แขกขาวโหดชาวปากีฯ ยังให้การภาคเสธ ไม่ยอมเปิดปากบอกสถานที่นำชิ้นส่วนศพไปทิ้ง ตำรวจวอนแท็กซี่เข้าให้ปากคำ เพื่อตามหาชิ้นส่วนศพ เผยเหยื่อหญิงสาว เป็นถึงครูสอนภาษาอังกฤษ ม.ต้น แชตกับผู้ต้องหาทางอินเทอร์เน็ต ก่อนนั่งเครื่องเข้ากรุงมาพบจุดจบสยอง
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา โกสิยสถิตย์ ผบก.น.4 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปตรวจสอบห้องพักในโรงแรมราชาพาเลซ ถนนรัชดาภิเษก ซอย 16 เขตห้วยขวาง กทม.โดยเข้าตรวจสอบห้องเลขที่ 1004 ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องที่ นายโมฮัมหมัด อารีฟ อายุ 34 ปี ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ได้พา น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ อายุ 28 ปี ผู้ตายไปพัก โดยจากการตรวจสอบพบมีดปลายแหลม 2 เล่ม มีดปังตอ 1 เล่ม วัตถุเทียมปืน (ปืนปลอม) 1 กระบอก วางอยู่ในห้อง เสื้อผ้าเปื้อนเลือดของหญิงสาว ชุดชั้นใน ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด ตำรวจจึงเก็บรวบรวมหลักฐานไว้ และที่ฝาผนังห้องยังพบรอยเลือด ซึ่งตำรวจคาดว่าอาจจะเกิดจากการต่อสู้ เนื่องจากสอดคล้องกับคำให้การของพยานซึ่งขับรถแท็กซี่สังเกตเห็นมือขวาผู้ต้องหาปวมเป่ง
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีเกี่ยวเนื่องใน 2 พื้นที่ ทั้ง สน.หัวหมาก ที่ผู้ต้องหานำศพผู้ตายไปทิ้ง และพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่ผู้ต้องหาไปเปิดพัก จึงมอบหมายให้ทั้ง 2 พื้นที่ได้ร่วมมือกันทำงานเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจสามารถรวบรวมและเก็บหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมทั้งคำให้การของแท็กซี่ที่มาให้การ อันเป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ไปจะให้ตำรวจคลี่คลายคดีอย่างรวดเร็ว
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ตำรวจยังต้องการหาชิ้นส่วนศพของผู้ตายที่ยังไม่พบ ประกอบด้วยศีรษะ ขาทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาของผู้ตาย ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหายังไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม แม้ตำรวจจะมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อมต่างๆ แต่ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ โดยให้การว่าเป็นผู้เปิดห้องพักและอยู่กับหญิงสาวภายในห้องจริงเท่านั้น
“อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้พยาน หรือผู้ที่พบเห็น หรือแท็กซี่ที่รับผู้ต้องหาไปในช่วงเวลา 17.00 น.ของเมื่อวาน (8 พ.ค.) ตอนที่ผู้ต้องหานำกระเป๋าออกไปจากโรงแรมในเที่ยวที่ 2 นั้น อยากให้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเพื่อติดตามชิ้นส่วนศพที่ยังหาไม่พบอีก เพื่อตำรวจจะได้คลี่คลายคดี” พล.ต.ต.วิทยา กล่าว
ผบก.น.4 กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำ นางทัตพร คำภาปัตน์ อายุ 41 ปี พนักงานต้อนรับของโรงแรมให้การว่า ผู้ต้องหาชื่อ นายโมฮัมหมัด อารีฟ ชาวปากีสถาน แต่งกายภูมิฐาน ได้มาขอเปิดห้องพักเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 7 พ.ค.โดยขอขึ้นไปดูห้องพักก่อน จากนั้นเมื่อเปิดห้องหมายเลข 1004 ผู้ต้องหาก็พอใจ และแจ้งความประสงค์ขอเปิดห้องพัก 1 คืน พร้อมจ่ายเงินค่าห้องเป็นจำนวน 550 บาท ต่อมาในเวลาช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน (7 พ.ค.) ผู้ต้องหาได้พาหญิงสาวเข้าไปภายในห้อง ซึ่งในคืนดังกล่าวไม่มีพนักงานหรือใครในโรงแรมได้ยินเสียงต่อสู้ หรือเสียงร้องความช่วยเหลือ วันรุ่งขึ้น (8 พ.ค.) ในเวลา 11.00 น.ถึงเวลาที่แม่บ้านจะต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องพัก ผู้ต้องหาแจ้งให้ทราบว่าไม่ต้องเข้าไปเพราะอยากให้หญิงสาวได้หลับพักผ่อนภายในห้อง หลังจากนั้นเวลา 14.00 น.เห็นผู้ต้องหาลงมายังล็อบบี้ข่างล้าง โดยถือกระเป๋า 2 ใบ เรียกแท็กซี่ออกไปจากโรงแรม จากนั้นกลับเข้ามาอีกครั้ง และในเวลา 17.00 น.ถือกระเป๋าอีก 2 ใบ ลงมาเรียกรถแท็กซี่ออกไปจากโรงแรมเหมือนครั้งแรก ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไรเนื่องจากผู้ต้องหายังยิ้มให้อย่างปกติ
“จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายชื่อ น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ อยู่บ้านเลขที่ 42/19 ถนนสถิตย์นิมานกาล ต.พิบูลมังสารหาร อ.พิบูลย์มังสาหาร จ.อุบลราชธานี อาชีพรับราชการครู โดยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษชั้น ม.1-3 ของโรงเรียนเทศบาล 1 ” พล.ต.ต.วิทยา ระบุ
ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายพูลศักดิ์ เผ่าภูรี อายุ 48 ปี อาจารย์ระดับ 8 โรงเรียนเทศบาล 1 ต.โพธิ์กลาง อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ดูแลผู้ตาย เปิดเผยว่า ตามปกติผู้ตายเป็นครูที่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนชั้น ม.1-3 และชอบเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นชีวิตจิตใจ บางครั้งยังช่วยเปิดหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางอินเทอร์เน็ตให้กับโรงเรียนได้นำไปใช้ ซึ่งทางโรงเรียนทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว อยู่ระหว่างประชุมหารือกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจในเบื้องต้นพบว่า ผู้ตายพบกับผู้ต้องหาจากการติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นผู้ตายได้นั่งเครื่องบินมาพบผู้ต้องหาในคืนวันดังกล่าว จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เสียชีวิตขึ้น เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นการสังหารประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้งไป เนื่องจากผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การ แต่สาเหตุคาดว่าผู้ตายอาจจะไม่ยอมร่วมหลับนอนกับผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นแขกชาวปากีสถาน จึงขัดขืนจนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาสังหารจนเสียชีวิต และชำแหละศพนำชิ้นส่วนไปทิ้งตามสถานที่ต่างๆ หรือปมการสังหารอาจมาจากประเด็นการชิงทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่องของผู้ตายหายไป และตำรวจไม่พบทรัพย์สินทั้งหมดภายในห้องพักดังกล่าว
ส่วนประวัติของผู้ต้องหา ทราบว่า เป็นชาวปากีสถานที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย โดยเข้าๆ ออกๆ มาเป็นเวลา 2 ปี อีกทั้งเคยเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในพื้นที่ที่ผู้ต้องหานำชิ้นส่วนศพไปทิ้ง ปัจจุบันผู้ต้องหามีอาชีพเป็นชิปปิ้งของบริษัท เวิร์ล เฟมัส โอเวอร์ซี คอร์เปอเรเตอร์ จำกัด สังกัดฝ่ายประสานงานภาคโพ้นทะเล ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 200 อาคารทศพลบิลดิ้ง ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม.และตั้งอยู่หน้าโรงแรมราชาพาเลซ ที่ผู้ต้องหาไปเปิดห้องพัก นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง อีกทั้งระหว่างนี้มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากมีหนี้สินรอบตัว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ บิดา มารดา ญาติ และเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิต จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของผู้ตาย ซึ่งใช้ติดต่อกับผู้ต้องหาก่อนเกิดเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวน และให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นหลักฐานที่ สน.หัวหมาก ด้วย
