รองอธิการบดีจุฬาฯ โร่แจ้งความถูกชายลึกลับโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิตทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เชื่อเกี่ยวกับการขึ้นค่าเช่าที่สยามสแควร์
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.ปทุมวัน รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก.สน.ปทุมวัน และ พ.ต.ท.อาคม จันทนราช รอง ผกก.สส. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่ถูกคนร้ายโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต โดยก่อนหน้านี้ได้มอบให้นายสุชาติ ปรุงธัญญะพฤกษ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ต.ธรากร สกุลปิยะเทวัญ ร้อยเวร สน.ปทุมวัน ไปแล้ว
รศ.ดร.บุญสมกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงานทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏว่ามีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาพร้อมกับพูดข่มขู่ว่า “มึงระวังตัวเอาไว้ให้ดี” ซึ่งไม่ได้ตอบโต้กลับไป ในขณะที่ชายคนดังกล่าวได้วางสายไป จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.วันเดียวกัน ขณะที่กำลังนั่งดูการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันอยู่ที่บ้านนั้น มีโทรศัพท์ลึกลับเข้ามาอีก โดยลูกชายเป็นคนรับ และขอสายตน เมื่อออกไปรับสายพร้อมกับกล่าวสวัสดี ก็ได้ยินเสียงผู้ชายทางต้นสายพูดคุยกันว่า “มันอยู่บ้าน” ตนจึงตอบกลับไปว่า “ขณะนี้ได้อัดเทปไว้แล้ว” ชายคนดังกล่าวจึงวางสายไปทันที
ทั้งนี้เท่าที่สังเกตก็พบว่าเสียงของชายดังกล่าวคล้ายกับผ่านเครื่องแปลงเสียง หรือดัดเสียงในการพูด ซึ่งตนคิดว่าเพื่อความปลอดภัยจึงได้ให้คนไปแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวันก่อนแล้ว และและมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้
รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวต่อว่า ตนเองมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญก็คือบริเวณย่านธุรกิจสยามสแควร์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าอาคาร พร้อมกับมีการเพิ่มอัตราค่าเช่าให้สูงขึ้นตามความเป็นจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการศึกษาของทางมหาวิทยาลัย จึงทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์บ้าง จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องกันตั้งแต่ต้นปี 48 แต่ก็สามารถตกลงกันได้แล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และต่อสัญญากันไปแล้ว ยังเหลืออีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ทั้งนี้ที่บริเวณย่านสยามสแควร์ซึ่งถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมีการปล่อยให้เช่าหลายชั้น หลายขั้นตอน อันดับแรกคือเป็นผู้เช่าตามสัญญา กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เซ็นสัญญาเช่ากับทางมหาวิทยาลัย จ่ายให้ทางจุฬาฯ ในราคาหนึ่ง และปล่อยให้เช่าต่ออีกเป็นทอดๆ จนถึงกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผู้ค้าจริงที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ที่ต้องจ่ายค่าเช่าในราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว
เมื่อทางจุฬาฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนราคาตามความเป็นจริงในปัจจุบันซึ่งจะสูงขึ้นมากกว่าราคาที่ให้เช่าในอดีต เช่น จาก 30,000 บาท เป็น 1.5 แสนบาท แล้วแต่ทำเลของสถานที่ราคาก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นการทำสัญญาใหม่ ทางจุฬาฯ จึงต้องการดูแลให้สิทธิผู้ขายจริง เพื่อตัดปัญหาของการให้เช่าต่อหลายทอด ด้วยเหตุนี้จึงอาจะทำให้มีคนบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พอจะสามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มคนมีสี หรือคนกลุ่มใดที่โทรมาข่มขู่ และมีการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอารักขาหรือไม่ รศ.ดร.บุญสม กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับหน้าที่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.47 ต้องดูแลพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มากมาย ไม่ใช่เพียงแต่สยามสแควร์เท่านั้น ยังมีอีกหลายพื้นที่ จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มไหน ส่วนการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่นั้นยังไม่ได้ร้องขอ มีเพียงทางมหาวิทยาลัยที่จัดเจ้าหน้าที่ รปภ.อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องปรึกษากับทาง พ.ต.ท.อาคม เสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งได้สั่งการให้ทางฝ่ายสืบสวนพยายามสืบหาสาเหตุว่าเป็นการขัดผลประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากมีเรื่องรายได้มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ก็ได้สั่งให้ทางฝ่ายสืบสวนเกาะติดกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งติดต่อขอเทปจาก รศ.ดร.บุญสม ส่งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานพิสจน์หาที่มาที่ไปของเสียง คาดว่าน่าจะใช้เวลาพอสมควร
ส่วนกรณีที่จะมีการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ไม่รักษาความปลอดภัยหรือไม่นั้น หลังจากที่มีการแจ้งความไปแล้วทางตนก็ได้ประสานไปยังหน่อยรักษาความปลอดภัยของทางจุฬาฯ บ้างแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าในระหว่างนี้จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปดูแลด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของ รศ.ดร.บุญสม
