หนุ่มสติไม่ดี คลั่งพกค้อนออกจากบ้านกลางดึก บุกเข้าไปทุบองค์ท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ชาวบ้านเห็นเข้าแค้นจัดกรูเข้าจับรุมประชาทัณฑ์อ่วม ก่อนหนีโซเซออกไปตายหน้าโรงแรมเอราวัณ พ่อเผยป่วยเป็นโรคประสาทมาร่วม 6 ปี รักษามาแล้วหลายที่ก็ไม่ดีขึ้น แต่เป็นคนดีพยายามช่วยเหลือครอบครัวมาตลอด ส่วนตำรวจทำงานไวจัดตามรวบมือยำได้แล้ว 2 คน
เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.ต.ธนิต รตโนภาส สารวัตรเวร สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุ มีชายถูกรุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต หลังจากบุกเข้าไปทำลายศาลท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ธัชชัย หงษ์ทอง รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.มล.พัฒนจักร จักรพันธุ์ รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.โชติวัฒน์ เหลืองวิสัย สว.สส.สน.ลุมพินี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าริมทางเท้าด้านหน้าประตูทางเข้าโรงแรมเอราวัณ บางกอก เจ้าหน้าที่พบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำตาล พับขาขึ้นมาถึงบริเวณเข่า สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ภายในมือซ้ายกำกางเกงในสีเทาอยู่ 1 ตัว ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลที่บริเวณหัวคิ้วข้างขวา ยาวประมาณ 2 ซม. และบริเวณท้ายทอยมีบาดแผลฉกรรจ์ยาวประมาณ 4 ซม. และรอยฟกช้ำอยู่ตามลำตัว นอกจากนี้ที่บริเวณแผ่นหลังมีรอยสักคำว่า “อามีน”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในตัวผู้ตาย เจ้าหน้าที่ไม่พบเอกสารหลักฐานที่จะบ่งบอกได้ว่าเป็นใครมาจากไหน พบเพียงบุหรี่ยี่ห้อวันเดอร์ 1 ซอง ยาเส้นจำนวน 2 ถุง ไฟแช็ก 3 อัน กระปุกขวดยาแก้แพ้ 1 ขวด และเงินเหรียญ 8 บาท นอกจากนี้บริเวณใกล้กันกับศพ เจ้าหน้าที่พบค้อนตอกตะปูตกอยู่ 1 ด้าม จึงเก็บทั้งหมดรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ห่างไปประมาณ 20 เมตร ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม เจ้าหน้าที่พบว่าองค์พระพรหมถูกทุบแตกละเอียด ชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เหลือแต่เพียงฐาน โดยจากการตรวจสอบภายในบริเวณศาล เจ้าหน้าที่พบเหล็กเสียบร่มปลายแหลม ยาวประมาณ 2 ฟุตตกอยู่ ใกล้กันพบกระเป๋าสตางค์สีดำ ภายในมีแต่เพียงบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯ ไม่ระบุชื่ออยู่เพียงใบเดียวเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของผู้ตาย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน น.ส.วันดี วิชัย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1223 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กทม. แม่ค้าขายพวงมาลัยด้านหน้าทางเข้าศาล ให้การว่า ตนเองเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัยที่หน้าศาท้าวมหาพรหมแห่งนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยจะมาขายด้านนอกศาลตั้งแต่เวลาศาลปิด คือ 23.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งก็จะมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก
โดยก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 00.45 น.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนั่งขายพวงมาลัยอยู่ตามปกติ ก็เห็นผู้ตายแอบปีนรั้วเข้าไปในศาลแล้วเดินตรงไปที่บริเวณแท่นบูชา ยืนคร่อมองค์ท้าวมหาพรหม แล้วหยิบค้อนออกมาจากเอวกระหน่ำทุบใส่ตัวองค์และเศียรอย่างบ้าคลั่ง พร้อมตะโกนร้องเสียงดังเหมือนกับคนสติไม่ดี พอเห็นดังนั้นตนก็รีบตะโกนให้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ช่วยกันจับตัวชายดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งเมื่อผู้ตายเห็นตนตะโกนร้องจึงรีบลงมาจากฐานพระพรหมเพื่อหลบหนี จากนั้นก็เห็นมีคนจำนวนหนึ่งเข้าไปช่วยกันจับตัวเอาไว้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร จนมาทราบว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว
ด้าน นายสมยศ ศรีคำสุข อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/86 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติตนจะมาจอดรถบริเวณนี้อยู่เป็นประจำในช่วงค่ำ เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากราบไหว้องค์ท้าวมหาพรหม โดยขณะเกิดเหตุก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยเหลือจึงรีบวิ่งไปดู พบว่าองค์พระพรหมถูกผู้ตายทุบจนเสียหายหมดแล้วจึงเข้าไปจับตัว แต่พอเหลือบมองไปเห็นว่าผู้ตายมีค้อนอยู่จึงถอยกลับ จากนั้นก็ได้มีชาวบ้านใกล้เคียงประมาณ 3-4 คนวิ่งกรูกันเข้าไปรุมทำร้ายร่างกายผู้ตาย ก่อนจะแยกย้ายกันไป จากนั้นก็เห็นผู้ตายปีนรั้วออกมาเดินโซเซออกไปทางด้านหน้าโรงแรมแล้วล้มลง ตนจึงเข้าไปดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเอราวัณได้นำผ้าสีขาวมาล้อมบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอาไว้ ขณะเดียวกันมีกลุ่มประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธาท้าวมหาพรหมที่ทราบข่าวต่างพากันเดินทางมายังที่เกิดเหตุกันเป็นจำนวนมาก บางรายถึงกับยืนร่ำไห้ บางรายก็จับกลุ่มพูดคุยกันในทำนองว่าเวรกรรมตามทันผู้ที่ทำกับองค์พระพรหมแบบนี้
ต่อมาเวลา 03.00 น.ได้มีนายสายันต์ ภักดีผล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 507 ซอยแสงอุทัยทิพย์ ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กทม.อาชีพรับจ้างทั่วไป เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธนิต สารวัตรเวรเจ้าของคดีที่ สน.ลุมพินี พร้อมแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ตายชื่อ นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี เป็นลูกคนที่ 3 ของตนเองจากทั้งหมด 4 คน โดยลูกชายป่วยเป็นโรคประสาทมาได้ประมาณ 6 ปีแล้ว โดยก่อนที่จะมีอาการป่วยก็ลูกชายตนก็เป็นคนปกติดี เรียนเก่ง ไม่ได้มีอาการทางประสาทแต่อย่างใด จนกระทั่งพอลูกชายอายุได้ 21 ปี ต้องเกณฑ์ทหารก็เริ่มมีการอาการซึมเศร้า เก็บตัวเงียบ บางครั้งถึงกับแอบนอนร้องไห้คนเดียว ซึ่งหลังจากจับใบดำได้ไม่ต้องเป็นทหาร ลูกชายก็เริ่มมีอาการเครียด เซื่องซึมลงเรื่อยๆ บางครั้งก็คลุ้มคลั่ง หงุดหงิด จนถึงขนาดจะทำลายข้าวของ แต่ตนก็ห้ามปรามเอาไว้ได้
นายสายันต์ กล่าวต่อว่า พอลูกชายเริ่มมีอาการดังกล่าว ตนก็พาไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ตั้งแต่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยา รพ.ศรีธัญญา รพ.ตำรวจ และล่าสุดที่ รพ.พระมงกุฏ หลังจากที่รักษาแล้วก็ยังมีอาการกำเริบขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งตนจะคอยระวังอยู่ตลอดเวลา โดยทุกครั้งที่มีอาการกำเริบก็จะโทร.แจ้งไปยัง 191 จากนั้นก็ตำรวจ สน.ดินแดง ก็จะมาที่บ้านเป็นประจำจนเจ้าหน้าที่เริ่มเอือมระอา หรือบางครั้งก็จะโทร.แจ้งไปยังสถานีวิทยุ จส.100 จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็จะมาที่บ้านเพื่อช่วยกันจับตัวลูกชายตนเพื่อไม่ให้คลุ้มคลั่ง
