นิสิตหนุ่มชั้นปี 3 คณะบัญชี จุฬาฯ พ่ายรักถูกนิสิตสาวรุ่นน้องบอกเลิก ก่อเหตุสลดดิ่งอาคารเรียนโหม่งโลกดับ ด้านพี่ชายเผยน้องชายเป็นคนร่าเริง ไม่มีปัญหาด้านการเรียน แต่มีปัญหาระหองระแหงกับแฟนสาวที่เพิ่งคบหา
วันนี้ (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ต.คนอง ประทุมวัน ร้อยเวร สน.ปทุมวัน รับแจ้งมีเหตุชายกระโดดจากที่สูงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในอาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แขวงวังใหม่ ปทุมวัน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารเรียนสูง 11 ชั้น บริเวณชั้นล่างพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงตามไปสอบสวนและทราบชื่อต่อมา คือ นายวรัตม์ เรือนเพ็ชร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1273/1 ถ.นครสวรรค์ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบาดแผลกะโหลกศีรษะแตกร้าว สมองได้รับการกระทบกระเทือน ซี่โครงหัก ช่องปอดมีเลือดออก ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนแฟนสาวของผู้ตายซึ่งเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะเดียวกันให้การว่า ขณะที่ตนเองเดินทางไปเรียนที่ชั้น 4 อาคารดังกล่าว ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น. ผู้ตายได้นัดเจอกันที่ห้องเรียนเพื่อตกลงปัญหาความรัก แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ตนจึงเป็นฝ่ายบอกเลิก ผู้ตายถามย้ำว่าแน่ใจหรือว่าจะเลิก จนกระทั่งแน่ใจจึงได้ก่อเหตุกระโดดลงมาจากชั้น 4 จนเสียชีวิตดังกล่าว
นายดิศรณ์ เรือนเพ็ชร์ อายุ 23 ปี ผู้ตรวจสอบบัญชีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตนเป็นพี่ชายของผู้ตาย โดยปกติจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านป้าย่านลาดพร้าว ด้วยกัน 3 คน โดยมีพี่ชายลูกพี่ลูกน้องพักอยู่ด้วย โดยปกติน้องชายเป็นสนุกสนานร่าเริง เรื่องเรียนไม่มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาหากน้องชายมีปัญหาอะไรก็จะมาปรึกษากับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องอีกคนซึ่งสนิทกว่า ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านองชายมีปัญหาอะไร เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีพฤติกรรม หรือทีท่าว่าจะทำร้ายตัวเอง สำหรับแฟนสาวทราบว่าเพิ่งคบกันได้ไม่ถึงปี แต่จะมีปัญหาอะไรจนเป็นสาเหตุให้น้องชายฆ่าตัวตายหรือไม่ตนก็ไม่ทราบ ต้องถาม ตลอดเวลาก็มีปัญหาระหองระแหงตลอดเวลา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุของการฆ่าตัวตายเกิดจากปัญหาเรื่องความรักที่ไม่ลงตัว เบื้องต้นเตรียมเชิญญาติของผู้ตายมาทำการสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมส่งศพของผู้ตายให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตและรอญาติมารับกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป