“รมต.ปุ้ม” ตรวจสอบ “เอไลน่าอาบอบนวด” ตรงข้ามโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ รัชดาฯ ชี้ไม่เหมาะสม และจะนำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนการอนุญาตต่อไป เปรียบเทียบห้างสรรพสินค้ายังต้องอยู่ห่างสถานศึกษาไม่ต่ำกว่า 500 เมตร ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ยังยืนยันให้ยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง
เมื่อวันที่ ( 7 ก.ย.) เวลา 15.00 น. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส.เขตห้วยขวางวัฒนา น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ส.ส.เขตบางนา นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.เขตดินแดง เดินทางไปยังหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ รัชดาภิเษก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเอไลน่าอาบอบนวด จากนั้นเดินข้ามฝั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าเอไลน่าอาบอบนวดพักหนึ่งจึงพากันเดินกลับข้ามฝั่งมาให้สัมภาษณ์
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบดูแล้วการอนุญาตให้เปิดสถานบริการอาบอบนวดแห่งนี้ไม่น่าเหมาะสม เนื่องจากสถานศึกษาแห่งนี้ตั้งมากว่า 40 ปี และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบริเวณดังกล่าว แม้จะมีความเจริญต่างๆ เข้ามาแต่ก็ควรจะมีข้อจำกัด แต่ถ้าเป็นในเรื่องความเจริญที่ผิดศีลธรรม หรืออบายมุขก็ควรจะมีข้อห้าม ซึ่ง พ.ร.บ.สถานบริการมาตรา 7 ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่าสถานบริการแห่งนั้นไม่ควรอยู่ใกล้โรงเรียน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่ห่างเท่าใด แต่ถ้านำไปเทียบเคียงกับข้อบัญญัติของทาง กทม.ที่ระบุไว้ว่าห้างสรรพสินค้าควรอยู่ห่างจากโรงเรียน 500 เมตร และถ้าเทียบกันระหว่างห้างสรรพสินค้ากับอาบอบนวด ห้างสรรพสินค้าน่าจะมีสถานะที่ดีกว่าแน่นอน ดังนั้น อาบอบนวดน่าจะอยู่ห่างจากโรงเรียน 500 เมตรเป็นอย่างต่ำเช่นกัน
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วตำรวจน่าจะกลับมมาทบทวนว่าอนุญาตมาได้อย่างไร ขอฝากถึงสมาชิกสภา กทม.ด้วยว่าให้ไปยื่นเรื่องใน กทม.ด้วย เพราะว่าตอนขออาจจะแค่ขอก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ แต่แบบน่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสถานบริการในลักษณะเช่นนี้ ฉะนั้น ถ้าปล่อยให้ก่อสร้างเสร็จและผู้ขอนำไปยื่นขอใบอนุญาตก็อาจจะช้าไป เรื่องนี้แม้มีช่องโหว่ของกฎหมายก็จริง แต่ถ้าคนตีความตามลายลักษณ์อักษรของกฎหมาย ทุกคนก็อาจจะบอกว่าคุมกฎหมายแค่นี้ไม่มีอำนาจ แต่ถ้าดูเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งหมดแล้ว สถานบริการเหล่านี้ไม่น่าจะก่อสร้างได้เลย อย่างน้อยต้องห่างจากสถานศึกษาไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
