xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 4 ปี 15 เดือน วิศวะหนุ่มคลั่งรักอุ้มหมอสาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

จำคุกวิศวะหนุ่มคลั่งรักอุ้มหมอสาว 10 ปี 6 เดือน สารภาพลดเหลือจำคุก 4 ปี 15 เดือน ไม่รอลงอาญา เหตุกระทำการอุกอาจ ขณะที่จำเลยดิ้นสู้อ้างวิกลจริตขอศาลเลื่อนตัดสิน แต่ศาลไม่ปรานี ชี้จำเลยรู้ผิดชอบชั่วดีกลับคำให้การกลัวโทษ


วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศราวุธ มงคลศรีสวัสดิ์ วิศวกรหนุ่ม จำเลยในความผิดฐานอนาจารโดยใช้อาวุธปืนข่มขู่, ความผิดเกี่ยวกับเพศ, ความผิดต่อเสรีภาพ และบุกรุก, พ.ร.บ.อาวุธปืน หลังก่อเหตุลักพาตัว พญ.เพ็ญอำไพ ตันนาภัย อายุ 27 ปี แพทย์แผนกรังสีวิทยา โรงพยาบาลศิริราช สาเหตุเนื่องจากหลงรักฝ่ายหญิงมานานตั้งแต่ครั้งเรียนในระดับมัธยมศึกษา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2547

นพ.กัมปนาท ตันสิกบุตรกุล แพทย์ประจำสถาบันกัลยาราชนครินทร์ ขึ้นเบิกความในฐานะแพทย์ผู้ทำการวินิจฉัยและตรวจสภาพจิตจำเลย เบิกความประกอบการพิจารณาคดี ก่อนศาลตัดสินว่า จากการตรวจสอบสภาพจิต 2 ครั้งของจำเลยในวันที่ 7 และ 19 ธ.ค.48 พบว่าจำเลยมีความเจ็บป่วยทางจิตมาแล้วประมาณ 5-6 ปี มีอาการเสียงหูแว่วเหมือนมีคนพูดคุยด้วย ภาพหลอนเป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่เห็นภาพคนรัก จะมีความรู้สึกหลงรักโดยมีอาการแบบนี้มาตั้งแต่ปี 44 นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติจากมารดาจำเลย พบว่า หลังจากเรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็ได้มาช่วยงานที่บ้าน แต่มีความสามารถในการทำงานไม่ดี เกียจคร้าน เก็บตัวเงียบ ไม่มีเพื่อนฝูง บางครั้งพูดคนเดียว และไม่อยากให้มารดาพูดเกี่ยวกับเรื่องตนเอง อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบสภาพจิตนั้น จำเลยให้ความร่วมมือดี สามารถพูดตอบโต้ได้ จากการวินิจฉัยเบื้องต้นพบว่าจำเลยเป็นโรคจิตเภท แต่ไม่เข้าข่ายเป็นผู้วิกลจริต

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบด้านจิตวิทยา พบว่า ความสามารถทางเชาวน์ปัญญา หรือไอคิว ได้คะแนน 108 ซึ่งไอคิวในคนปกติทั่วไปไม่ต่ำกว่า 120 โดยความเห็นของนักจิตวิทยาเห็นว่ามีความผิดปกติเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีการเจ็บป่วยมายาวนาน ทำให้ความฉลาดเสื่อมลง การตัดสินใจต่างๆ ไม่ปกติ และไม่ยอมรับการเจ็บป่วยของตนเอง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติการรักษาของจำเลย พบว่าไม่เคยมีประวัติรักษาอาการโรคจิตจากที่ใดมาก่อน

หลังจากพยานปากสุดท้ายเบิกความเสร็จสิ้น ศาลจึงอ่านคำพิพากษาโดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยมีความผิดจริง แม้จำเลยจะป่วยเป็นโรคจิตเภท แต่ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ และมากลับคำให้การรับสารภาพภายหลัง แสดงว่าจำเลยมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่จะต่อสู้คดี ดังนั้น การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปโดยให้เหตุผลว่าจำเลยเป็นผู้วิกลจริตจึงฟังไม่ขึ้น ศาลจึงยกคำร้อง

ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดกฎหมายหลายบทต่างกัน ให้ลงโทษในทุกข้อหา ในความผิดฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี, ฐานพกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จำคุก 6 เดือน, ฐานกระทำอนาจารผู้อื่นด้วยการข่มขู่ จำคุก 4 ปี, ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง จำคุก 2 ปี, ฐานอนาจารหญิงผู้ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี จำคุก 2 ปี และฐานมีอาวุธปืนและบุกรุกเคหะสถานโดยมีอาวุธปืนในยามวิกาล จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี 6 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี มีเหตุควรบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 4 ปี 15 เดือน แต่เนื่องจากเป็นการกระทำอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 11 ธ.ค.48 นายศราวุธได้แต่งกายสวมหมวกไหมพรม ปีนรั้วและบุกเข้ามาในบ้านของ พญ.เพ็ญอำไพ และใช้คีมตัดเหล็กดัดหน้าต่างห้องนอน ใช้อาวุธปืนจี้บังคับ ผู้เสียหายพยายามต่อสู้ขัดขืนแต่ก็ถูกนายศราวุธใช้กุญแจมือล็อกมือและขา และใช้เทปกาวและผ้าปิดปาก จับผู้เสียหายยัดใส่ถุงทะเล นำไปใส่ไว้ที่กระโปรงท้ายรถ ก่อนที่จะขับออกจากบ้านนำไปกักขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านชานเมือง ต่อมา พญ.เพ็ญอำไพ แสร้งพูดดีกับนายศราวุธและแกล้งยอมเป็นแฟนด้วยตามการร้องขอ นายศราวุธจึงยอมปล่อยตัวออกมา จึงได้แจ้งความและจับกุมตัวนายศราวุธมาดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น