ตำรวจนำตัวชายที่เด็กนักเรียนกังขาว่าจะมีส่วนร่วมมือกับ “จิตรลดา” ก่อเหตุมาแถลงยืนยัน ที่แท้เป็นผู้ปกครองที่ขึ้นไปช่วยเหลือเด็กๆ ตามที่ได้ยินเสียงครูตะโกนเรียก ในขณะที่ “ผู้การโก๋” กางตำรากฎหมายระบุ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเต็มที่ และเชื่อว่าผู้ต้องหารู้ตัวทั้งก่อนและหลังลงมือปฏิบัติการ ซึ่งยากที่จะเข้าข่ายวิกลจริต
วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผบก.น.5 พร้อม พ.ต.อ.ชาญ ชุณหวงศ์ รอง ผบก.น.5 นำตัวนายประเสริฐ เรืองศิริกุลชัย อายุ 44 ปี ผู้ปกครอง ด.ญ.ภัสสร เรืองศิริกุลชัย นักเรียนชั้น ม.1/4 โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ ที่ตกเป็นถูกต้องสงสัยว่า อาจจะเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุกับ น.ส.จิตรลดา ตันติวาณิชยสุข ผู้ต้องหาพยายามฆ่าเด็กนักเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ มาแถลงต่อสื่อมวลชน โดยมีอาจารย์ประจำชั้นของ ด.ญ.ภัสสรจำนวน 2 คน มาร่วมยืนยันด้วย
พล.ต.ต.โกสินทร์ กล่าวว่า จากที่มีหลายฝ่ายทั้งผู้ปกครอง ครู นักเรียน ซึ่งเป็นพยานในที่เกิดเหตุให้การว่า หลังเกิดเหตุเห็นชาย 1 คน หน้าตาคล้ายแขก ผิวดำ สวมแว่นตา เสื้อสีแดงคล้ายผ้าไหม กางเกงสีดำ เดินอยู่ที่ระเบียงใกล้ที่เกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะกระทำการคนเดียวนั้น จากการสืบสวนและสอบสวนยืนยันแน่ชัดว่า ไม่มีผู้ใดร่วมกระทำผิดด้วย ผู้ต้องหากระทำการโดยคนเดียวตั้งแต่ตอนเริ่มต้น ด้วยการเริ่มวางแผน หาที่อยู่เพื่อซ่อนตัว และขณะที่ก่อเหตุ ไม่มีผู้อื่นอยู่ และเมื่อหลบหนีก็หลบหนีเพียงคนเดียว จากนั้นไปเช่าห้องนอนในซอยสารสิน และไปสมัครงานจนกระทั่งถูกจับกุม เมื่อประมวลและวิเคราะห์แล้ว น.ส.จิตรลดาทำการเพียงคนเดียว ไม่มีใครร่วมกระทำความผิดด้วย และไม่มีใครจ้างวาน แต่ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังเกิดเหตุ เด็กนักเรียนอาจจะอยู่ในอาการตกใจ อีกทั้งมีอาจารย์ในโรงเรียนตะโกนให้ผู้ปกครองที่เป็นผู้ชายขึ้นมาช่วย ผู้ปกครองชายจึงขึ้นไปช่วย ซึ่งในบรรดานั้นนายประเสริฐขึ้นไปด้วย โดยในวันดังกล่าวแต่งกายชุดสีแดง ทั้งนี้ เมื่อขึ้นไปแล้ว ตัวผู้ต้องหาไม่อยู่ พบเพียงกองเลือดและเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นจึงลงมา แต่ทางนายประเสริฐไม่กล้าไปโรงเรียน กลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมก่อเหตุด้วย จึงอยากแจ้งให้ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนได้สบายใจว่าไม่มีผู้ร่วมกระทำผิดกับ น.ส.จิตรลดาแน่นอน และขอความเป็นธรรมให้กับนายประเสริฐด้วย
พล.ต.ต.โกสินทร์ กล่าวอีกว่า แต่หลังจากที่พาตัวนายประเสริฐไปให้เด็กนักเรียนและอาจารย์ดูตัวแล้ว พยานยืนยันว่าไม่ใช่เสื้อตัวสีแดงที่นายประเสริฐใส่ จึงคาดว่าน่าจะยังมีผู้ปกครองอีก 1 คน ที่ขึ้นไปบนชั้น 2 อาคารที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ จึงได้ประสานให้ทางโรงเรียนดำเนินการประชุมนักเรียนทั้งหมดเพื่อแจ้งให้เด็กนักเรียนนำไปบอกผู้ปกครองว่าในวันเกิดเหตุ ใครที่มีผู้ปกครองที่แต่งชุดสีแดงในวันนั้นขอให้มาแสดงตัว