สาวใหญ่เข้าห้องน้ำในร้านหมูกระทะ หลังทำธุระเสร็จแหงนหน้ามองข้างบน เจอมือดียื่นโทรศัพท์มือถือข้ามมาจากฝั่งห้องน้ำชาย กรี๊ดลั่น ออกมาแจ้งเจ้าของร้าน-ตำรวจ ก่อนพาให้คนช่วยมาล้อมเอาไว้ สุดท้ายหนุ่มโรคจิตออกมาพร้อมกับมือถือสภาพหน้าจอแตกละเอียด แถมไม่มีการ์ดความจำ-แบตฯ ไปน้ำขุ่นๆ อ้างเข้ามาอ้วกไม่ได้แอบถ่าย ตำรวจเตรียมส่งมือถือให้ พฐ.ตรวจ หากพบหลักฐานเรียกมาดำเนินคดี
วานนี้ (18 ก.พ.) เวลา 22.00 น. พ.ต.ต.สมศักดิ์ ใหม่บุญมี สวป.สน.หลักสอง รับแจ้งว่ามีชายโรคจิตใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายผู้หญิงในห้องน้ำของร้านอาหาร “ตรีหมูกระทะ” ตั้งอยู่ถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุบริเวณด้านหน้าห้องน้ำของร้าน ซึ่งเป็นห้องน้ำชาย-หญิงติดกัน เจ้าหน้าที่พบผู้เสียหายคือ นางกาญจนา ไวทยาชีวะ อายุ 45 ปี ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่งจากการสอบสวนนางกาญจนาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มานั่งกินข้าวกับสามี หลังจากนั้นก็ได้ออกมาเข้าห้องน้ำ ขณะที่ทำธุระเสร็จแล้วกำลังจะใส่กางเกงก็แหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน ต้องตกใจเพราะเห็นโทรศัพท์มือถือแบบมีกล้องยื่นข้ามมาจากฝั่งห้องน้ำชายอยู่บนหัวตน เมื่อเห็นดังนั้นตนจึงร้องโวยวายแล้วออกมาบอกเจ้าของร้าน ก่อนที่จะพาคนมาล้อมห้องน้ำชายเอาไว้โดยคนที่อยู่ในห้องยังไม่ยอมออกมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคาะเรียกให้คนที่อยู่ในห้องน้ำชายออกมาจากห้อง สักครู่ก็ได้มีชายคนหนึ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมา ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุพจน์ ลิ้มชุณหนุกูล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/90 หมู่ 4 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม.ซึ่งจากการตรวจค้นภายในตัวเจ้าหน้าที่พบเพียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 6670 สภาพหน้าจอแตก แต่ไม่มีการ์ดความจำ (MMC การ์ด) และแบตเตอรี่แต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่ง พ.ต.ท.ชำนาญ เอกพิทักษ์พงศ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ ทำการสอบสวน โดยจากการสอบสวนนายสุพจน์ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้แอบถ่ายภาพผู้เสียหายขณะเข้าห้องน้ำแต่อย่างใด โดยอ้างว่าเข้ามาอาเจียนเนื่องจากดื่มสุราเข้าไปมาก ส่วนโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอแตกนั้นเป็นเพราะทำหล่น
ด้าน พ.ต.ท.ชำนาญ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้แจ้งข้อหาใดกับนายสุพจน์ เนื่องจากผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ และไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ เพราะไม่มีการ์ดความจำของโทรศัพท์ อีกทั้งเมื่อตรวจค้นภายในรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีแดง หมายเลขทะเบียน ฐ-7451 กทม.ของนายสุพจน์แล้ว ก็ไม่พบหลักฐานอย่างอื่นๆ แต่อย่างใด ส่วนที่นายสุพจน์ที่อ้างว่าทำโทรศัพท์มือถือหล่นแตกนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วคาดว่าโทรศัพท์ไม่น่าจะหล่นแตก แต่น่าจะกระทบกับของแข็งอย่างรุนแรงมากกว่า
พ.ต.ท.ชำนาญ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะได้นำโทรศัพท์มือถือของนายสุพจน์ส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่ามีหลักฐานการกระทำผิดหรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบภาพถ่ายของผู้เสียหายอยู่ในเครื่องโทรศัพท์มือถือก็จะเรียกตัวนายสุพจน์มาดำเนินคดีในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดลหุโทษ เนื่องจากยังไม่ได้เผยแพร่ภาพถ่ายออกไปแต่อย่างใด