นิสิตแพทย์ จุฬาฯ ชั้นปีที่ 5 ก่อเหตุสลดดิ่งจากชั้น 12 รพ.ภูมิพล เสียชีวิตสยอง คาดสาเหตุมาจากเครียดเรื่องเรียน ขณะที่พ่อผู้ตาย บอกวันนี้จะมารับลูกไปจังหวัดน่าน พร้อมเผย ก่อนหน้านี้ ลูกพูดเป็นลาง ว่าถึงเวลาจะต้องไปแล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน จนกระทั่งตัดสินใจ ฆ่าตัวตาย
วันนี้ (11 พ.ย.) ร.ต.ท.เดชาวัสส์ ขันกสิกรรม ร้อยเวร สน.สายไหม รับแจ้งชายพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต เหตุเกิดภายในโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ถ.พหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุนทร อัมพรายณ์ รอง ผกก.(สส.) สน.สายไหม พ.ต.ท.สมภพ แก้วรุณคำ สว.สส.สน.สายไหม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นอาคารคุ้มเกล้า สูง 12 ชั้น และที่บริเวณลานจอดรถชั้น 4 พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายแวนก์ วีรธรรม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 245 ตรอกสุขมาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นนิสิตชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยสภาพศพนอนคว่ำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาว ตรวจสอบบริเวณแขน ขา หัก ซี่โครงหัก กะโหลกเปิด มันสมองกระจาย เลือดไหนนองเต็มพื้น
พ.ต.ท.สุนทร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยาน ทราบว่า ผู้ตายมาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพล ก่อนเกิดเหตุพยาบาล ซึ่งดูแลผู้ป่วยอยู่ที่ชั้น 12 เห็นว่า ผู้ตายพูดโทรศัพท์ และเดินมาตรงระเบียง ยืนกอดอกมองไปข้างหน้า ก่อนวางกระเป๋าไว้ ต่อมาได้ยินเสียงของหล่นกระแทกพื้นจึงทราบว่าผู้ตายกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุมาจากความเครียดเรื่องการเรียน เพราะเพื่อนในรุ่นเดียวกันได้จบไปแล้วประมาณ 2 ปี ส่วนผู้ตายยังไม่จบ และจากที่ตรวจสอบหลักฐานในตัวนั้นพบเพียงเอกสารการเรียน
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริ วีรธรรม อายุ 54 ปี นักวิชาการป่าไม้ระดับ 7 ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย เดินทางมาที่ รพ.ภูมิพล เพื่อติดต่อขอรับศพ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นบุตรชายคนโต ส่วนลูกสาวคนเล็ก ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เรียนชั้น ป.3 โดยผู้ตายได้เรียนจบปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ จาก ม.ขอนแก่น และมาเข้าสอบเข้าเรียนคณะแพทย์จุฬาฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกงาน โดยพักอาศัยอยู่ที่พักหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่วนตนเองทำงานอยู่ที่จังหวัดน่าน แม่ของผู้ตาย อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
นายศิริ กล่าวอีกว่า ปกติผู้ตายเป็นคนร่าเริง ชอบเล่นกีฬา และไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ โดยเวลาว่าง ที่พบเห็นก็ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงเกาหลี และส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
"ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์มาหาลูกชาย โดยบอกว่าจะเดินทางมาหาในวันนี้ และตั้งใจว่า จะพาไปที่จังหวัดน่าน และเมื่อมาถึงก็ได้รับโทรศัพท์หาลูก แต่ก็ไม่มีคนรับสาย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว"
อย่างไรก็ตาม นายศิริ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเรียนมากกว่า เนื่องจาก ติดอยู่ 1 วิชา คือ วิชากุมารเวช ซึ่งได้ลงเรียนมาแล้วถึง 3 ครั้ง รวม 3 ปี โดยที่เพื่อนๆ ได้เรียนจบกันไปหมดแล้ว และเท่าที่ทราบจากอาจารย์ ก็พบว่า ลูกชาย ตั้งใจเรียน รายงานก็ส่งทุกครั้ง แต่เมื่อถึงเวลาสอบกลับไม่ไปสอบ ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นเพราะสาเหตุอะไร อีกทั้งเมื่อสอบถามถึงเหตุผล ก็ไม่ยอมบอก ส่วนปัญหาเรื่องอื่น นายศิริ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร
"แต่ก็อดคิดถึงคำพูดของลูกชายก่อนตายไม่ได้ คือ เมื่อไม่นานมานี้ ลูกเคยพูดให้ฟังว่า ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว แต่เมื่อถามว่าจะไปไหน ก็ไม่ยอมบอก ซึ่งผมคิดอยู่เหมือนกันว่า ลูกกำลังคิดทำอะไรอยู่ จนกระทั่ง ตัดสินใจกระโดดฆ่าตัวตาย" นายศิริ กล่าวท่ามกลางความเศร้าโศก