เพื่อจะได้ทำให้เด็กนักเรียนและผู้ปกครองคนอื่นๆ หายหวาดระแวง ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เด็กชั้น ป.4 ถึงระดับมัธยมทั้งหมด ซึ่งเป็นเด็กที่โตพอที่จะรู้เรื่อง โดยให้กลับไปบอกผู้ปกครองด้วยว่าพ่อหรือผู้ปกครองของใครที่ใส่ชุดแดง และมีลักษณะดังกล่าวให้มาพบเจ้าหน้าที่ ส่วนเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่องซึ่งอาจจะเป็นผู้ปกครองของเด็กนั้นๆ ขอฝากสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วย
“ไม่ว่าจะเป็นขึ้นไปส่งที่ตึก หรือขึ้นไปช่วยเหลือตามที่ได้ยินเสียงครูร้องเรียกให้ช่วย ขอให้มาแสดงตัวต่อผู้บริหารโรงเรียน พนักงานสอบสวน หรือที่ผม หรือมาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ ส่งลูกๆ มาเรียนที่โรงเรียน” พล.ต.ต.โกสินทร์ กล่าว
ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเช้าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 07.20 น. พร้อมด้วยภรรยาได้ไปส่งลูกที่อาคารเรียน เมื่อเดินไปถึงอาคารได้ยินเสียงดังขึ้นแต่ไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นเสียงเด็กเล่นกัน จึงให้บุตรสาวขึ้นไป หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงอาจารย์คนหนึ่งตะโกนให้ผู้ปกครองที่เป็นผู้ชายขึ้นไปช่วย จึงได้รีบวิ่งขึ้นบันไดไป โดยระหว่างที่ขึ้นไปไม่แน่ใจว่าชั้นอะไร พบกองเลือด และเมื่อถึงชั้น 2 ก็เห็นเด็กนักเรียน 2 คน คนหนึ่งใช้มือกุมที่หน้าท้อง อีกคนนั่งเฉยๆ จึงถามคนที่ใช้มือกุมหน้าท้องว่าเจ็บมากไหม โดยเด็กตอบว่าเจ็บนิดเดียว ตนไม่รู้ว่าสถานการณ์ขณะนั้นเป็นเช่นไร จึงบอกให้เด็กคนดังกล่าวรีบไปห้องพยาบาล แต่ก็ได้พยายามมองหาคนร้าย ซึ่งไม่พบ จากนั้นได้เดินตามหาตามห้องต่างๆ ระหว่างนั้นเห็นตามห้องต่างๆ ปิดประตูหมดแล้ว โดยมีอาจารย์คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ในห้อง และเมื่อไม่เจอจึงเดินกลับ จากนั้นได้ยินเสียงตะโกนว่าคนร้ายวิ่งหนีไปแล้วจึงลงมาข้างล่าง และพบภรรยากับลูกซึ่งแจ้งให้ทราบว่าคนร้ายวิ่งหนีไปแล้ว หลังจากนั้นได้ยินเสียงอาจารย์ตะโกนบอกว่าให้เปิดลิฟต์ และก็เห็นอาจารย์อุ้มเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบวิ่งตามไปเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นว่า อาจารย์อุ้มเด็กไปที่รถจึงไม่ได้วิ่งตามไป เพราะคิดว่า 2-3 นาทีคงถึงโรงพยาบาล
ต่อมา พล.ต.ต.โกสินทร์กล่าวถึงการดำเนินคดีอีกว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการตามกฎหมายป.วิอาญาลักษณะ 1 มาตรา 14 ว่า ในระหว่างทำการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้อง ถ้ามีเหตุควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นผู้วิกลจริต ไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ให้พนักงานสอบสวนหรือศาล แล้วแต่กรณีสั่งให้แพทย์ตรวจผู้นั้น เสร็จแล้วให้เรียกพนักงานแพทย์ผู้นั้นมาให้ถ้อยคำ หรือให้การว่าตรวจได้ผลประการใด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแล้ว หลังจากไปฝากขัง เนื่องจากมีเหตุที่เชื่อว่าผู้ต้องหามีประวัติ รวมทั้งญาติร้องเข้ามาว่าเคยรับการรักษาอาการทางจิต จึงได้นำตัวส่งสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ตรวจสอบ
ส่วนการรับผิดในทางอาญา ในหมวดที่ 4 มาตรา 65 ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้รับผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษตามความผิดนั้น ซึ่งหากคณะแพทย์ตรวจแล้วพบว่าเป็นลักษณะจิตบกพร่อง ก็ไม่ต้องรับโทษ แต่ความเห็นของพนักงานสอบสวนเชื่อว่าเป็นตามวรรคที่ 2 ซึ่งระบุไว้ว่า แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้รับผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าตามที่กฎหมายนั้นกำหนดไว้น้อยกว่าเพียงใดก็ได้
“พนักงานสอบสวนและตัวผมเองเชื่อว่าต้องรับโทษ แต่ศาลจะลงโทษแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ที่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นก็มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหามีการเตรียมเงินไว้ซื้อมีดในราคา 9,000 บาท จากนั้นมีการมาดักซุ่ม พุ่งเป้าหมายไปที่เด็กเชื้อสายแขกและจีน จากนั้นยังแทงเด็กที่หน้าตาคล้ายแแขกตามเป้าหมาย แบบนี้ไม่น่าจะเป็นคนบ้า วิกลจริต หากเป็นจริงก็ไม่น่าจะวางแผนได้ถึงขนาดนี้ แถมหลังแทงเสร็จก็ยังรู้ว่าต้องหลบหนี ไปเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่เพลินจิต แต่พอเห็นว่ารถติดก็ยังรู้อีกว่าให้เลี้ยวไปส่งที่สะพานเหลือง จากนั้นนั่งรถเมล์ต่อไปที่ห้องพักย่านรามคำแหง ซึ่งยังรู้อีกว่าต้องเปลี่ยนชุด และหลบหนีไปสมัครงาน ย้ายที่อยู่จนกระทั่งถูกจับได้ แบบนี้รู้รับผิดชอบชั่วดีแน่นอน จะเห็นได้ว่าทั้งก่อน ขณะ และหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหารู้ตัวแน่นอน ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเพราะเสียงสวรรค์บัญชามาให้ทำนั้น ผมเห็นว่าเป็นเสียงนรกมากกว่า” พล.ต.ต.โกสินทร์ ระบุ
ผบก.น.5 กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคณะแพทย์จะตรวจสอบว่าผู้ต้องหาวิกลจริตมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากวิกลจริง ศาลต้องยุติคดีและจำหน่ายคดีออกไป แต่ถ้าเห็นว่าไม่วิกลจริต ก็แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร ซึ่งการลงโทษดังกล่าวในหมวด 5 มาตรา 80 ระบุไว้ว่า ผู้ใดลงมือกระทำความผิด แต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำผิด ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ส่วนของโทษ ที่กฏหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางพนักงานสอบสวนจะส่งตัว น.ส.จิตรลดา ไปตรวจสุขภาพจิตอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) ที่สถานบันกัลยาณ์นครรินทร์ ในเวลา 09.00 น. ส่วนตัวผู้ต้องหา ตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมและถุกนำมมาคุมขังยัง สน.ทุ่งมหาเมฆ ปรากฏว่ายังไม่มีญาติไปเยี่ยมหรือไปขอยื่นประกันตัวแต่อย่างใด แม้แต่เสื้อผ้าเจ้าตัวก็ยังคงใช้ชุดเดิม
แถลงอาการ 4 นร.เซนต์โยฯดีขึ้นตามลำดับ
แบ่งเงิน2แสนให้ตร.-พลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสจับ"จิตรลดา"
"จิตรลดา"เป็นโรคจิตเภท ชนิดหวาดระแวง
ตร.ค้านประกันตัวสาวมือมีดหวั่นไปทำร้ายคนอื่นซ้ำ
ตำรวจยืนยัน คนร้ายแทง4นร.เซนต์โยฯมีคนเดียว!