นายสุรนันทน์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขกฎหมายก็คงจะต้องฝาก ส.ส.ทุกคนให้ศึกษารายละเอียดเพื่อเข้าไปผลักดัน โดยหากมีช่องโหว่ตรงไหนก็ต้องปิดตรงนั้น แต่ถ้ามองกรณีนี้ คิดว่ากฎหมายทุกฉบับครอบคลุมอยู่แล้ว เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมาย การใช้เจตนารมณ์ ที่ต้องการดูแลเด็กและเยาวชนของเรา ดูแลคุณภาพชีวิตของสังคมไทย ทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าจะบอกว่ากฎหมายเป็นเช่นนี้ให้วัดไปเลยว่าอาบอบนวดจะต้องอยู่ห่างไปกี่เมตร แล้วก็สร้างได้ แต่เมื่อสร้างไปแล้วทำให้ชุมชนต้องเสื่อมโทรมลงไป คิดว่าไม่เหมาะสม ทั้งนี้จะขอฝ่าก ส.ส.-ส.ก.ไปดูเรื่องผังเมืองด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะละเอียดกว่านี้ และต้องมีการบังคับใช้ผังเมืองอย่างแท้จริง ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าบริเวณไหนเป็นสถานศึกษา บริเวณไหนเป็นที่อยู่ ไม่ควรจะไปปะปนกับสถานบริการ หรือแหล่งอบายมุข ซึ่งสถานที่เหล่านี้ควรจะมีกำหนดโซนนิ่งให้ชัดเจน
นายสุรนันทน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมาย ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาวัวหายล้อมคอกเท่านั้น บางครั้งก็เห็นใจผู้ลงทุนก่อสร้าง เพราะเมื่อได้รับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าสามารถสร้างได้ก็ไปลงทุน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขต่อไป แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะสร้างได้ แต่ถ้าเปิดไม่ได้ก็เกิดปัญหาอีกว่าจะนำไปทำอะไร และที่ลงทุนไปจะได้รับความเป็นธรรมแค่ไหน ซึ่งจะต้องไปศึกษากฎหมายก่อนจะเสนอทางออก ทางเลือกในเชิงนโยบาย รวมทั้งข้อกฏหมายที่จะต้องแก้ไขต่อไปด้วย
“วันนี้ ผมมาในฐานะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีอำนาจตรวจราชการ กทม. ซึ่งตามนโยบายของนายกฯมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการดูแลคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนไทย ไม่ต้องการให้เสื่อมโทรม และจะทำหนังสือถึงนายกฯให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง” นายสุรนันทน์ย้ำ
ด้าน นายสมคิด เอมะพัฒน์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายนายกุลประเสริฐ สุขขี หุ้นส่วนใหญ่เอไลน่าอาบอบนวด กล่าวว่า ในเรื่องนี้เป็นปัญหาของการออกใบอนุญาต ตอนนี้ใบอนุญาตมีความสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้ว ผู้มีอำนาจใน บช.น.มีการลงนามแล้ว คำสั่งนี้เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบทางกฎหมาย และให้ประโยชน์ต่อผู้รับคำสั่ง ดังนั้น หากจะยกเลิกหรือทบทวนก็จะเกิดปัญหา ไม่ว่าปัญหาทางปฏิบัติหรือทฤษฎี และในวันพรุ่งนี้จะทำหนังสือชี้แจงคัดค้านการทบทวนเรื่องการออกใบอนุญาตไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ในส่วนของคณะรัฐมนตรีนั้นคงจะต้องรอดูอีกครั้ง
“ใบอนุญาตให้เปิดเป็นสถานบริการอาบอบนวด ถ้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ” นายสมคิดกล่าว
ด้าน นายกุลประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ต่างคนต่างความเห็น คงไม่จบ ขอให้เอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ขณะนี้สร้างไปแล้วจะให้ไปเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ เรื่องนี้หนักใจพอสมควร เนื่องจากแต่ละคนก็แต่ละความคิด
“ชูวิทย์” ติงไร้ศีลธรรมเข็นใบอนุญาต “โกลัก” ซัดกลับมุบมิบเงินโอนโรงนวด
หุ้นส่วนใหญ่ “เอไลน่าอาบอบนวด” ยันเปิดบริการ 29 ก.ย.นี้
"โกวิท"สั่งทบทวนไฟเขียวอาบอบนวดตรงข้ามโรงเรียน
ตร.อ้างตรงข้ามโรงเรียน อนุมัติเปิดอาบอบนวด
ตร.ไม่หวั่นอาบอบนวดฟ้องศาลปกครองไม่เซ็นใบอนุญาต!
