ปัญหานักเรียน-นักเลง ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ที่สั่งสมมาหลายช่วงสถาบันรุ่น.. อุดมคติที่ปลูกฝังมาในทางที่ผิด ถูกนำมาใช้เพื่อการทำลายความสงบสุขของสังคมโดยส่วนรวม เพราะเมื่อทุกครั้งที่ช่างกล-อาชีวะ-เทคโนฯ เปิดภาคการศึกษาใหม่ สถานศึกษากลายเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าบรรดาอันธพาล ที่เปรียบตัวเองเสมือนเป็นนักรบ ที่พร้อมจะแปรสถานที่สาธารณะให้กลายเป็นสนามสงคราม โดยมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เพราะบ่อยครั้งที่พลอยถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากน้ำมือของกลุ่มนักเรียนอันธพาลเหล่านั้น
...ทีมข่าวอาชญกรรมผู้จัดการออนไลน์ จึงขอสรุปเหตุการณ์ "ศึกละเลงเลือด" ที่เกิดขึ้นในรอบปีพอเป็นสังเขปดังนี้
(15 มิ.ย.) ท้องที่ สน.ปทุมวัน เกิดเหตุนักเรียนสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ถ.พระราม 1 เขตปทุมวันถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ คือนายนายศราวุธ สื่อสาร อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/4 ม.2 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง ,นายธีรศักดิ์ ล้ำเหลือหลาย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.2 ต.ท่าคา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
จากการสอบสวนทราบว่าผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนกำลังเดินทางไปยังสถานีรถไฟหัวลำโพง ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด โดยคนร้ายเป็นชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สีและทะเบียน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเชื่อเป็นฝีมือของนักเรียนต่างสถาบัน
วันเดียวกัน ท้องที่สน.ท่าข้าม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจจับกุมตัวคนร้ายได้จำนวน 3 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายมนูญศักดิ์ โอภาสรัศมี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/79 ม.5 ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, นายชานนท์ พัฒนะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/1010 ม.1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และนายธีระยุทธ มะลิวรรณ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/483 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาทั้ง 3 เป็นนักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ซองใส่ปืน 1 ซอง
หลังก่อเหตุยิง นายธนัช ศรียุทธ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/7 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นักศึกษาชั้นปีที่ 2 แผนกช่างไฟฟ้า เทคโนโลยีกรุงธนบุรี ได้รับบาดเจ็บ จากการสอบสวนทราบว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บได้ขึ้นรถเมล์สาย 147 จากหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาบางแค มาลงยังหน้าการเคหะธนบุรีเพื่อต่อรถกลับบ้าน และพบกับกลุ่มผู้ต้องหาก่อนชักปืนออกมายิงใส่ จำนวน 4 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า และพกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
(12 มิ.ย.) ท้องที่สน.ดินแดง ตำรวจเข้าจับกุม นายหนุ่ย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ,นายคณพัฒน์ วงศ์ปิยะอุย อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพและนายชานนท์ สุนทรวิวัฒนา อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังทำร้ายร่างกาย นายเอกไตรภพ ชงเชื้อ อายุ 18 ปี นักศึกษาน้องใหม่ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จนเสียชีวิต เหตุเกิดหน้าผับเล้าโลมใกล้มหาวิทยาลัย
จากการสอบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหานั่งดื่มสุรากับเพื่อน มีทั้งรุ่นพี่มหาวิทยาลัยชื่อดังและเกิดเขม่นกับกลุ่มผู้ตายเรื่องแย่งจีบผู้หญิงโต๊ะข้างๆ แถมเดินชนไหล่ตอนเข้าห้องน้ำจึงเกิดความไม่พอใจกัน ทันทีที่ผู้ตายออกจากร้าน จึงได้ตามไปรุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
(10มิ.ย.) ท้องที่ สน.ดินแดง ตร.ควบคุมตัว นายอรรพล เจษฎาจินต์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในย่านดินแดง พร้อมเพื่อนร่วมชั้น นายเอ (นามสมมุติ )อายุ 17 ปี มาดำเนินคดี หลังก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่บริเวณหน้าสถานบันเทิงโนบาร์ ในย่านหอการค้า โดยใช้อาวุธมีด 2 เล่ม ฟันนายธีระศักดิ์ สาระฆัง อายุ 21 ปี นักศึกษาปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวนทราบว่าผู้บาดเจ็บและเพื่อนกำลังร่ำดื่มสุรา ในร้านดังกล่าว ขณะกำลังเดินออกจากร้าน ได้ถูกนายอรรถพล พร้อมพวกกว่า 10 คนใช้อาวุธมีดไล่ฟัน เป็นเหตุให้ นายธีรศักดิ์เพื่อนที่มาด้วยกันได้รับบาดเจ็บสาหัส
วันเดียวกัน ท้องที่สน.หัวหมาก เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงกันที่บริเวณหน้าร้านส้มตำ ปากซอยรามคำแหง 1 ถ.รามคำแหง แขวงและเขตสวนหลวง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะผู้บาดเจ็บพร้อมกับเพื่อนนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย กำลังชื้อส้มตำอยู่ที่ร้านขายส้มตำดังกล่าว จังหวะนั้นได้มีกลุ่มนักศึกษาคู่อริ ไม่ทราบสถาบัน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีดำ โดยคนซ้อนท้ายได้กราดยิงเข้าใส่ ส่งผลให้นางสาวสุปรียา วงศ์เคน อายุ 36 ปี เจ้าของร้านและนายสฤษดิ์ จันทร์หอม อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย ได้รับบาดเจ็บ
(7 มิ.ย.) ท้องที่สน.มีนบุรี เกิดเหตุนักเรียนช่างกลยิงกันบริเวณป้ายรถประจำทางหน้าหมู่บ้านรุ่งนภาเพลส ถนนร่มเกล้า แขวงและเขตมีนบุรี กทม. พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายฉัตรธวัช จงรวมกลาง อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ปวช.ปี 2 โรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ ถูกกระสุนลูกปรายจากปืนลูกซองเข้าที่ลำตัว 3 รู โดยมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุทธิรักษ์ ชูจันทร์ อายุ 17 ปี และนายพงษ์นรินทร์ มะอาดเลิศ อายุ 17 ปี โดยทั้งหมดเรียนอยู่ที่โรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่กลุ่มผู้ตายยืนรอรถเมล์เพื่อเดินทางไปโรงเรียนกับเพื่อนรวม 5 คน ระหว่างนั้นมีคนร้ายเป็นวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิค ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับเสื้อยืดสีน้ำเงิน ที่ปักโลโก้วิทยาลัยกาญจนาภิเษกมหานคร ชักอาวุธปืนลูกซองออกมายิงใส่กลุ่มผู้ตาย 1 นัด ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
(3 มิ.ย.) ท้องที่ สภ.อ.เมืองสมุทรปราการ นักเรียนโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงเทพ และนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ก่อเหตุยกพวกตะลุมบอนกันอย่างชุลมุน ภายในตลาดปากน้ำพร้อมรวบตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ 3 คน ยึดของกลางเป็นมีดดาบยาว ประมาณ 24 นิ้ว จำนวน 3 ด้าม
จากการสอบสวนทราบว่า รุ่นน้องร่วมสถาบันกำลังถูกนักเรียนโรงเรียนคู่อริรุมทำร้ายอยู่ จึงรีบกลับไปเอามีดดาบ และเข้าไปช่วยรุ่นน้องจึงเกิดการตะลุมบอนอันขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