คุมเข้ม"เซนโยเซฟฯ"-เจ๊หน่อยรุดหารือปรับกฏเหล็ก
ครู - ตร. คุมเข้มหน้า “เซนต์โยเซฟฯ”
ฝากขัง "เป็ด" -แถลงจิตบกพร่องหรือไม่วันนี้
ชี้ขาดอาการจิต “มือมีด” บ่ายวันนี้
“มือมีด” ชี้จุดระหว่างหลบหนี หลังก่อเหตุไล่จ้วงแทง นร.
อาการ 4 เด็กเซนต์โยฯ ดีขึ้นตามลำดับ
กรมสุขภาพจิตแถลงผลตรวจ “จิตรลดา” พรุ่งนี้
พบ “จิตรลดา” ตอบคำถามนักจิตวิยาได้ทุกคำถาม
ผอ.บีเอ็นเอชแถลงอาการเจ็บ 4 นร.เซนต์โยฯ
ตร.สั่งจับตามือมีดแทง 4 นร.ใกล้ชิด!
พ่อนร.อยากถาม"จิตรดา"แค้นอะไรลูกสาวถึงไล่แทงดะ!
ตั้งข้อหา"พยายามฆ่า"มือมีดแทง4นร.เซนต์โยฯ
จับแล้วมือมีด แทง4นร.เซนต์โยฯ
แม่มือมีด!!!วอนลูกสาวติดต่อกลับบ้าน พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเต็มที่
ตำรวจขออนุมัติหมายจับสาวทอมวิกลจริตแล้ว
แพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการ4นร.เซ็นต์โยฯตลอด24-48ชม.
ตร.ได้เบาะแสภาพทอมวิกลจริตจากวงจรปิดโรงพยาบาล
แฉเหตุระทึก!! พลิกแผ่นดินล่า..ทอมชั่วไล่จ้วงนร.คอนเวนต์
นร.เซ็นต์โยฯเผยวินาทีระทึกวิ่งหนีไม่ทันทอมวิกลจริต!
แพทย์ยังวิตกอาการ1ใน4นร.เซ็นต์โยฯ
แจกภาพสเก็ตซ์มือมีดแทงเด็กเซนต์โยฯ
ผู้ปกครองทำใจเหตุสุดวิสัย ลูกถูกแทง
ล่าสาวทอมมือมีด เชื่อมีสติครบ "ชูวิทย์"โร่รับลูกสาว
เคยเสนอทำบัตรผู้ปกครอง ก่อนเกิดเหตุร้ายในเซนต์โยเซฟ
ตร.เผยทอมบอยวิกลจริตมือมีดแทง4นร.เซ็นต์โยฯ
4 นักเรียนเซนต์โยฯปลอดภัยแล้ว
หญิงวิกลจริตคลั่ง!!!บุกแทงเด็กเซนต์โยฯสาหัส 3