xs
xsm
sm
md
lg

รวบแล้ว 2 ผู้ต้องหายิงหัวดาบตำรวจ สน.บางเขน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

จนมุมแล้ว 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงหัว “ดาบตำรวจ” สายตรวจเดินเท้าโรงพักบางเขน เผยประวัติก่อคดีอุกฉกรรจ์โชกโชน โดยเฉพาะวันที่ยิงหัวตำรวจ ได้ดวลปืนกับสายสืบ สน.บางเขน มาแล้วแต่หนีรอดไปได้ และหลังจากก่อเหตุแล้วยังออกตระเวนปล้นทรัพย์หญิงสาวอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ส่วนมือลั่นไกยังหลบหนีไปได้

วันนี้ (2 ส.ค.) พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมมรินทร์ รอง ผบช.น.รก.ผบก.น.2 พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.น.4 และพ.ต.ท.เสถียร ดีเหมาะ รก.ผกก.สส.น.2 ร่วมแถลงการจับกุมตัวคนร้ายในคดีใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.วัชระ สตารัตน์ ผบ.หมู่ ป. (สายตรวจเดินเท้า) สน.บางเขน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. โดยคนร้ายประกอบด้วย นายทรงศักดิ์ หรือหมู เสือเอก อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 1 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1850/2548 ลงวันที่ 1 ส.ค.48, นายธนินทร หรือเก่ง พร้อมทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/1 หมู่ 1 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ตามหมายจับศาลอาญา 1851/2548 พร้อมของกลาง อาวุธปืน .25 มม. ยี่ห้อโคลท์ ทะเบียน 399574 อาวุธปืน 9 มม.ออโต้ ยี่ห้อ นอริงโก้ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน และสร้อยคอทองคำในลักษณะขาดจำนวนหลายเส้น ซึ่งเป็นของกลางที่ได้จากการกระทำผิดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่เอ็มเอคอร์ด ถนนประดิพัทธ์ ซอย 21 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ สืบเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่ หรือเพื่อปกปิดความผิดของตน

พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิง ด.ต.วัชระเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นสายตรวจเดินเท้า ประจำตลาดศูนย์การค้ารามอินทรา กม.2 โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ด.ต.วัชระได้พบวัยรุ่นต้องสงสัย 3 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าปั๊มแก๊ส ส.เจริญพจน์ ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. คนร้ายกลับใช้อาวุธปืนยิง ตร.คนดังกล่าวเสียชีวิตและหลบหนีไป จากนั้นจึงได้สั่งการให้ตำรวจจากกองสืบสวน กก.สส.น.2 และกก.สส.น.4 หาวิธีการเพื่อศึกษาวิธีการและเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายอย่างละเอียด รวมทั้งตรวจสอบแผนประทุษกรรมคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ในพื้นที่ บก.น.2 และใกล้เคียง ซึ่งเบื้องต้นตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่

พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 31 ก.ค.48 เวลา 16.00 น. ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้เป็นแก๊งเสือเกตุ ซอย 52 เนื่องจากลักษณะการกระทำความผิดของคนร้าย ตรงกับแผนประทุษกรรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเข้าจับกุม โดยทราบว่าแก๊งดังกล่าวก่อเหตุยิงต่อสู้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ที่หลังห้างบิ๊กซี สาขาสะพานใหม่ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมาก่อเหตุยิง ด.ต.วัชระ ซึ่งในการดวลปืนวันนั้นคนร้ายสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ โดยทิ้งรถยนต์กระบะไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อาวุธปืน และยาบ้า 200 เม็ด ไว้ในที่เกิดเหตุ กระทั่งเวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน คนร้ายกลุ่มนี้ยังกลับมาออกตระเวนก่อเหตุปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นยานพาหนะ ซึ่งเมื่อถูก ด.ต.วัชระเรียกตรวจค้น คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ศีรษะ ด.ต.วัชระ 2 นัดจนเสียชีวิต

พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวอีกว่า เมื่อสอบสวนแล้ว นายทรงศักดิ์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คนที่ 2 พร้อมกับซัดทอดว่านายธนินทรเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุ แต่นายธนินทรยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนคนร้ายที่ลงมือลั่นไกยิง ด.ต.วัชระ ทราบชื่อ.คือ นายสุวิทย์ หรือเกตุ รอดอินทร์ ซึ่งขณะเกิดเหตุ ดต.วัชระเรียกตรวจค้นและสอบถามว่าไปไหนกันมา นายทรงศักดิ์ตอบว่าจะกลับบ้าน ทันใดนั้นนายสุวิทย์ได้ลงจากรถจักรยานยนต์แล้วชักอาวุธปืนพกที่ติดตัวมายิงเข้าศีรษะ ด.ต.วัชระ 2 นัด เมื่อแน่ใจว่า ด.ต.วัชระล้มลงและสียชีวิตแล้ว ทั้งหมดจึงพากันหลบหนีโดยมุ่งหน้าไปที่วัดลาดปลาเค้า ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนีไป สำหรับนายสุวิทย์มือปืนลั่นไกนั้น ตำรวจขออนุมัติหมายจับจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เลขที่ จ.500/2548 ลงวันที่ 1 ส.ค. ในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ หรือเพื่อปกปิดคงวามผิดของตน เนื่องจาก นายสุวิทย์ อายุเพียง 18 ปีจึงต้องขอหมายจับจากศาลเยาวชนฯ ซึ่งตำรวจจะได้ติดตามตัวนายสุวิทย์ คนร้ายรายนี้อย่างกระชั้นชิดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแก๊งเสือเกตุแก๊งนี้ ส่วนใหญ่ติดยาเสพติด มักจะออกก่อเหตุร้ายด้วยการออกปล้น กระชากสร้อย และยังเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดด้วย โดยเฉพาะนายสุวิทย์ ถือเป็นหัวโจก ซึ่งตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้จะออกตระเวณเลือกปล้นทรัพย์เฉพาะหญิงสาว ตั้งแต่ย่านรามอินทราไปจนถึงลาดปลาเค้า โดยเฉพาะหลังก่อเหตุยิง ด.ต.วัชระแล้ว คนร้ายกลุ่มนี้ยังก่อเหตุต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.จนถึงวันที่ 30 ก.ค. ด้วยการออกตระเวนปล้นทรัพย์ทุกวัน โดยจะเลือกช่วงหัวค่ำ ทั้งกระชากกระเป๋า ชิงโทรศัพท์ และเครื่องประดับ โดยมีผู้เสียหายหลายรายมาชี้ตัวผู้ต้องหา และยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนร่วมกันก่อเหตุจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนที่ตำรวจจะแถลงข่าว มี น.ส.สายใจ พร้อมทอง อายุ 37 ปี ญาตินายธนินทร หรือเก่ง พร้อมทอง หนึ่งในผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นน้าสาวของนายเก่ง โวยวายว่า ตำรวจซ้อมหลานของตนเอง อีกทั้งในวันเกิดเหตุมีพยานยืนยันได้ว่านายเก่งหลานชายไม่ได้ไปก่อเหตุดังกล่าว ขณะเดียวกันมี น.ส.ลัดดาวัลย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มาชี้ตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยญาติและบุตรชาย และทันทีที่เห็นหน้านายธนินทร หรือเก่งได้ตรงเข้าไปชี้หน้าด้วยความเคียดแค้น

ทั้งนี้ น.ส.ลัดดาวัลย์ให้การว่า เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 23 ก.ค. ขณะเดินทางไปหาเพื่อนที่หมู่บ้านบดินทร์เดชา ในซอยสยามธรณี แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พบนายเก่งขี่รถจักรยานยนต์มากับคนร้ายอีกคน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนจี้ไม่ให้ตนขัดขืนแล้วลงจากรถมาตบตี พร้อมกับยื้อแย่งกระเป๋าสะพายจนตนเองล้มลงไป และนายเก่งยังใช้ปืนยิงใส่ต้นขาขวา 1 นัด ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยก็ถูกนายเก่งใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าใส่หัวไหล่อีก 1 นัด จากนั้นฉกเอากระเป๋าสะพายหลบหนีไป

“คิดบ้างไหมว่าถ้าฉันตายไป ลูกจะทำอย่างไร ทำไมโหดเหี้ยมอย่างนี้ ถ้าแกโดนวิสามัญฯ จะสะใจมากกว่านี้” น.ส.ลัดดาวัลย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อ น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวจบ น.ส.สายใจ ญาติของนายเก่งถึงกับหยุดโต้แย้งและหยุดโวยวายในทันที

พลิกตำนานเล่าขาน “อาถรรพณ์ สน.บางเขน กับศาลเจ้าพ่อไทร”
ถอดสลัก 2 ปมหลักล่ามือยิงดาบตำรวจ!
ลูกสาวดาบตำรวจเหยื่อโจรกรุงเผยความใน “สุดภูมิใจในตัวพ่อ”
ปูนบำเหน็จ “จอมตรวจแหลก” เหยื่อโจรกรุงขึ้น พ.ต.ต.
คนร้ายถูกเรียกตรวจค้นชักปืนจ่อยิงขมับตำรวจดับ





กำลังโหลดความคิดเห็น