดาตัวของผู้เล่น จนบางคนกลายเป็นอาชญากรก่ออาชญากรรมเพื่อหาเงินไปใช้หนี้การพนันฟุตบอล ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอมา หรือบางคน เมื่อหาทางออกไม่ได้ ต่างก็จบลงด้วยความตายที่น่าสลดหดหู่
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่เราเชื่อว่า ตำรวจไม่สามารถที่จะปราบปรามโต๊ะรับแทงพนันได้อย่างเด็ดขาด ก็ต้องขอฝากให้ผู้ที่คิดจะเล่น ได้เล่นแต่พองาม รู้กำลังทรัพย์ของตนเอง รู้จักป้องกันตนเองไว้ก่อนที่จะหมดตัว ด้วยเจ้าลูกฟุตบอลกลมๆนั้น เป็นที่รู้กันว่า หาอะไรที่แน่นอนไม่ได้อยู่แล้ว ทั้ง"ทั่นรอง-ทั่นต่อ"พึงสังวรไว้ เพราะหากทุ่มสุดตัว ทั้งเซียนทั้งหมู ล้วนต้องกลับรู หรือถึงขั้นไม่มีรูอยู่กันทั้งนั้น อย่าคิดการณ์ไกลที่จะได้อยู่ตึกเป็นอันขาด ว่าแต่ว่า รอบแรกนี้ อย่าเพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นผู้กำกับกันเลย ขอเป็นแค่"ทั่นรอง"รอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า.....
มหกรรมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ หรือ “ดอยช์ลันด์ 06” ซึ่งจะเริ่มเปิดฉากขึ้นในวันที่ 9 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่สามารถสะกดมวลมนุษยชาติ ทุกเพศทุกวัยทุกประเทศทั่วโลก ให้ต้องจับจ้องและเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิด เสมือนหนึ่งต้องมนต์ขลังเจ้าลูกหนังทรงกลมอย่างไรอย่างนั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ที่เฝ้าติดตามชมมหกรรมฟุตบอลโลก ย่อมต้องมีทีมที่ตนเองเชียร์อยู่ในใจ บ้างก็เชียร์ ด้วยชื่นชมในฝีเท้านักเตะ บ้างก็เชียร์ด้วยรูปร่างหน้าตาของนักฟุตบอล บ้างก็เชียร์ ด้วยความเป็นชนในชาตินั้นๆ ฯลฯ แต่ปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองไทยเป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อต้องเชียร์ทีมไหน ก็ต้องมีอะไรติดปลายนวมนิดหน่อย เรียกกันว่าเป็นการ“เชียร์เชิงพาณิชย์”ว่างั้นเถอะ
ก็ไม่รู้มีใครดัน(ทุรัง)ไปบัญญัติศัพท์ “เชียร์บอลเชิงพาณิชย์” ไว้ ซึ่งมันก็คือการแทงพนันผลฟุตบอลนั่นเอง แต่เป็นไปในลักษณะเชิงขำขำมากกว่า แต่จะขำกันอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลออกมาขึงขันกลบขำขำเชิงพาณิชย์แล้วว่า บช.น.มีการดำเนินการอย่างที่เคยปฏิบัติเหมือนช่วงฟุตบอลโลก 2002 และฟุตบอลยูโร 2004 โดยมีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ และมีการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 ขึ้นจำนวน 101 ชุด โดยมีการพัฒนาในด้านของไอทีเข้ามาช่วยในส่วนติดตามจับกุมการทายผลพนันผ่านทางอินเทอร์เน็ตด้วย ทั้งนี้ สน.ทุก สน.จะต้องตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 โดยแต่ละศูนย์ต้องมีการสืบสวนจับกุม รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ในสถานศึกษา โรงงาน สถานประกอบการ สถานบันเทิงต่างๆ ส่วนบทลงโทษเจ้ามือรายใหญ่จะดำเนินการส่งฟ้องศาลทันที ที่เหลือก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะตัดสินจำคุก หรือเปรียบเทียบปรับ นอกจากนี้จะสอบสวนขยายผลว่าเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.การฟอกเงินหรือไม่ด้วย