ตำรวจโต้“ชูวิทย์”กล่าวหารับส่วยขอเปิดอาบอบนวด
อาบอบนวดเย้ยกฎหมายตั้งใกล้โรงเรียน




เมื่อวันที่ ( 7 ก.ย.) เวลา 15.00 น. นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ส.ส.เขตห้วยขวางวัฒนา น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ส.ส.เขตบางนา นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.เขตดินแดง เดินทางไปยังหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ รัชดาภิเษก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเอไลน่าอาบอบนวด จากนั้นเดินข้ามฝั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าเอไลน่าอาบอบนวดพักหนึ่งจึงพากันเดินกลับข้ามฝั่งมาให้สัมภาษณ์
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบดูแล้วการอนุญาตให้เปิดสถานบริการอาบอบนวดแห่งนี้ไม่น่าเหมาะสม เนื่องจากสถานศึกษาแห่งนี้ตั้งมากว่า 40 ปี และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบริเวณดังกล่าว แม้จะมีความเจริญต่างๆ เข้ามาแต่ก็ควรจะมีข้อจำกัด แต่ถ้าเป็นในเรื่องความเจริญที่ผิดศีลธรรม หรืออบายมุขก็ควรจะมีข้อห้าม ซึ่ง พ.ร.บ.สถานบริการมาตรา 7 ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่าสถานบริการแห่งนั้นไม่ควรอยู่ใกล้โรงเรียน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องอยู่ห่างเท่าใด แต่ถ้านำไปเทียบเคียงกับข้อบัญญัติของทาง กทม.ที่ระบุไว้ว่าห้างสรรพสินค้าควรอยู่ห่างจากโรงเรียน 500 เมตร และถ้าเทียบกันระหว่างห้างสรรพสินค้ากับอาบอบนวด ห้างสรรพสินค้าน่าจะมีสถานะที่ดีกว่าแน่นอน ดังนั้น อาบอบนวดน่าจะอยู่ห่างจากโรงเรียน 500 เมตรเป็นอย่างต่ำเช่นกัน
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วตำรวจน่าจะกลับมมาทบทวนว่าอนุญาตมาได้อย่างไร ขอฝากถึงสมาชิกสภา กทม.ด้วยว่าให้ไปยื่นเรื่องใน กทม.ด้วย เพราะว่าตอนขออาจจะแค่ขอก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ แต่แบบน่าจะชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นสถานบริการในลักษณะเช่นนี้ ฉะนั้น ถ้าปล่อยให้ก่อสร้างเสร็จและผู้ขอนำไปยื่นขอใบอนุญาตก็อาจจะช้าไป เรื่องนี้แม้มีช่องโหว่ของกฎหมายก็จริง แต่ถ้าคนตีความตามลายลักษณ์อักษรของกฎหมาย ทุกคนก็อาจจะบอกว่าคุมกฎหมายแค่นี้ไม่มีอำนาจ แต่ถ้าดูเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งหมดแล้ว สถานบริการเหล่านี้ไม่น่าจะก่อสร้างได้เลย อย่างน้อยต้องห่างจากสถานศึกษาไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
นายสุรนันทน์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขกฎหมายก็คงจะต้องฝาก ส.ส.ทุกคนให้ศึกษารายละเอียดเพื่อเข้าไปผลักดัน โดยหากมีช่องโหว่ตรงไหนก็ต้องปิดตรงนั้น แต่ถ้ามองกรณีนี้ คิดว่ากฎหมายทุกฉบับครอบคลุมอยู่แล้ว เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมาย การใช้เจตนารมณ์ ที่ต้องการดูแลเด็กและเยาวชนของเรา ดูแลคุณภาพชีวิตของสังคมไทย ทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าจะบอกว่ากฎหมายเป็นเช่นนี้ให้วัดไปเลยว่าอาบอบนวดจะต้องอยู่ห่างไปกี่เมตร แล้วก็สร้างได้ แต่เมื่อสร้างไปแล้วทำให้ชุมชนต้องเสื่อมโทรมลงไป คิดว่าไม่เหมาะสม ทั้งนี้จะขอฝ่าก ส.ส.-ส.ก.ไปดูเรื่องผังเมืองด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะละเอียดกว่านี้ และต้องมีการบังคับใช้ผังเมืองอย่างแท้จริง ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าบริเวณไหนเป็นสถานศึกษา บริเวณไหนเป็นที่อยู่ ไม่ควรจะไปปะปนกับสถานบริการ หรือแหล่งอบายมุข ซึ่งสถานที่เหล่านี้ควรจะมีกำหนดโซนนิ่งให้ชัดเจน
