จารบุรุษ
การสั่ง(บังคับ)ให้ดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงชัย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ของตำรวจ ภายใต้การควบคุมดูแลคดีของพล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งมีศักดิ์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง โดยเฉพาะนายสนธินั้น ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกคดี
นอกเหนือไปจากแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนแล้ว ยังจะต้องมีอีกหลายคน ที่ขึ้นไปบนเวที ยกเหตุผล ชักแม่น้ำทั้ง 5 ให้เห็นถึงความเลวร้ายของ"ระบอบทักษิณ" ซึ่งบทสรุปก็คือ การขึ้นไปเป็นต้นเสียงตะโกนก้องก่อนจะลงจากเวทีว่า "ทักษิณ...ออกไป"นั้น ไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา แต่แน่นอน ต้องโดนตามเช็กบิลในเวลาต่อมาไม่ช้าก็เร็ว โดยเฉพาะข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคง
ณ เวลานี้ ถึงแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเพิ่งกลับมา หลังจากระเห็ดชั่วคราวไปพำนักในสหราชอาณาจักรแล้วก็ตาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุไฉนตำรวจจึงขยันกันนัก โดยเฉพาะกับคดีที่พุ่งเป้ามาสู่นายสนธิ ลิ้มทองกุลโดยตรง บ้างก็มีข่าวโคมลอยตามลมว่า เพื่อเป็นการเดิมพันเก้าอี้ผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ โดยเฉพาะ บ้างก็ว่า เป็นไปตามวาระการตามเช็กบิลซึ่งนอกเหนือจากนายสนธิแล้ว ยังจะมีคนอื่นๆตามมาอีกหลายราย
เข้าใจดีว่า ตำรวจได้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ เพราะปัจจุบันนั้น เรื่องการดองคดีถือเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว มีแต่ตำรวจรุ่นเก่าเท่านั้น ที่ยังยึดติดอยู่กับการดองคดี แม้แต่คดีญาติโกโหติกาของพวกพ้องนายกฯก็ต้องรีบทำรีบส่งไปให้พนักงานอัยการช่วยกันเป่าเผือกให้คลายร้อนลง ไม่งั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ คดีของแกนนำพันธมิตรก็เช่นกัน ต้องรีบทำ รีบออกหมาย รีบให้สัมภาษณ์ เผื่อนายจะแอบเห็นบ้าง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจในฤดูการโยกย้ายครั้งหน้า
ไม่อยากใช้คำว่า"พฤติกรรม"ซึ่งพจนานุกรมบัญญัติความหมายไว้ว่า "การกระทำหรืออาการที่แสดงออกทางกล้ามเนื้อ ความคิด และความรู้สึก เพื่อตอบสนองสิ่งเร้า"กับตำรวจ แต่อยากจะบอกว่า สิ่งที่ตำรวจได้กระทำลงไปนั้น เป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่น่าจะมีในสายเลือดของตำรวจทุกนาย เพียงแต่ว่า ณ วันนี้ "สิ่งเร้า"มันพาไปเท่านั้น
ในราชวงศ์จีน ทุกราชวงศ์ ทุกยุค ทุกสมัย ที่ขาดไม่ได้คือบรรดา "ขันที" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมฝ่ายใน "ขันที"เหล่านี้ มี"สุดยอดกลวิธี" ในการดำรงความเป็นอยู่ ให้พวกเขาได้ยืนอยู่ ณ ที่แถวหน้าเสมอๆ ตามที่ได้ยินได้ฟังมาไม่ว่าจะได้มาด้วยเลห์ ด้วยกล ด้วยมนต์ หรือด้วยคาถาก็ตาม
เมื่อนึกย้อนไปดู "สุดยอดกลวิธี" ของขันทีใน"สามก๊ก ฉบับคนขายชาติ"แล้ว ไม่อยากที่จะให้ตำรวจได้นำมาเป็นแบบอย่าง เพื่อที่ต้องการจะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ตนเองปรารถนา
