ปปง.นำกำลังเข้าตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบ เรียกดอกเบี้ยโหด อายัดทรัพย์หลายรายการไว้ตรวจสอบ ขณะที่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธและแสดงความไม่พอใจขณะถูกเข้าตรวจค้น
วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ ดิสมาน รองเลขาธิการ ปปง. พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 20 นาย นำหมายศาลอาญาฯ ที่ 503/ 2548 ลงวันที่ 16 ส.ค.48 เข้าทำการตรวจสอบอายัดทรัพย์สินของ นายสุพจน์ เพชรตระกูลชาติ เจ้าพ่อปล่อยเงินกู้นอกระบบ ภายในอาคารตึกแถว 4 ชั้น เลขที่ 701/14 ซอยสมใจนึก ตรงข้ามห้างฯบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง ถ.วงศ์สว่าง แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
โดยภายหลังเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ ปปง.พบหลักฐานสัญญาเงินกู้พร้อมรูปถ่ายของลูกหนี้ทุกรายถูกเก็บไว้ในลังจำนวนมาก และทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 370,000 บาท รถยนต์จำนวน 2 คัน ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน พว-7675 กทม. และยี่ห้อวอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3ฬ-8425 กทม. โทรทัศน์สีขนาด 29 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น และอาคารตึกแถวขนาด 4 ชั้น จึงได้อายัดไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ปปง.อีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจสอบบ้านของนายสุพจน์ ซึ่งตั้งอยู่ย่านวงเวียนใหญ่ เลขที่ 332 ซอยเจริญรัถ แขวงต้นไทร เขตคลองสาน กทม. พร้อมอายัดตู้เซฟทรัพย์สิน จำนวน 2 ใบ และได้นำมาเก็บไว้ที่สำนักงาน ปปง.เพื่อให้เจ้าของนำเอกสารหลักฐานมาแสดง และเปิดรหัสตู้เซฟเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินต่อไป
พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินกับนายสุพจน์ โดยที่นายสุพจน์เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตำรวจกองปราบปรามได้ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน และส่งฟ้องศาลเมื่อเดือน เม.ย.ปี 2547 ขณะเดียวกัน ได้ประสานมายัง ปปง.ให้เข้าตรวจสอบทรัพย์สิน เนื่องจากเข้าความผิดมูลฐานกฎหมายการฟอกเงิน ฐานฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีลูกค้าเข้าแจ้งความประมาณ 50 ราย คาดว่ามีลูกค้าที่มากู้ยืมเงินกับนายสุพจน์อีกหลายร้อยราย สำหรับพฤติการณ์ของนายสุพจน์นั้นจะมีทั้งชาวบ้านและข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เดือดร้อนมาขอกู้ยืมเงินครั้งละ 20,000-200,000 บาท โดยนายสุพจน์จะให้เขียนสัญญากู้ยืมด้วยลายมือชื่อ และกรอกตัวเลขเงินในสัญญาสูงกว่าจำนวนที่กู้จริง ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้จะทำการถ่ายภาพลูกค้าที่มากู้ยืมเงินไว้ทุกราย ซึ่งหากผู้ที่กู้ไม่ชำระเงินก็จะไปฟ้องศาล ขณะที่นายสุพจน์ยังให้การปฏิเสธ สำหรับมูลค่าความเสียหายมีกว่า 10 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน นายสุพจน์ได้แสดงอาการไม่พอใจกับการตรวจค้นในครั้งนี้
วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ ดิสมาน รองเลขาธิการ ปปง. พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 20 นาย นำหมายศาลอาญาฯ ที่ 503/ 2548 ลงวันที่ 16 ส.ค.48 เข้าทำการตรวจสอบอายัดทรัพย์สินของ นายสุพจน์ เพชรตระกูลชาติ เจ้าพ่อปล่อยเงินกู้นอกระบบ ภายในอาคารตึกแถว 4 ชั้น เลขที่ 701/14 ซอยสมใจนึก ตรงข้ามห้างฯบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง ถ.วงศ์สว่าง แขวงและเขตบางซื่อ กทม.
โดยภายหลังเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ ปปง.พบหลักฐานสัญญาเงินกู้พร้อมรูปถ่ายของลูกหนี้ทุกรายถูกเก็บไว้ในลังจำนวนมาก และทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 370,000 บาท รถยนต์จำนวน 2 คัน ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน พว-7675 กทม. และยี่ห้อวอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3ฬ-8425 กทม. โทรทัศน์สีขนาด 29 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น และอาคารตึกแถวขนาด 4 ชั้น จึงได้อายัดไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ปปง.อีกชุดหนึ่งได้เข้าตรวจสอบบ้านของนายสุพจน์ ซึ่งตั้งอยู่ย่านวงเวียนใหญ่ เลขที่ 332 ซอยเจริญรัถ แขวงต้นไทร เขตคลองสาน กทม. พร้อมอายัดตู้เซฟทรัพย์สิน จำนวน 2 ใบ และได้นำมาเก็บไว้ที่สำนักงาน ปปง.เพื่อให้เจ้าของนำเอกสารหลักฐานมาแสดง และเปิดรหัสตู้เซฟเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินต่อไป
พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินกับนายสุพจน์ โดยที่นายสุพจน์เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตำรวจกองปราบปรามได้ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน และส่งฟ้องศาลเมื่อเดือน เม.ย.ปี 2547 ขณะเดียวกัน ได้ประสานมายัง ปปง.ให้เข้าตรวจสอบทรัพย์สิน เนื่องจากเข้าความผิดมูลฐานกฎหมายการฟอกเงิน ฐานฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.อ.ยุทธบูลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีลูกค้าเข้าแจ้งความประมาณ 50 ราย คาดว่ามีลูกค้าที่มากู้ยืมเงินกับนายสุพจน์อีกหลายร้อยราย สำหรับพฤติการณ์ของนายสุพจน์นั้นจะมีทั้งชาวบ้านและข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เดือดร้อนมาขอกู้ยืมเงินครั้งละ 20,000-200,000 บาท โดยนายสุพจน์จะให้เขียนสัญญากู้ยืมด้วยลายมือชื่อ และกรอกตัวเลขเงินในสัญญาสูงกว่าจำนวนที่กู้จริง ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้จะทำการถ่ายภาพลูกค้าที่มากู้ยืมเงินไว้ทุกราย ซึ่งหากผู้ที่กู้ไม่ชำระเงินก็จะไปฟ้องศาล ขณะที่นายสุพจน์ยังให้การปฏิเสธ สำหรับมูลค่าความเสียหายมีกว่า 10 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน นายสุพจน์ได้แสดงอาการไม่พอใจกับการตรวจค้นในครั้งนี้