รวบแขกปากีฯ มือฆ่าหั่นศพครูสาวเมืองดอกบัว
ฆ่าหั่นศพสาวแยกชิ้นใส่กระเป๋าทิ้งริม ถ.รามฯ
วันนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา โกสิยสถิตย์ ผบก.น.4 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปตรวจสอบห้องพักในโรงแรมราชาพาเลซ ถนนรัชดาภิเษก ซอย 16 เขตห้วยขวาง กทม.โดยเข้าตรวจสอบห้องเลขที่ 1004 ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องที่ นายโมฮัมหมัด อารีฟ อายุ 34 ปี ชาวปากีสถาน ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ได้พา น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ อายุ 28 ปี ผู้ตายไปพัก โดยจากการตรวจสอบพบมีดปลายแหลม 2 เล่ม มีดปังตอ 1 เล่ม วัตถุเทียมปืน (ปืนปลอม) 1 กระบอก วางอยู่ในห้อง เสื้อผ้าเปื้อนเลือดของหญิงสาว ชุดชั้นใน ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด ตำรวจจึงเก็บรวบรวมหลักฐานไว้ และที่ฝาผนังห้องยังพบรอยเลือด ซึ่งตำรวจคาดว่าอาจจะเกิดจากการต่อสู้ เนื่องจากสอดคล้องกับคำให้การของพยานซึ่งขับรถแท็กซี่สังเกตเห็นมือขวาผู้ต้องหาปวมเป่ง
พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีเกี่ยวเนื่องใน 2 พื้นที่ ทั้ง สน.หัวหมาก ที่ผู้ต้องหานำศพผู้ตายไปทิ้ง และพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่ผู้ต้องหาไปเปิดพัก จึงมอบหมายให้ทั้ง 2 พื้นที่ได้ร่วมมือกันทำงานเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจสามารถรวบรวมและเก็บหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมทั้งคำให้การของแท็กซี่ที่มาให้การ อันเป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ไปจะให้ตำรวจคลี่คลายคดีอย่างรวดเร็ว
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ตำรวจยังต้องการหาชิ้นส่วนศพของผู้ตายที่ยังไม่พบ ประกอบด้วยศีรษะ ขาทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาของผู้ตาย ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหายังไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม แม้ตำรวจจะมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อมต่างๆ แต่ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ โดยให้การว่าเป็นผู้เปิดห้องพักและอยู่กับหญิงสาวภายในห้องจริงเท่านั้น
“อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้พยาน หรือผู้ที่พบเห็น หรือแท็กซี่ที่รับผู้ต้องหาไปในช่วงเวลา 17.00 น.ของเมื่อวาน (8 พ.ค.) ตอนที่ผู้ต้องหานำกระเป๋าออกไปจากโรงแรมในเที่ยวที่ 2 นั้น อยากให้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเพื่อติดตามชิ้นส่วนศพที่ยังหาไม่พบอีก เพื่อตำรวจจะได้คลี่คลายคดี” พล.ต.ต.วิทยา กล่าว
ผบก.น.4 กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำ นางทัตพร คำภาปัตน์ อายุ 41 ปี พนักงานต้อนรับของโรงแรมให้การว่า ผู้ต้องหาชื่อ นายโมฮัมหมัด อารีฟ ชาวปากีสถาน แต่งกายภูมิฐาน ได้มาขอเปิดห้องพักเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 7 พ.ค.โดยขอขึ้นไปดูห้องพักก่อน จากนั้นเมื่อเปิดห้องหมายเลข 1004 ผู้ต้องหาก็พอใจ และแจ้งความประสงค์ขอเปิดห้องพัก 1 คืน พร้อมจ่ายเงินค่าห้องเป็นจำนวน 550 บาท ต่อมาในเวลาช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน (7 พ.ค.) ผู้ต้องหาได้พาหญิงสาวเข้าไปภายในห้อง ซึ่งในคืนดังกล่าวไม่มีพนักงานหรือใครในโรงแรมได้ยินเสียงต่อสู้ หรือเสียงร้องความช่วยเหลือ วันรุ่งขึ้น (8 พ.ค.) ในเวลา 11.00 น.ถึงเวลาที่แม่บ้านจะต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องพัก ผู้ต้องหาแจ้งให้ทราบว่าไม่ต้องเข้าไปเพราะอยากให้หญิงสาวได้หลับพักผ่อนภายในห้อง หลังจากนั้นเวลา 14.00 น.เห็นผู้ต้องหาลงมายังล็อบบี้ข่างล้าง โดยถือกระเป๋า 2 ใบ เรียกแท็กซี่ออกไปจากโรงแรม จากนั้นกลับเข้ามาอีกครั้ง และในเวลา 17.00 น.ถือกระเป๋าอีก 2 ใบ ลงมาเรียกรถแท็กซี่ออกไปจากโรงแรมเหมือนครั้งแรก ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไรเนื่องจากผู้ต้องหายังยิ้มให้อย่างปกติ
“จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายชื่อ น.ส.ดิสนีย์ ทองนาคแท้ อยู่บ้านเลขที่ 42/19 ถนนสถิตย์นิมานกาล ต.พิบูลมังสารหาร อ.พิบูลย์มังสาหาร จ.อุบลราชธานี อาชีพรับราชการครู โดยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษชั้น ม.1-3 ของโรงเรียนเทศบาล 1 ” พล.ต.ต.วิทยา ระบุ
ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายพูลศักดิ์ เผ่าภูรี อายุ 48 ปี อาจารย์ระดับ 8 โรงเรียนเทศบาล 1 ต.โพธิ์กลาง อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้ดูแลผู้ตาย เปิดเผยว่า ตามปกติผู้ตายเป็นครูที่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนชั้น ม.1-3 และชอบเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นชีวิตจิตใจ บางครั้งยังช่วยเปิดหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางอินเทอร์เน็ตให้กับโรงเรียนได้นำไปใช้ ซึ่งทางโรงเรียนทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว อยู่ระหว่างประชุมหารือกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจในเบื้องต้นพบว่า ผู้ตายพบกับผู้ต้องหาจากการติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นผู้ตายได้นั่งเครื่องบินมาพบผู้ต้องหาในคืนวันดังกล่าว จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เสียชีวิตขึ้น เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นการสังหารประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้งไป เนื่องจากผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การ แต่สาเหตุคาดว่าผู้ตายอาจจะไม่ยอมร่วมหลับนอนกับผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่าผู้ต้องหาเป็นแขกชาวปากีสถาน จึงขัดขืนจนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาสังหารจนเสียชีวิต และชำแหละศพนำชิ้นส่วนไปทิ้งตามสถานที่ต่างๆ หรือปมการสังหารอาจมาจากประเด็นการชิงทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตาย ซึ่งประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่องของผู้ตายหายไป และตำรวจไม่พบทรัพย์สินทั้งหมดภายในห้องพักดังกล่าว
ส่วนประวัติของผู้ต้องหา ทราบว่า เป็นชาวปากีสถานที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย โดยเข้าๆ ออกๆ มาเป็นเวลา 2 ปี อีกทั้งเคยเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในพื้นที่ที่ผู้ต้องหานำชิ้นส่วนศพไปทิ้ง ปัจจุบันผู้ต้องหามีอาชีพเป็นชิปปิ้งของบริษัท เวิร์ล เฟมัส โอเวอร์ซี คอร์เปอเรเตอร์ จำกัด สังกัดฝ่ายประสานงานภาคโพ้นทะเล ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 200 อาคารทศพลบิลดิ้ง ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม.และตั้งอยู่หน้าโรงแรมราชาพาเลซ ที่ผู้ต้องหาไปเปิดห้องพัก นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง อีกทั้งระหว่างนี้มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากมีหนี้สินรอบตัว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ บิดา มารดา ญาติ และเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิต จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของผู้ตาย ซึ่งใช้ติดต่อกับผู้ต้องหาก่อนเกิดเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวน และให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นหลักฐานที่ สน.หัวหมาก ด้วย
รวบแขกปากีฯ มือฆ่าหั่นศพครูสาวเมืองดอกบัว
ฆ่าหั่นศพสาวแยกชิ้นใส่กระเป๋าทิ้งริม ถ.รามฯ