ช่างตัดผมกับลูกค้าคู่กรณีที่ถูกโกนเสียเกลี้ยงหัว เข้าใจกันแล้ว จับไม้จับมืออภัยให้กันและกัน ระบุเพื่อนกันตัดไม่ขาด ย้ำจะกลับไปตัดผมอีก แต่หากไม่ยอมตัดให้จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1 แสนบาท ฐานเลือกลูกค้า
ภายหลังเจ้าของอู่ซ่อมรถ “ฟูเจริญยนต์” เข้าพบเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของร้านตัดผม “เสน่ห์ 2” เนื่องจากตัดผมให้ผิดทรงด้วยการโกนผมเสียเกลี้ยงหัว แถมหัวเราะเยาะจนน้ำลายกระเด็นมาโดนหัวเหม่งโกนใหม่ กระทั่งตำรวจเชิญช่างตัดผมมาเปรียบเทียบปรับในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า ส่วนในเรื่องของการตัดผมผิดทรงเป็นคดีแพ่งจึงไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่ตกลงในเรื่องค่าเสียหายกันเอง โดยนายสุวิทย์ ฉันทวงค์สุวัฒน์ เจ้าของอู่เรียกค่าเสียหาย 1,000 บาท เมื่อกลางดึกของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่อู่ฟูเจริญยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในปั๊มบางจาก ตรงข้ามกับโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อพบกับนายสุวิทย์ ฉันทวงค์สุวัฒน์ เจ้าของอู่ซ่อมรถฟูเจริญยนต์ ผู้เสียหายที่ถูกช่างตัดผมตัดผิดทรง โดยนายสุวิทย์เปิดเผยว่า หลังจากที่ถูกช่างตัดผมโกนหัวให้มารู้สึกอับอายมาก เวลาออกไปซ่อมรถลูกค้า บางคนจะถามว่าญาติเสียไปบวชหน้าไฟมาหรือ เมื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังต่างก็หัวเราะคล้ายกับเยาะเย้ย ทั้งนี้ ตนเป็นช่างซ่อมรถมากว่า 30 ปี มีคนรู้จักมากมาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดสมุทรปราการหลายคนก็มาซ่อมรถที่อู่ และเมื่อมีข่าวออกทางสื่อมวลชนก็มีลูกค้าและคนที่รู้จักโทรศัพท์มาสอบถามจนรับสายกันไม่ไหว ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะกันทั้งนั้น เมื่อขับรถออกไปไหนก็มีคนชี้และหัวเราะ ขนาดลูกน้องที่อู่ ลูกชาย ลูกสะใภ้ เห็นหน้ายังหัวเราะเยาะกันทั้งบ้านเหมือนกับเป็นตัวตลก ทำให้ย้อนคิดไปถึงวันที่ช่างตัดผมโกนหัวให้ โดยวันนั้นถ้าไม่เห็นว่าเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนตนกระโดดชกหน้าไปแล้ว จะเสียค่าปรับเท่าไหร่ก็ยอมเพราะโมโหมาก ตัดผมให้ผิดทรงแล้วยังมาหัวเราะเยาะจนน้ำลายกระเด็นมาโดนหัวอีก
“ผมไม่อยากได้เงินของช่างตัดผม แต่ผมอยากให้ช่างตัดผมมาขอโทษเท่านั้น แล้วผมจะจ่ายค่าตัดผมที่ค้างเขาไว้ด้วยจำนวน 60 บาท ซึ่งวันเกิดเหตุผมยังไม่ได้จ่ายเงิน และหากว่าช่างตัดผมไม่มาขอโทษผมหรือหัวเราะผมอีก ผมก็จะฟ้องร้องในคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1 แสนบาท แต่ช่วงนี้ผมไม่อยากเดินไปไหนมาไหนเพราะมีแต่คนหัวเราะเยาะ” นายสุวิทย์กล่าวเสียงเศร้า
ต่อมา นายภาคภูมิ คำแพง อายุ 59 ปี เจ้าของร้านตัดผมเสน่ห์ 2 คู่กรณีเดินทางมาหานายสุวิทย์ที่อู่ซ่อมรถฟูเจริญยนต์ เพื่อนำเงินค่าเสียหายจำนวน 100 บาท มาจ่ายให้กับนายสุวิทย์ ตามที่ตกลงกันไว้พร้อมทั้งขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายสุวิทย์ไม่รับเงินค่าเสียหายแต่อย่างใด พร้อมพูดกับนายสุวิทย์ว่าแค่ขอโทษก็เพียงพอแล้ว เพื่อนกันอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด พร้อมทั้งระบายความอับอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นายสุวิทย์ได้ฟัง จากนั้นก็จ่ายเงินจำนวน 60 บาทค่าจ้างตัดผมที่ไม่ได้จ่ายในวันเกิดเหตุให้นายภาคภูมิไป
“ผมจะไปใช้บริการอีก หากไม่ให้ผมตัดผมที่ร้านก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจริงๆ ที่เปิดให้บริการตัดผมแต่เลือกลูกค้า และวันเกิดเหตุผมตัดผมแต่ยังไม่ได้แคะหูเลย วันหน้าผมก็จะกลับไปแคะ” นายสุวิทย์กล่าวขึงขัง จากนั้นทั้งคู่จึงจับมือกันเป็นการให้อภัยซึ่งกันและกัน
ด้านนายภาคภูมิ กล่าวว่า เป็นช่างตัดผมมา 30 ปี มีลูกค้ามาตัดผมนับไม่ถ้วน ลูกค้าบางคนบ้านพักอยู่ที่ จ.นนทบุรี หรือในกรุงเทพฯยังมาตัดผมกับตนทุกเดือน ปกติก็จะดูว่าลูกค้ามาแนวไหนถ้าลูกค้ามาในแนวเป็นผู้ใหญ่ เราก็ต้องคุยแบบผู้ใหญ่ หากลูกค้าชอบคุยเล่นเราก็จะคุยเล่นตอบกับลูกค้า เพื่อให้เห็นว่าเราเป็นกันเอง ส่วนวันเกิดเหตุเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำและชอบคุยเล่นกัน ซึ่งวันนั้นได้ยินนายสุวิทย์ถามว่าโกนหัวราคาเท่าใด จึงได้ตอบเล่นๆ ไปว่า 100 บาท จากนั้นนายสุวิทย์ก็ขึ้นมานั่งให้ตัดผมโดยตนไม่ได้ยินว่านายสุวิทย์จะพูดอะไรต่อ จึงโกนหัวให้กระทั่งเป็นเรื่องขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองนายสุวิทย์แต่อย่างใด
“เขาเป็นลูกค้าของเราจะเกิดอะไรขึ้น เราผิดไว้ก่อนดีกว่า และยินดีหากนายสุวิทย์ยังจะตัดผมร้านผมอีก แต่ผมคงไม่กล้าพูดเล่นกับสุวิทย์เหมือนเดิมแล้ว” นายภาคภูมิกล่าว
สุดยัวะ! ตัดผมผิดทรง ขึ้นโรงพักแจ้งจับช่าง