"สุดยอดกลวิธี"ของขันทีที่ว่า ประกอบด้วย 5 สุดยอดกลวิธี
1.กลวิธีว่าด้วยการพินอบพิเทาและสร้างความพึงพอใจสูงสุด
2.กลวิธีว่าด้วยการสร้างความแตกแยก เพื่อแสวงหาประโยชน์หรือเอาตัวรอด
3.กลวิธีว่าด้วยการฆ่าคน ซึ่งมีกระบวนท่าสุดยอด คือการใช้วาจาเป็นอาวุธสังหารผู้คน
4.กลวิธีว่าด้วยการเรียกรับสินบน
5.กลวิธีว่าด้วยการติดสินบนซื้อน้ำใจคน
เชื่อหรือไม่ว่า ตำรวจไม่เคยมี 5 สุดยอดกลวิธีดังที่ว่า การสั่งดำเนินคดีกับ 5 แกนนำพันธมิตรฯในคดีความมั่นคง ก็ทำตามหน้าที่ การออกหมายเรียกนายสนธิ ในคดีหมิ่นเบื้องสูงก็ทำตามหน้าที่ การไม่ดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นเบื้องสูงก็ทำตามหน้าที่ เพราะไม่มีมูล เรียกว่าทำตามหน้าที่ของตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวนตามหน้าที่แล้ว
เชื่ออีกว่า หากตำรวจนายใด ปฏิบัติตาม "5 สุดยอดกลวิธีขันที"แล้วไซร้ ตำรวจนายนั้น ย่อมสามารถจะก้าวกระโดดสู่สุดยอดได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่คาดหวัง มิใช่ตำรวจที่มียศ เครื่องแบบ ตำแหน่ง แต่เป็นจิตสำนึกที่แฝงอยู่ภายใต้ยศ เครื่องแบบ ตำแหน่งในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งจิตสำนึกอันนั้น จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับหัวใจของประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่หากใครอยากนำสุดยอดกลวิธีไปใช้ ก็ให้เลือกเอาระหว่างการเป็น"ขันที"กับความเป็น"ตำรวจ"ที่สื่อความหมายความเป็น"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"กันเอาเอง


การสั่ง(บังคับ)ให้ดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงชัย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ของตำรวจ ภายใต้การควบคุมดูแลคดีของพล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งมีศักดิ์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนรต.26 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง โดยเฉพาะนายสนธินั้น ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกคดี
นอกเหนือไปจากแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คนแล้ว ยังจะต้องมีอีกหลายคน ที่ขึ้นไปบนเวที ยกเหตุผล ชักแม่น้ำทั้ง 5 ให้เห็นถึงความเลวร้ายของ"ระบอบทักษิณ" ซึ่งบทสรุปก็คือ การขึ้นไปเป็นต้นเสียงตะโกนก้องก่อนจะลงจากเวทีว่า "ทักษิณ...ออกไป"นั้น ไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา แต่แน่นอน ต้องโดนตามเช็กบิลในเวลาต่อมาไม่ช้าก็เร็ว โดยเฉพาะข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคง
ณ เวลานี้ ถึงแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเพิ่งกลับมา หลังจากระเห็ดชั่วคราวไปพำนักในสหราชอาณาจักรแล้วก็ตาม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุไฉนตำรวจจึงขยันกันนัก โดยเฉพาะกับคดีที่พุ่งเป้ามาสู่นายสนธิ ลิ้มทองกุลโดยตรง บ้างก็มีข่าวโคมลอยตามลมว่า เพื่อเป็นการเดิมพันเก้าอี้ผบ.ตร.ของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ โดยเฉพาะ บ้างก็ว่า เป็นไปตามวาระการตามเช็กบิลซึ่งนอกเหนือจากนายสนธิแล้ว ยังจะมีคนอื่นๆตามมาอีกหลายราย
