xs
xsm
sm
md
lg

อัปยศ!!! ผู้กองสืบบางขุนเทียน หื่นลวนลามนักศึกษาสาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

งามหน้า !!! ตำรวจสืบสวน สน.บางขุนเทียน ลวนลามนักศึกษาสาวโรงเรียนพาณิชย์ เพื่อนมาช่วยกลับโทร.ตามลูกน้องมารุมยำพร้อมข่มขู่ ถ้าไม่เป็นขี้เถ้าภายใน 1 เดือนจะขอไปบวช แม้เรื่องถึงโรงพักยังพยายามยัดเงินผู้เสียหาย 5 พัน เพื่อเบี่ยงประเด็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้าน ผกก.เดือด สั่งย้ายเข้ากรุ พร้อมลั่นหากผิดดำเนินคดีทั้งวินัย และอาญา


วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 03.00 น. นายณัฐพงษ์ สิทธิราช อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/5 ม.1 แขวงและเขตบางแค กทม. และนายพิเชษฐ์ สังข์ประสิทธิ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านลขที่ 75/16 ม.4 แขวงแสมดำ เขตบางุนเทียน กทม. โดยทั้งคู่เป็น อพปร.เขตบางขุนเทียน เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ญาณพล พลเอี่ยม ร้อยเวร สน.บางขุนเทียน ว่าถูกตำรวจนอกเครื่องแบบรุมทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนขู่เอาชีวิตบริเวณด้านหน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ปากซอยวัดสิงห์ ถ.เอกชัย แขวงและเขตบางขุนเทียน

โดย นายพิเชษฐ์ ได้ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนชื่อ น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ว่า เพื่อนชื่อ น.ส.โบว์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.1 โรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งย่านบางขุนเทียน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.บางขุนเทียน ลวนลามภายในรถนิสสัน สีม่วง หมายเลขทะเบียน วง–817 กทม. บริเวณด้านหน้าพีแอนด์ซี แมนชั่น แขวงบางขุนเทียน เขตแสมดำ กทม. ให้รีบมาช่วยเหลือ ตนจึงรีบเดินทางมาด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีแดง 260 กทม. แต่จำหมวดอักษรไม่ได้ โดยเดินทางมาพร้อมกับนายณัฐพงษ์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นรถยนต์คันดังกล่าวกำลังจะถอยออก ตนจึงได้จอดรถจักรยานยนต์ขวางไว้

“จังหวะนั้นเห็นรถคันดังกล่าวกำลังจะถอยออก ผมจึงจอดมอเตอร์ไซค์ขวางเอาไว้ คนขับรถคันดังกล่าวจึงลงมาจากรถพร้อมกับกล่าวกับผมว่า “มึงแน่นักเหรอ จอดรถขวางกู” พร้อมกับโทรศัพท์เรียกชายฉกรรจ์มาอีกประมาณ 10 คน ซึ่งมาทราบทีหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน โดยเมื่อมาถึงหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เอ่ยขึ้นว่า “มีไรครับผู้กอง” ก่อนที่ทั้งหมดจะร่วมกันรุมทำร้ายร่างกายพวกผม” นายพิเชษฐ์ กล่าว

นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า โดยหนึ่งในนั้นได้ลากคอเสื้อและดึงผมนายณัฐพงษ์ ก่อนใช้กำปั้น ตบเข้าไปที่บริเวณใบหน้าอีก 1 ครั้ง ส่วนตนก็ถูกกระทำเช่นเดียวกับนายณัฐพงษ์ โดยถูกกระชากผมและดึงคอเสื้อ ก่อนที่จะถูกกลุ่มที่เหลือประมาณ 5 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกาย เมื่อหนำใจแล้วคนที่ถูกเรียกว่าผู้กองได้เอาเท้าขึ้นยันบนกันชนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่จอดอยู่ พร้อมกล่าวข่มขู่ว่า “เจ๋งเหรอ ถ้ามึงไม่เป็นขี้เถ้าภายใน 1 เดือน กูจะไปบวช”

นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นชายคนเดิมก็ได้กระชากกระเป๋าสะพายสีดำของตนไป พร้อมกับรื้อค้นภายในกระป๋าซึ่งมีวิทยุสื่อสารอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จำนวน 4 นาย แต่ทั้งหมดก็เพียงแค่ยืนดูเหตุการณ์ไม่ได้พยายามที่จะเข้าระงับเหตุ ซึ่งกลุ่มชายดังกล่าวได้ลากตนเข้าไปบริเวณริมกำแพงวัด พร้อมกับบังคับให้ตนนั่งลง และลงมือทำร้ายอีกครั้งโดยใช้วิทยุสื่อสารตบที่ศีรษะ 2 ครั้ง จนฝาปิดเครื่องแตกกระจาย หลังจากนั้นทั้งหมดจึงได้นำตนและเพื่อนสาวมายัง สน.บางขุนเทียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าห้องสืบสวนสอบสวน มีบรรดาเพื่อนๆ อปพร.ที่ทราบข่าวได้เดินทางมาติดตามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยภายในห้องสืบสวนมีการกันให้ฝ่ายหญิงเข้าไปอยู่ในห้องสืบสวนเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ปล่อยตัวออกมาด้านนอก และฝ่ายชายนั่งอยู่ด้านนอก เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งคู่ก็อยู่ในอาการหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นผู้กองคนที่ก่อเหตุได้เดินเข้ามานำตัวผู้เสียหายทั้งสองคนเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง เพื่อพูดจาไกล่เกลี่ยว่าให้บอกผู้สื่อข่าวว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด นอกจากนี้ ผู้กองคนเดิมยังเรียกผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่งเข้าไปพูดคุยต่อรองไม่ให้เสนอข่าวดังกล่าว แต่ทั้งหมดไม่เป็นผล เนื่องจากผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม และพูดเรื่องจริงทั้งหมดให้ผู้สื่อข่าวฟัง พร้อมเข้าแจ้งความต่อร้อยเวรสอบสวน