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.ปทุมวัน รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผกก.สน.ปทุมวัน และ พ.ต.ท.อาคม จันทนราช รอง ผกก.สส. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่ถูกคนร้ายโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต โดยก่อนหน้านี้ได้มอบให้นายสุชาติ ปรุงธัญญะพฤกษ์ เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ต.ธรากร สกุลปิยะเทวัญ ร้อยเวร สน.ปทุมวัน ไปแล้ว
รศ.ดร.บุญสมกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงานทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏว่ามีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาพร้อมกับพูดข่มขู่ว่า “มึงระวังตัวเอาไว้ให้ดี” ซึ่งไม่ได้ตอบโต้กลับไป ในขณะที่ชายคนดังกล่าวได้วางสายไป จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.วันเดียวกัน ขณะที่กำลังนั่งดูการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันอยู่ที่บ้านนั้น มีโทรศัพท์ลึกลับเข้ามาอีก โดยลูกชายเป็นคนรับ และขอสายตน เมื่อออกไปรับสายพร้อมกับกล่าวสวัสดี ก็ได้ยินเสียงผู้ชายทางต้นสายพูดคุยกันว่า “มันอยู่บ้าน” ตนจึงตอบกลับไปว่า “ขณะนี้ได้อัดเทปไว้แล้ว” ชายคนดังกล่าวจึงวางสายไปทันที
ทั้งนี้เท่าที่สังเกตก็พบว่าเสียงของชายดังกล่าวคล้ายกับผ่านเครื่องแปลงเสียง หรือดัดเสียงในการพูด ซึ่งตนคิดว่าเพื่อความปลอดภัยจึงได้ให้คนไปแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวันก่อนแล้ว และและมาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้
รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวต่อว่า ตนเองมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญก็คือบริเวณย่านธุรกิจสยามสแควร์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเจรจาเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าอาคาร พร้อมกับมีการเพิ่มอัตราค่าเช่าให้สูงขึ้นตามความเป็นจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการศึกษาของทางมหาวิทยาลัย จึงทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์บ้าง จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องกันตั้งแต่ต้นปี 48 แต่ก็สามารถตกลงกันได้แล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และต่อสัญญากันไปแล้ว ยังเหลืออีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ทั้งนี้ที่บริเวณย่านสยามสแควร์ซึ่งถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล โดยมีการปล่อยให้เช่าหลายชั้น หลายขั้นตอน อันดับแรกคือเป็นผู้เช่าตามสัญญา กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เซ็นสัญญาเช่ากับทางมหาวิทยาลัย จ่ายให้ทางจุฬาฯ ในราคาหนึ่ง และปล่อยให้เช่าต่ออีกเป็นทอดๆ จนถึงกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มผู้ค้าจริงที่ขายอยู่ในปัจจุบัน ที่ต้องจ่ายค่าเช่าในราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว
เมื่อทางจุฬาฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนราคาตามความเป็นจริงในปัจจุบันซึ่งจะสูงขึ้นมากกว่าราคาที่ให้เช่าในอดีต เช่น จาก 30,000 บาท เป็น 1.5 แสนบาท แล้วแต่ทำเลของสถานที่ราคาก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นการทำสัญญาใหม่ ทางจุฬาฯ จึงต้องการดูแลให้สิทธิผู้ขายจริง เพื่อตัดปัญหาของการให้เช่าต่อหลายทอด ด้วยเหตุนี้จึงอาจะทำให้มีคนบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พอจะสามารถระบุได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มคนมีสี หรือคนกลุ่มใดที่โทรมาข่มขู่ และมีการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอารักขาหรือไม่ รศ.ดร.บุญสม กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับหน้าที่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.47 ต้องดูแลพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มากมาย ไม่ใช่เพียงแต่สยามสแควร์เท่านั้น ยังมีอีกหลายพื้นที่ จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มไหน ส่วนการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่นั้นยังไม่ได้ร้องขอ มีเพียงทางมหาวิทยาลัยที่จัดเจ้าหน้าที่ รปภ.อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องปรึกษากับทาง พ.ต.ท.อาคม เสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งได้สั่งการให้ทางฝ่ายสืบสวนพยายามสืบหาสาเหตุว่าเป็นการขัดผลประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากมีเรื่องรายได้มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ก็ได้สั่งให้ทางฝ่ายสืบสวนเกาะติดกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งติดต่อขอเทปจาก รศ.ดร.บุญสม ส่งให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานพิสจน์หาที่มาที่ไปของเสียง คาดว่าน่าจะใช้เวลาพอสมควร
ส่วนกรณีที่จะมีการร้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ไม่รักษาความปลอดภัยหรือไม่นั้น หลังจากที่มีการแจ้งความไปแล้วทางตนก็ได้ประสานไปยังหน่อยรักษาความปลอดภัยของทางจุฬาฯ บ้างแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าในระหว่างนี้จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปดูแลด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของ รศ.ดร.บุญสม