นายสายันต์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ลูกชายตนเข้ารับการรักษาก็พยายามจะหาทางช่วยเหลือครอบครัวมาตลอด เนื่องจากครอบครัวตนไม่ได้ร่ำรวยอะไร โดยก่อนหน้านี้ลูกชายตนเคยไปสมัครไปเป็น รปภ.อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก็ทำได้ไม่นานพอมีอาการกำเริบก็ต้องออกจากงาน หลังจากนั้นก็ไปสมัครทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟตามร้านฟาสต์ฟูด แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นาน
“ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ เขาก็เริ่มมีอาการหงุดหงิดเนื่องจากช่วงนี้อากาศร้อน แต่ก็ยังไม่ถึงกับอาละวาด พอช่วงค่ำประมาณ 2 ทุ่มหลังจากผมเลิกงานกลับมาบ้าน ผมก็เอายาแก้แพ้ไปให้เขา เพราะช่วงนี้เขาป่วยเป็นหวัดน้ำมูกไหล พอเวลาประมาณเที่ยงคืน อาการเขากำเริบขึ้นมาอีก เริ่มตาขวางใส่ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยแจ้งไปยัง 191 แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านแต่อย่างใด แล้วเขาก็ออกจากบ้านไปโดยที่ผมก็ไม่ทราบว่าออกไปไหน จนกระทั่งผมได้ยินวิทยุ จส.100 รายงานว่ามีคนถูกทำร้ายจนตาย และคนตายมีรอยสักที่ด้านหลัง อีกทั้งยังมีกระปุกยาแก้แพ้ ก็เอะใจคิดว่าคนตายอาจจะเป็นลูกชายผม เลยลองมาดูที่ สน.ก็พบว่าเป็นลูกชายผมจริงๆ” นายสายันต์กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า หลังจากการสอบปากคำพยานแวดล้อมเรียบร้อยแล้วก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายที่รุมทำร้ายร่างกายนายธนกร จนเสียชีวิต ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ 2 คน คือนายศักดิศรี กลิ่นบัว อายุ 21 ปี และนายเกษมศักดิ์ การุณวงศ์ อายุ 30 ปี คนงานเก็บขยะที่บริเวณด้านหลังศาลที่เกิดเหตุ โดยทั้งสองคนให้การว่าเมื่อเห็นผู้ตายทุบองค์พระพรหม ก็รู้สึกโกรธแค้นจึงกรูกันเข้าไปใช้ท่อนเหล็กรุมตีจนเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และหลังจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายผู้ที่ร่วมก่อเหตุต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเคารพและศรัทธาเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนไปกราบไหว้บูชาตลอดทั้งวันเพื่อให้ช่วยประทานพร หรือขอให้กระทำกระทำการใดๆ สำเร็จตามเป้าหมาย จากนั้นก็จะมาแก้สินบนตามที่ได้อธิษฐานไว้
สำหรับประวัติท้าวมหาพรหมมีดังนี้ คือ เมื่อปลายปี พ.ศ.2498 บริษัท สหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด ซึ่งเป็นผู้สร้างโรงแรมเอราวัณ ได้ดำเนินการหาฤกษ์เพื่อที่จะทำการเปิดโรงแรม โดยพลเรือตรีหลวงสุวิชาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ได้ท้วงติงว่า ฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์ของโรงแรมที่ทำไว้ไม่ถูกต้อง จะต้องแก้ไขเสียใหม่ โดยการสร้างศาลท้าวมหาพรหม และศาลพระภูมิขึ้นไว้ในบริเวณของโรงแรม จึงได้มีการดำเนินการสร้างองค์ท้าวมหาพรหมซึ่งปั้นด้วยปูนปลาสเตอร์และปิดทอง และออกแบบและปั้นโดยนายวิจิตร พิมพ์โกวิท ช่างจากกองหัตถศิลป์ ของกรมศิลปากร แล้วได้อัญเชิญมาประดิษฐานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ด้วยเหตุนี้ในวันที่และเดือนดังกล่าวของทุกปีจะมีพิธีบวงสรวงศาลท้าวมหาพรหม