เข้าใจดีว่า ตำรวจได้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ เพราะปัจจุบันนั้น เรื่องการดองคดีถือเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว มีแต่ตำรวจรุ่นเก่าเท่านั้น ที่ยังยึดติดอยู่กับการดองคดี แม้แต่คดีญาติโกโหติกาของพวกพ้องนายกฯก็ต้องรีบทำรีบส่งไปให้พนักงานอัยการช่วยกันเป่าเผือกให้คลายร้อนลง ไม่งั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ คดีของแกนนำพันธมิตรก็เช่นกัน ต้องรีบทำ รีบออกหมาย รีบให้สัมภาษณ์ เผื่อนายจะแอบเห็นบ้าง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจในฤดูการโยกย้ายครั้งหน้า
ไม่อยากใช้คำว่า"พฤติกรรม"ซึ่งพจนานุกรมบัญญัติความหมายไว้ว่า "การกระทำหรืออาการที่แสดงออกทางกล้ามเนื้อ ความคิด และความรู้สึก เพื่อตอบสนองสิ่งเร้า"กับตำรวจ แต่อยากจะบอกว่า สิ่งที่ตำรวจได้กระทำลงไปนั้น เป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่น่าจะมีในสายเลือดของตำรวจทุกนาย เพียงแต่ว่า ณ วันนี้ "สิ่งเร้า"มันพาไปเท่านั้น
ในราชวงศ์จีน ทุกราชวงศ์ ทุกยุค ทุกสมัย ที่ขาดไม่ได้คือบรรดา "ขันที" ซึ่งเป็นผู้ควบคุมฝ่ายใน "ขันที"เหล่านี้ มี"สุดยอดกลวิธี" ในการดำรงความเป็นอยู่ ให้พวกเขาได้ยืนอยู่ ณ ที่แถวหน้าเสมอๆ ตามที่ได้ยินได้ฟังมาไม่ว่าจะได้มาด้วยเลห์ ด้วยกล ด้วยมนต์ หรือด้วยคาถาก็ตาม
เมื่อนึกย้อนไปดู "สุดยอดกลวิธี" ของขันทีใน"สามก๊ก ฉบับคนขายชาติ"แล้ว ไม่อยากที่จะให้ตำรวจได้นำมาเป็นแบบอย่าง เพื่อที่ต้องการจะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ตนเองปรารถนา
"สุดยอดกลวิธี"ของขันทีที่ว่า ประกอบด้วย 5 สุดยอดกลวิธี
1.กลวิธีว่าด้วยการพินอบพิเทาและสร้างความพึงพอใจสูงสุด
2.กลวิธีว่าด้วยการสร้างความแตกแยก เพื่อแสวงหาประโยชน์หรือเอาตัวรอด
3.กลวิธีว่าด้วยการฆ่าคน ซึ่งมีกระบวนท่าสุดยอด คือการใช้วาจาเป็นอาวุธสังหารผู้คน
4.กลวิธีว่าด้วยการเรียกรับสินบน
5.กลวิธีว่าด้วยการติดสินบนซื้อน้ำใจคน
เชื่อหรือไม่ว่า ตำรวจไม่เคยมี 5 สุดยอดกลวิธีดังที่ว่า การสั่งดำเนินคดีกับ 5 แกนนำพันธมิตรฯในคดีความมั่นคง ก็ทำตามหน้าที่ การออกหมายเรียกนายสนธิ ในคดีหมิ่นเบื้องสูงก็ทำตามหน้าที่ การไม่ดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ หมิ่นเบื้องสูงก็ทำตามหน้าที่ เพราะไม่มีมูล เรียกว่าทำตามหน้าที่ของตำรวจในฐานะพนักงานสอบสวนตามหน้าที่แล้ว
เชื่ออีกว่า หากตำรวจนายใด ปฏิบัติตาม "5 สุดยอดกลวิธีขันที"แล้วไซร้ ตำรวจนายนั้น ย่อมสามารถจะก้าวกระโดดสู่สุดยอดได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่คาดหวัง มิใช่ตำรวจที่มียศ เครื่องแบบ ตำแหน่ง แต่เป็นจิตสำนึกที่แฝงอยู่ภายใต้ยศ เครื่องแบบ ตำแหน่งในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ซึ่งจิตสำนึกอันนั้น จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับหัวใจของประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่หากใครอยากนำสุดยอดกลวิธีไปใช้ ก็ให้เลือกเอาระหว่างการเป็น"ขันที"กับความเป็น"ตำรวจ"ที่สื่อความหมายความเป็น"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"กันเอาเอง