xs
xsm
sm
md
lg

อาญาแผ่นดิน!...กฎแห่งกรรมที่ “อย่างหนา” ต้องชดใช้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“ผมไม่ใช่สุนัขข้างถนน ที่จะอยู่ให้ถูกไล่ตะเพิดถูกตี”
“ผมดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่เคยนอกกรอบ พูดมากก็เหมือนแก้ตัว ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ยังเชื่อกฎแห่งกรรม และในปัจจุบันที่เรียกว่ายุคโลกาภิวัตน์นี้ บางคนก็ได้รับกรรมทันตาเห็น ก็ขอเรียนว่าขอยึดกฎแห่งกรรมเป็นหลัก ก็คอยดูกันไป ถึงตอนนี้สุขภาพร่างกายก็ยังพออยู่ได้ แต่จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่ทราบ ก็คงจะได้เห็น คงจะไม่นานเกินรอ”

คำกล่าวส่วนหนึ่งของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีต่อกลุ่มชาวบ้านซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจถึงอาคารศรีจุลทรัพย์ เมื่อบ่ายวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ประชุมสามศาลออกมาเสนอแนวทางให้ กกต.ทั้งชุดแสดงความเสียสละโดยการลาออก เพื่อเปิดช่องทางให้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 138 (3) ในการแก้ปัญหาวิกฤตชาติ ถือเป็นภาพการเรียกคะแนนสงสารที่หลอมละลายหัวใจคนไทยได้ไม่น้อย

แต่การแสดงพฤติกรรม “อย่างหนา” ดังกล่าว เพียงเพื่อหาความชอบธรรมในการเกาะเก้าอี้ กกต.ต่อไปของ พล.ต.อ.วาสนา และพวก ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งสำคัญ เพราะการดื้อแพ่งไม่ยอมรับฟังมติจากฝ่ายตุลาการ ที่กำลังดำเนินภารกิจแก้ปัญหาของชาติ ตามกระแสพระราชดำรัส นั้น แม้จะทำให้ กกต.ทั้ง 4 ยืดเวลาการคงอยู่ในอำนาจได้อีกระยะหนึ่ง และอาจสามารถจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใต้ร่มเงาพรรคไทยรักไทยได้สำเร็จ แต่รับรองได้เลยว่าหลังพ้นจากตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ กกต.ทั้ง 4 จะได้งานใหม่ทันทีโดยไม่ต้องเดินหานั่นคือการเดินสายขึ้นโรงขึ้นศาลกันแบบวันต่อวัน

เอาแค่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กกต.ชุดนี้ถูกฟ้องคดีทางปกครองเกี่ยวกับการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์กับพรรคไทยรักไทย ไปแล้วเกือบ 10 คดี และที่สำคัญยังมีคดีอาญาที่ กกต.ทั้ง 4 ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วถึง 3 คดี

คดีแรก ถูก นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีออกประกาศรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขตใหม่ เอื้อประโยชน์ให้พรรคเล็กส่งผู้สมัครแบบเวียนเทียน

ส่วนคดีที่สอง ถูกแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน และอดีต ส.ว. ฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในฐานะคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ และสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 และประมวลกฎหมายอาญา กรณีจัดให้มีการเลือกตั้งขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณีกำหนดระยะเวลาการเลือกตั้ง วันที่ 2 เม.ย.2549 น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด การจัดคูหาเลือกตั้งโดยหันคูหาออกด้านหน้าหน่วยเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงแก้ไขบัตรเลือกตั้งในช่องผู้ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ

และคดีที่สาม ถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทโดยการโดยการโฆษณา กรณีไม่สืบสวนข้อเท็จจริงพรรคไทยรักไทยจ่ายเงินจ้างพรรคเล็กลงสมัครแข่งขัน
และใส่ความ ปชป.อยู่เบื้องหลังจ้างพรรคเล็ก

ทั้งสามคดี ซึ่งศาลเตรียมนัดไต่สวนมูลฟ้องในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ล้วนแต่เป็นคดีอาญาแผ่นดินที่มีอัตราโทษสูง จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ทั้ง 4 ที่จะต้องไปพิสูจน์ผลแห่งการกระทำของตัวเองในศาล ซึ่งเมื่อถึงบทสรุปของคำพิพากษาใครจะรู้ว่า อาจมีพวก “อย่างหนา” บางคนต้องติดคุกหัวโตตอนแก่ เพราะผลกรรมที่ทำไว้แบบทันตาเห็น เหมือนเช่นคำกล่าวของ พล.ต.อ.วาสนา ก็เป็นได้





กำลังโหลดความคิดเห็น