วันนี้ (11 พ.ย.) ร.ต.ท.เดชาวัสส์ ขันกสิกรรม ร้อยเวร สน.สายไหม รับแจ้งชายพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต เหตุเกิดภายในโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ถ.พหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุนทร อัมพรายณ์ รอง ผกก.(สส.) สน.สายไหม พ.ต.ท.สมภพ แก้วรุณคำ สว.สส.สน.สายไหม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นอาคารคุ้มเกล้า สูง 12 ชั้น และที่บริเวณลานจอดรถชั้น 4 พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายแวนก์ วีรธรรม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 245 ตรอกสุขมาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นนิสิตชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยสภาพศพนอนคว่ำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาว ตรวจสอบบริเวณแขน ขา หัก ซี่โครงหัก กะโหลกเปิด มันสมองกระจาย เลือดไหนนองเต็มพื้น
พ.ต.ท.สุนทร เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยาน ทราบว่า ผู้ตายมาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพล ก่อนเกิดเหตุพยาบาล ซึ่งดูแลผู้ป่วยอยู่ที่ชั้น 12 เห็นว่า ผู้ตายพูดโทรศัพท์ และเดินมาตรงระเบียง ยืนกอดอกมองไปข้างหน้า ก่อนวางกระเป๋าไว้ ต่อมาได้ยินเสียงของหล่นกระแทกพื้นจึงทราบว่าผู้ตายกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุมาจากความเครียดเรื่องการเรียน เพราะเพื่อนในรุ่นเดียวกันได้จบไปแล้วประมาณ 2 ปี ส่วนผู้ตายยังไม่จบ และจากที่ตรวจสอบหลักฐานในตัวนั้นพบเพียงเอกสารการเรียน
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิริ วีรธรรม อายุ 54 ปี นักวิชาการป่าไม้ระดับ 7 ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย เดินทางมาที่ รพ.ภูมิพล เพื่อติดต่อขอรับศพ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นบุตรชายคนโต ส่วนลูกสาวคนเล็ก ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เรียนชั้น ป.3 โดยผู้ตายได้เรียนจบปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ จาก ม.ขอนแก่น และมาเข้าสอบเข้าเรียนคณะแพทย์จุฬาฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการฝึกงาน โดยพักอาศัยอยู่ที่พักหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่วนตนเองทำงานอยู่ที่จังหวัดน่าน แม่ของผู้ตาย อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
นายศิริ กล่าวอีกว่า ปกติผู้ตายเป็นคนร่าเริง ชอบเล่นกีฬา และไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ โดยเวลาว่าง ที่พบเห็นก็ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงเกาหลี และส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
"ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์มาหาลูกชาย โดยบอกว่าจะเดินทางมาหาในวันนี้ และตั้งใจว่า จะพาไปที่จังหวัดน่าน และเมื่อมาถึงก็ได้รับโทรศัพท์หาลูก แต่ก็ไม่มีคนรับสาย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว"
อย่างไรก็ตาม นายศิริ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการเรียนมากกว่า เนื่องจาก ติดอยู่ 1 วิชา คือ วิชากุมารเวช ซึ่งได้ลงเรียนมาแล้วถึง 3 ครั้ง รวม 3 ปี โดยที่เพื่อนๆ ได้เรียนจบกันไปหมดแล้ว และเท่าที่ทราบจากอาจารย์ ก็พบว่า ลูกชาย ตั้งใจเรียน รายงานก็ส่งทุกครั้ง แต่เมื่อถึงเวลาสอบกลับไม่ไปสอบ ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นเพราะสาเหตุอะไร อีกทั้งเมื่อสอบถามถึงเหตุผล ก็ไม่ยอมบอก ส่วนปัญหาเรื่องอื่น นายศิริ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีอะไร
"แต่ก็อดคิดถึงคำพูดของลูกชายก่อนตายไม่ได้ คือ เมื่อไม่นานมานี้ ลูกเคยพูดให้ฟังว่า ถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว แต่เมื่อถามว่าจะไปไหน ก็ไม่ยอมบอก ซึ่งผมคิดอยู่เหมือนกันว่า ลูกกำลังคิดทำอะไรอยู่ จนกระทั่ง ตัดสินใจกระโดดฆ่าตัวตาย" นายศิริ กล่าวท่ามกลางความเศร้าโศก