ยังไม่แน่ใจว่า มาตรการตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามพนันบอลโลก 2006 ของบช.น.ที่มีถึง 101 ชุดนั้น จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวมาว่า ในช่วงเฉพาะกิจ หรือมหกรรมฟุตบอลโลกนั้น “โต๊ะบอล” ในสายตาของตำรวจ ถูกจัดออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรก เป็นประเภท“กลุ่มมืออาชีพ” ที่แอบ(แปลว่า = ทำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็น โดยอาการต่างๆ เช่นซุ่ม ซ่อน เร้น)เปิดให้บรรดาเซียนและไม่เซียนเข้าไปแทงกันตามฤดูกาลแข่งขันอยู่แล้ว ซึ่งแอบหาพบได้โดยทั่วไปมีทั้ง PREMIER LEAGUE ของอังกฤษ CALCIO ของอิตาลี BUNDESLIGA ของเยอรมทัน LA LIGUE1 ของฝรั่งเศษ LALIGA ของสเปน UEFA CHAMPION LEAGUE และUEFA CUP ของยุโรปทั้งหมด โดยเจ้าของโต๊ะบอลดังกล่าวเหล่านี้ เมื่อถึงฤดูเฉพาะกิจ อย่างมหกรรมฟุตบอลโลก ก็จะส่งคนไปเคลียร์กับผู้มีอำนาจหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ เพื่อเปิดทางสะดวกให้กับตัวเองและลูกค้าที่จะนำเม็ดเงินมหาศาลมาให้ เนื่องจากเมืองไทยไม่มีแหล่งรับแทงพนันอย่างถูกกฏหมาย ยกเว้นสนามม้า และกองสลากฯ พูดง่ายๆว่าขอเป็นกรณีพิเศษและจ่ายเป็นพิเศษให้ เมื่อจบมหกรรมฟุตบอลโลกแล้ว ก็จะกลับไปสู่ลีกต่างๆอีกครั้งตามปกติ
อีกลุ่มหนึ่งจะถูกเรียกว่า"กลุ่มวัดดวง" กลุ่มนี้จะถูกตั้งขึ้นมาเป็นกลุ่มเฉพาะกิจ และมักถูกชุดเฉพาะกิจจับกุมได้เสมอ เริ่มจาก ชักชวนเพื่อนๆเล่นกันเอง 3-4 คน หรือเป็นกลุ่ม 8-10 คน กินเดิมพันเงินพนันกันเอง หรือเปิดเป็นโต๊ะบอลเฉพาะกิจเป็นความลับภายในออฟฟิต มีขาใหญ่หรือหัวหน้าแผนกรับกินรับใช้ มีกลุ่มผู้เล่น ตั้งแต่ 10-30-40 หรือ 100 คน และอาจลามไปออฟฟิตอื่นที่มีเพื่อนเป็นผู้ติดต่อให้ โดยจะส่งราคาต่อรองให้ทางแฟกซ์ หรืออีเมล์แล้วแต่ความสะดวก กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ที่เรียกว่าเป็น"กลุ่มวัดดวง" ก็เนื่องจาก ไม่เคลียร์ ไม่สนใจตำรวจ หากถูกจับได้ ก็ถือเป็นความซวยของโชคชะตา หากจะเปิดโต๊ะในลักษณะเช่นนี้ ก็ต้องวัดดวงกันไปข้างหนึ่ง และเมื่อมหกรรมฟุตบอลโลกสิ้นสุดลง กลุ่มเหล่านี้ก็จะอันตรธานหายไปโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ตำรวจบอกมาว่า "เที่ยวนี้จะเอาจริงแล้วนะ" แต่ก็ไม่รู้ว่า เมื่อตอนเปิดฤดูกาลฟุตบอลลีกครั้งที่ผ่านมา ที่"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์" ออกมาแฉถึงบันทึก...ลายแทง “โต๊ะบอล” เมืองกรุง!ทั่วนครบาลในพื้นที่ 25 สน.นั้น มีการดำเนินการปราบปรามไปถึงไหนแล้ว ทั้งบช.น. กองปราบปราม และบช.ภ.1-9 ก็ล้วนแต่มีมาตรการออกมาในลักษณะเช่นนี้ทุกครั้ง สุดท้ายก็เหลือแค่"ขี้เถ้า"จากฟางที่ถูกไฟไหม้ลุกโชติช่วงขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น !
มหกรรมฟุตบอลโลก"ดอยช์ลันด์06"เที่ยวนี้ก็เช่นกัน หลายฝ่ายหวังว่า จะมีการปราบปรามโต๊ะพนันบอลอย่างเอาจริงเอาจัง ป้องกันไม่ให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชน ตกเป็นทาสการพนัน อันเป็นต้นตอต้นเหตุที่จะนำไปสู่เส้นทางความพินาศ สิ้นเนื้อประดาตัวของผู้เล่น จนบางคนกลายเป็นอาชญากรก่ออาชญากรรมเพื่อหาเงินไปใช้หนี้การพนันฟุตบอล ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอมา หรือบางคน เมื่อหาทางออกไม่ได้ ต่างก็จบลงด้วยความตายที่น่าสลดหดหู่
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่เราเชื่อว่า ตำรวจไม่สามารถที่จะปราบปรามโต๊ะรับแทงพนันได้อย่างเด็ดขาด ก็ต้องขอฝากให้ผู้ที่คิดจะเล่น ได้เล่นแต่พองาม รู้กำลังทรัพย์ของตนเอง รู้จักป้องกันตนเองไว้ก่อนที่จะหมดตัว ด้วยเจ้าลูกฟุตบอลกลมๆนั้น เป็นที่รู้กันว่า หาอะไรที่แน่นอนไม่ได้อยู่แล้ว ทั้ง"ทั่นรอง-ทั่นต่อ"พึงสังวรไว้ เพราะหากทุ่มสุดตัว ทั้งเซียนทั้งหมู ล้วนต้องกลับรู หรือถึงขั้นไม่มีรูอยู่กันทั้งนั้น อย่าคิดการณ์ไกลที่จะได้อยู่ตึกเป็นอันขาด ว่าแต่ว่า รอบแรกนี้ อย่าเพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นผู้กำกับกันเลย ขอเป็นแค่"ทั่นรอง"รอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า.....