นายสุรนันทน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมาย ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาวัวหายล้อมคอกเท่านั้น บางครั้งก็เห็นใจผู้ลงทุนก่อสร้าง เพราะเมื่อได้รับสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าสามารถสร้างได้ก็ไปลงทุน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขต่อไป แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่น่าจะสร้างได้ แต่ถ้าเปิดไม่ได้ก็เกิดปัญหาอีกว่าจะนำไปทำอะไร และที่ลงทุนไปจะได้รับความเป็นธรรมแค่ไหน ซึ่งจะต้องไปศึกษากฎหมายก่อนจะเสนอทางออก ทางเลือกในเชิงนโยบาย รวมทั้งข้อกฏหมายที่จะต้องแก้ไขต่อไปด้วย
“วันนี้ ผมมาในฐานะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีอำนาจตรวจราชการ กทม. ซึ่งตามนโยบายของนายกฯมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องการดูแลคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนไทย ไม่ต้องการให้เสื่อมโทรม และจะทำหนังสือถึงนายกฯให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง” นายสุรนันทน์ย้ำ
ด้าน นายสมคิด เอมะพัฒน์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายนายกุลประเสริฐ สุขขี หุ้นส่วนใหญ่เอไลน่าอาบอบนวด กล่าวว่า ในเรื่องนี้เป็นปัญหาของการออกใบอนุญาต ตอนนี้ใบอนุญาตมีความสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้ว ผู้มีอำนาจใน บช.น.มีการลงนามแล้ว คำสั่งนี้เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบทางกฎหมาย และให้ประโยชน์ต่อผู้รับคำสั่ง ดังนั้น หากจะยกเลิกหรือทบทวนก็จะเกิดปัญหา ไม่ว่าปัญหาทางปฏิบัติหรือทฤษฎี และในวันพรุ่งนี้จะทำหนังสือชี้แจงคัดค้านการทบทวนเรื่องการออกใบอนุญาตไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ในส่วนของคณะรัฐมนตรีนั้นคงจะต้องรอดูอีกครั้ง
“ใบอนุญาตให้เปิดเป็นสถานบริการอาบอบนวด ถ้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ” นายสมคิดกล่าว
ด้าน นายกุลประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ต่างคนต่างความเห็น คงไม่จบ ขอให้เอากฎหมายเป็นที่ตั้ง ขณะนี้สร้างไปแล้วจะให้ไปเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้ เรื่องนี้หนักใจพอสมควร เนื่องจากแต่ละคนก็แต่ละความคิด
“ชูวิทย์” ติงไร้ศีลธรรมเข็นใบอนุญาต “โกลัก” ซัดกลับมุบมิบเงินโอนโรงนวด
หุ้นส่วนใหญ่ “เอไลน่าอาบอบนวด” ยันเปิดบริการ 29 ก.ย.นี้
"โกวิท"สั่งทบทวนไฟเขียวอาบอบนวดตรงข้ามโรงเรียน
ตร.อ้างตรงข้ามโรงเรียน อนุมัติเปิดอาบอบนวด
ตร.ไม่หวั่นอาบอบนวดฟ้องศาลปกครองไม่เซ็นใบอนุญาต!
ตำรวจโต้“ชูวิทย์”กล่าวหารับส่วยขอเปิดอาบอบนวด
อาบอบนวดเย้ยกฎหมายตั้งใกล้โรงเรียน