“สาธิต ปิตุเตชะ” ระบุ “พีรพันธุ์” เลือกปฏิบัติละเว้นการยึดอายัดทรัพย์สินของกำนันเป๊าะ พร้อมถามหามาตรฐานของ ปปง. ขณะที่ตำรวจรับเรื่อง ดำเนินการสอบสวนภายใน 30 วัน ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป
วันนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 13.00 น.ที่ สน.ปทุมวัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อาคม จันทนลาช รอง ผกก.(สส.) สน.ปทุมวัน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน หรือ ปปง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดย พ.ต.ท.อาคม ได้สอบปากคำนายสาธิต นานประมาณ 20 นาที
จากนั้น นายสาธิตเปิดเผยว่า ตนเดินทางมาในวันนี้ มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งเพื่อต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กรณีไม่ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ จำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตรงกันว่าจำเลยมีความผิด ในข้อหาทุจริตในการซื้อที่ดินมูลค่า 93 ล้านบาท
นายสาธิต กล่าวว่า ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.ซึ่งมีหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการธุรกรรม มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และหรือยับยั้งการทำธุรกรรม โดยมีอำนาจสั่งยึด อายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และในฐานะเลขาธิการ ปปง.มีหน้าที่ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ พล.ต.ต.พีรพันธุ์กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการประวิงเวลาให้เกิดความล่าช้า แทนที่จะทำการยึดหรืออายัดเงิน 93 ล้านบาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมาย
“กรณีนี้น่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติ อาจเพราะเกรงใจใครบางคน เนื่องจากนายสมชายเป็นบิดาของอดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน เนื่องจากคดีของนายองอาจ โพธิสุนธร อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ซึ่งคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2541 แต่ ปปง.ก็ยังสามารถไปติดตามยึดอายัดทรัพย์สินที่ทุจริตไปกลับคืนมาได้ถึง 200 ล้านบาท ขณะที่ นายสมชายซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีที่อยู่เป็นหลักฐาน และเวลาเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรี ก็จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช. ดังนั้น ทำไมระหว่างหน่วยงานรัฐกันเอง คือ ปปง.และ ป.ป.ช.จึงไม่ประสานงานกัน เพื่อทำการยึดอายัดทรัพย์สินของนายสมชาย ประกอบกับตนเคยทราบว่า นายสมชายเคยให้สัมภาษณ์ว่าเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินไว้ 7,000 ล้าน ซึ่งที่ยื่นยังน้อยไป ความจริงมีเป็นหมื่นล้าน ดังนั้น จำนวนเงิน 93 ล้านบาท ที่เกิดจากการทุจริต ไม่มากเมื่อเทียบกับเงิน 7,000 ล้านบาท ต้องเอาส่วนนี้กลับคืนมาให้ประเทศ” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่ามาตรฐานของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ วัดกันอย่างไร ว่าบุคคลใดทำความผิดและสมควรยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน โดยจะเห็นได้จากคดีอดีตเณรแอ และคดีมาเฟียโบ๊เบ๊ ที่ขณะนี้ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่าเขากระทำความผิดจริงหรือไม่ แต่ ปปง.กลับดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของเขาแล้ว ดังนั้น กรณีของนายสมชาย ปปง.ก็จะต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน เนื่องจาก ปปง.ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ หากไม่มีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือได้ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองไม่ปกติเช่นนี้ แล้วประชาชนจะไปพึ่งใครที่ไหนได้
สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดี นายสาธิต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รับคำกล่าวโทษเอาไว้ และให้เวลาตน 30 วัน ในการนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะไปสอบสวนผู้เกี่ยวข้องด้วย ก่อนจะสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ปชป.แจ้งจับ “พีรพันธุ์” ละเว้น ไม่ยึดทรัพย์กำนันเป๊าะ


วันนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 13.00 น.ที่ สน.ปทุมวัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อาคม จันทนลาช รอง ผกก.(สส.) สน.ปทุมวัน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน หรือ ปปง. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดย พ.ต.ท.อาคม ได้สอบปากคำนายสาธิต นานประมาณ 20 นาที
จากนั้น นายสาธิตเปิดเผยว่า ตนเดินทางมาในวันนี้ มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งเพื่อต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กรณีไม่ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ จำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตรงกันว่าจำเลยมีความผิด ในข้อหาทุจริตในการซื้อที่ดินมูลค่า 93 ล้านบาท
นายสาธิต กล่าวว่า ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.ซึ่งมีหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการธุรกรรม มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และหรือยับยั้งการทำธุรกรรม โดยมีอำนาจสั่งยึด อายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และในฐานะเลขาธิการ ปปง.มีหน้าที่ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ พล.ต.ต.พีรพันธุ์กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยการประวิงเวลาให้เกิดความล่าช้า แทนที่จะทำการยึดหรืออายัดเงิน 93 ล้านบาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมาย
“กรณีนี้น่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติ อาจเพราะเกรงใจใครบางคน เนื่องจากนายสมชายเป็นบิดาของอดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน เนื่องจากคดีของนายองอาจ โพธิสุนธร อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ซึ่งคดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2541 แต่ ปปง.ก็ยังสามารถไปติดตามยึดอายัดทรัพย์สินที่ทุจริตไปกลับคืนมาได้ถึง 200 ล้านบาท ขณะที่ นายสมชายซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีที่อยู่เป็นหลักฐาน และเวลาเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรี ก็จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช. ดังนั้น ทำไมระหว่างหน่วยงานรัฐกันเอง คือ ปปง.และ ป.ป.ช.จึงไม่ประสานงานกัน เพื่อทำการยึดอายัดทรัพย์สินของนายสมชาย ประกอบกับตนเคยทราบว่า นายสมชายเคยให้สัมภาษณ์ว่าเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินไว้ 7,000 ล้าน ซึ่งที่ยื่นยังน้อยไป ความจริงมีเป็นหมื่นล้าน ดังนั้น จำนวนเงิน 93 ล้านบาท ที่เกิดจากการทุจริต ไม่มากเมื่อเทียบกับเงิน 7,000 ล้านบาท ต้องเอาส่วนนี้กลับคืนมาให้ประเทศ” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่ามาตรฐานของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ วัดกันอย่างไร ว่าบุคคลใดทำความผิดและสมควรยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน โดยจะเห็นได้จากคดีอดีตเณรแอ และคดีมาเฟียโบ๊เบ๊ ที่ขณะนี้ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่าเขากระทำความผิดจริงหรือไม่ แต่ ปปง.กลับดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินของเขาแล้ว ดังนั้น กรณีของนายสมชาย ปปง.ก็จะต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน เนื่องจาก ปปง.ถือเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ หากไม่มีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือได้ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองไม่ปกติเช่นนี้ แล้วประชาชนจะไปพึ่งใครที่ไหนได้
สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดี นายสาธิต กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รับคำกล่าวโทษเอาไว้ และให้เวลาตน 30 วัน ในการนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะไปสอบสวนผู้เกี่ยวข้องด้วย ก่อนจะสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ปชป.แจ้งจับ “พีรพันธุ์” ละเว้น ไม่ยึดทรัพย์กำนันเป๊าะ