ขณะที่กำลังแจ้งความอยู่นั้น น.ส.โบว์ ได้เดินเข้ามาโดยในมือถือธนบัตรใบละ 100 บาท และ 500 บาท เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 5,000 บาท โดย น.ส.โบว์บอกว่า ผู้กองคนดังกล่าวให้เป็นค่าเสียหาย พร้อมกำชับว่าห้ามไม่ให้ น.ส.โบว์บอกความจริงกับทุกคนว่าคนที่ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สน.บางขุนเทียน

โดย น.ส.โบว์ กล่าวว่า ตนไม่อยากได้เงิน แต่ที่รับเงินมาเนื่องจากต้องการช่วยเหลือนายณัฐพงษ์ และนายพิเชษฐ์ ที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะตน พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.00 น. หลังเลิกเรียนตนและเพื่อนๆ รวม 5 คนไปนั่งกินอาหารที่ร้านยาวหมูจุ่ม วัดสิงห์ กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. เพื่อน 2 คนได้ขอตัวกลับบ้านก่อน เหลือตนและเพื่อนอีก 2 คนยังนั่งอยู่ต่อ จังหวะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่นั่งกินอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ก่อนแล้วได้เข้ามาตีสนิทและให้ลากโต๊ะมาต่อกันเป็นโต๊ะเดียวพร้อมกับกล่าวว่า อยากกินอะไรสั่งได้เลยตามสบายไม่ต้องห่วง ซึ่งก็นั่งกินกันอยู่เรื่อยกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.ได้เช็กบิลออกจากร้าน โดยชายที่ถูกเรียกว่าผู้กองอาสาที่จะไปส่งยังอพาร์ตเมนต์ โดยตนนั่งหน้าคู่กับผู้กองคนดังกล่าว และเพื่อนอีก 2 คนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง โดยผู้กองคนดังกล่าวพยายามขับรถวกวนไปมาจนมาถึงด้านหน้าอพาร์ตเมนต์

“เมื่อมาถึงด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ ผู้กองคนดังกล่าวก็ได้ให้เพื่อนทั้ง 2 ลงจากรถไปก่อน ไม่ยอมให้ลงไปพร้อมอ้างว่าจะคุยธุระกันก่อน โดยเมื่อเพื่อนลงไปจากรถแล้ว ผู้กองคนดังกล่าวก็ได้ลงมือกระทำการลวนลามโดยการจับหน้าอก และพยายามที่จะจูบ แม้หนูจะขัดขืนและพยายามจะลงจากรถแต่กลับถูกผู้กองคนดังกล่าวปิดล็อกประตูรถไม่ให้ลง กระทั่งเพื่อนมาเคาะกระจกรถ ผู้กองคนดังกล่าวกลับลดกระจกลงพร้อมกับบอกว่ายังคุยธุระไม่เสร็จ เพื่อนจึงเดินจากไป ด้วยความกลัวหนูจึงไม่กล้าที่จะร้องให้เพื่อนช่วย” น.ส.โบว์ กล่าว

น.ส.โบว์ ยังกล่าวต่ออีกว่า เมื่อเพื่อนเดินออกไปแล้ว ผู้กองคนดังกล่าวยังได้ลงมือลวนลามตนเองอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้พยายามปลุกปล้ำ ปลดกระดุมเสื้อและพยายามจะดึงเสื้อออก นอกจากนี้ยังใช้มือล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเข้าไปจับที่ของสงวน จนตนทนไม่ได้และรีบขัดขืนก่อนที่จะเปิดประตูรถหนีออกไปหาเพื่อนที่อยู่ด้านนอกในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ย ก่อนที่นายพิเชษฐ์และนายณัฐพงษ์ จะมาถึงและเกิดเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้บันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทำหนังสือส่งตัวนายพิเชษฐ์และนายณัฐพงษ์ไปตรวจร่างกายหาร่องรอยการถุกทำร้าย เป็นจังหวะเดียวกับที่ พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ ผกก.สน.บางขุนเทียน เดินทางมถึง สน.ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตนเอง และรับปากจะดูแลให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย โดยเบื้องต้นเสนอให้สั่งย้ายไปช่วยราชการก่อน และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการดังกล่าวจริงก็จะดำเนินการทั้งวินัย และอาญาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น