ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท เอไอเอ ร้องขอความเป็นธรรมจาก “ผู้จัดการออนไลน์” บอกได้รับความเดือดร้อนหลังถูกชายที่อ้างตัวเป็นลูกน้อง “เฮียปอ” หลอกขโมยรถ และโทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ ไม่เช่นนั้นจะฆ่าทั้งพ่อทั้งลูกให้ตาย
นายกิตติศักดิ์ เจษฎาวัลย์ อายุ 35 ปี ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ได้ร้องขอความเป็นธรรมผ่าน “ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์” เกี่ยวกับความเดือดร้อนที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ โดยนายกิตติศักดิ์ลำดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตนได้นำรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์-ทอง หมายเลขทะเบียน ภท-8928 กทม. เข้าไปทำสีที่อู่ พี.เจ.กลการ ย่านหนองแขม โดยทางอู่ได้นัดให้มารับรถในวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
และเมื่อถึงเวลานัด ตนพร้อมด้วย น.ส.ปวรา หรือแหม่ม แก้วลี อายุ 38 ปี เพื่อนร่วมงานได้นำหลักฐานการรับรถไปติดต่อเพื่อขอรับรถที่อู่ แต่เจ้าของอู่ไม่อยู่ พนักงานที่อู่จึงได้นัดให้มารับรถในวันรุ่งขึ้น แต่ในวันดังกล่าวตนติดธุระ น.ส.ปวราจึงได้อาสามารับรถแทน ตนเห็นว่าที่ผ่านมา น.ส.ปวราเคยมาขอยืมรถบ่อยๆ และไม่เคยมีปัญหาจึงยินยอม และได้มอบเอกสารการรับรถให้กับ น.ส.ปวราไป แต่ปรากฏว่าเมื่อ น.ส.ปวรารับรถไปแล้วกลับไม่ได้นำมาคืน และขอนำรถไปใช้ในธุรกิจส่งขายเสื้อผ้าให้ห้างสรรพสินค้า
“เมื่อผมทวงถาม เขาบอกว่าขอเอารถไปใช้ก่อน พร้อมนำสัญญาเช่ารถที่เขาทำขึ้นเองมาให้ โดยใช้ชื่อ นางอรุณรัตน์ พูนดิษฐ์ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเป็นผู้เช่า และเขาลงชื่อตัวเองเป็นผู้ค้ำประกัน แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป จนเวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ก็ยังไม่ติดต่อมา กระทั่งอาทิตย์ที่ 3 เขาก็ได้ติดต่อมาพร้อมบอกว่าตอนนี้รถอยู่กับแฟนชื่อนายแฟรงก์ ซึ่งเป็นลูกน้องของ “ปอ ประตูน้ำ” เอาไปขนของที่อุดรฯ พร้อมยืนยันว่ารถยังไม่หาย แต่ก็ได้ผัดวันมาเรื่อยๆ จากนั้นเขาให้นายแฟรงก์เป็นคนติดต่อมา โดยนายแฟรงก์สัญญาว่าจะนำรถมาคืนในวันที่ 21 พ.ค.ซึ่งเป็นวันเกิดของคุณพ่อ” นายกิตติศักดิ์กล่าว
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อป้องกันกรณีรถถูกนำไปใช้ทำผิดกฎหมาย ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน รวม 2 ท้องที่ คือวันที่ 21 พ.ค.หลังจากนายแฟรงก์ไม่ได้นำรถมาคืนตามนัด จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย และวันที่ 24 พ.ค.ได้แจ้งความไว้ที่ สน.หนองแขม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อู่รถตั้งอยู่ นอกจากนี้ บ.ซิตี้ลิสซิ่ง ซึ่งตนได้นำรถยนต์ไปจำนำไว้ยังได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความต่อ สน.โชคชัย อีกครั้งหนึ่งด้วย ทั้งนี้ หลังจากนายแฟรงก์ทราบเรื่องจึงได้โทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ ไม่เช่นนั้นจะฆ่าตนกับนายธีระชัย บิดาให้ตาย
“เขาอ้างมาโดยตลอดว่าเป็นลูกน้องเฮียปอ ขู่ว่าจะยิงพ่อและผมทิ้งหากยังไม่ถอนแจ้งความ ผมว่ามันไม่ถูกต้องที่จะมาอ้างชื่อเฮียปอมาทำอย่างนี้ ผมว่าเฮียปอมีความเป็นนักเลงพอ และหากรู้ว่าลูกน้องเขามีพฤติกรรมอย่างนี้คงไม่เอาไว้แน่ แต่ที่ผ่านมาเขาคงไม่รู้ เพราะเราไม่มีโอกาสที่จะพบและบอกเขา” นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายธีระชัย เจษฎาวัลย์ อายุ 58 ปี ซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบ และเป็นบิดาของนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีศักดิ์เป็นน้าของนางจิราภรณ์ ฉายแสง ภรรยานายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี สำหรับรถยนต์คันดังกล่าวตนเป็นคนซื้อเมื่อ 4 ปีก่อน โดยใช้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตซื้อให้กับนายกิตติศักดิ์ ลูกชายเพื่อใช้ในการทำธุรกิจขายเสื้อผ้าที่ จ.ภูเก็ต ร่วมกับ ส.ต.นาเสลี เจษฎาวัลย์ อายุ 24 ปี ลูกชายคนเล็ก แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้เสื้อผ้าที่นำไปขายถูกน้ำพัดไปหมด และรถก็ได้รับความเสียหายจึงนำมาซ่อมแซมและทำสีที่กรุงเทพฯ แต่กลับถูกนายแฟรงก์ และน.ส.ปวรา หลอกลวงเอารถไป โดยที่ผ่านมาตนได้พยายามติดตามรถคืนแต่ไม่เป็นผล นอกจากนี้ยังถูกนายแฟรงก์โทรศัพท์มาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ
“ตอนนี้ครอบครัวเราต้องเดือดร้อนแสนสาหัสในการตามหารถคันนี้ หมดเงินไปเกือบแสน ถูกสึนามิจนรถเสียหาย แต่ยังพอวิ่งได้ แต่นี่พอซ่อมเสร็จแล้วกลับถูกหลอกเอาไปอีก ที่สำคัญรู้สึกเจ็บใจที่ถูกหลอกเอารถไปทีหนึ่งแล้วยังมาขู่ฆ่าตากับลูก ตอนนี้ตาเครียดมาก ตาตายคนเดียวไม่เป็นไร ให้ลูกอีก 2 คน ยังอยู่ อยากกราบเท้าเฮียปอขอชีวิตลูกของตาทั้ง 2 คนด้วย” นายธีระชัยกล่าว
นายธีระชัย กล่าวด้วยว่า ตนไม่ต้องการที่จะเอาเรื่องเฮียปอหรือทำให้เสียหายเพราะเฮียปอไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่อยากได้รถคืนเท่านั้น ที่ผ่านมาตนพยายามร้องขอความเป็นธรรมไปหลายที่ แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนหวังเพียงว่าจะได้รถยนต์คันดังกล่าวคืน พร้อมทั้งลูกชายไม่ถูกปองร้ายเท่านั้น