(30 พ.ค.) ท้องที่ สภ.อ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกมีดฟันจำนวน 3 รายคือ นายวัชระพงษ์ กิ่งโพธิ์ อายุ 16 ปี , นายสุรสิทธิ์ คำบัวโครต อายุ 16 ปี ,นายธเณศ พ่วงปาน อายุ 17 ปีและนายอรรถพล วรรณสุข อายุ 15 ปี ทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้น ปวช. 1 แผนกช่างกลโรงงาน วิทยาลัยดังแห่งหนึ่งย่านปากน้ำ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุหลังเลิกเรียน กลุ่มนักเรียนผู้บาดเจ็บนั่งรถโดยสารสองแถววิน 36 กลับบ้านประมาณ 10 คน มาถึงป้ายรถเมล์ตลาดปากน้ำ หน้าศูนย์บริการร่องน้ำ ต.ปากน้ำ อ.เมือง พบกับกลุ่มนักเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งย่านบางจาก ประมาณ 10 คน พร้อมอาวุธครบมือเดินตรงเข้ามาหาและเปิดฉากไล่ฟันกลุ่มนักเรียนต่างสถาบันจนได้รับบาดเจ็บ
(26 ก.พ.) ท้องที่ สน.พญาไท รับแจ้งเหตุนายธนวัฒน์ คัมภีร์ อายุ 23 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวัน ชั้นปีที่ 1 อยู่บ้านเลขที่ 49 ซอยส.เกียรติชัย 2 แขวง และเขตห้วยขวาง กทม. ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่บริเวณสะโพก 2 นัด และหน้าท้อง 1 นัดได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีกลุ่ม วัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันวิ่งตามกันมาจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว สันนิษฐานเป็นฝีมือนักเรียนคู่อริ
( 11 ก.พ.48 ) ท้องที่ สภ.ต. สำโรงเหนือ นักเรียนช่างกล จำนวน 30 คน ประกอบด้วยนักเรียนจากโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงเทพ จำนวน 5 คน นักเรียนวิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการจำนวน 10 คน และวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการจำนวน 15 คน ซึ่งเข้ารับการอบรมและทำโทษโดยการให้ออกกำลังกายเพื่อละลายพฤติกรรม แต่ได้ก่อเหตุยกพวกเข้ารุมทำร้ายกัน 3 จุดคือจุดแรก บริเวณป้ายรถประจำทางด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ จุดที่สองบนรถประจำทางสาย 365 ปากน้ำ-ศรีเอี่ยม พร้อมของกลางเป็นอาวุธมีดยาว 15 นิ้ว จำนวน 4 เล่ม ระเบิดพาสติก จำนวน 2 ลูก จุดที่สามด้านหน้าห้างอิมพีเรียลสาขาสำโรง จับกุมผู้ก่อเหตุเป็นเด็กนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการจำนวน 15 คน พร้อมของกลางเป็นมีดยาว 15 นิ้ว จำนวน 3 เล่ม แป๊บเหล็กจำนวน 1 อัน มีดคัดเตอร์ จำนวน 3 เล่ม และอาวุธปืนปลอม จำนวน 1 กระบอก
(10 ก.พ.) ท้องที่ สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุ กลุ่มนักเรียนช่างกลอาชีวะยกพวกรุมทำร้ายกัน ที่ ถ.พหลโยธิน บริเวณป้ายรถเมล์ ซึ่งอยู่เยื้องกับ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ สาขารัชโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อนายวรวุฒิ วงศ์สุข อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 710/30 ม.12 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. อดีตนักเรียนโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ สภาพศพ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดลูกซอง เข้าที่หน้าอก 1 นัด นำส่งที่โรงพยาบาลเมโย
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตาย พร้อมเพื่อน กำลังจะกลับบ้านพัก ขณะเดินข้ามสะพานลอยไปยังฝั่งตรงกันข้ามโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ได้มีกลุ่มนักเรียนต่างสถาบันบุกเข้ามารุมทำร้าย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนถูกนายวรวุฒิเสียชีวิตทันที
(1 ม.ค.) ท้องที่สน.พระโขนง นักเรียนโรงเรียนเทคโนโลยีกรุงเทพประมาณ 60 คนนั่งรถเมล์เพื่อกลับบ้านย่านลาดกระบัง ถูกกลุ่มนักเรียนที่มีประมาณ 20 คน คู่อริขว้างปาระเบิดปิงปองขึ้นมาบนรถเมล์ประจำทางและชักอาวุธปืนยิงเข้าใส่ 6 นัด กระสุนถูกนายธีรยุทธ เอี่ยมยิ้ม นักเรียนชั้น อายุ 17 ปี ปวช.ปี 1 แผนกช่างกล เสียชีวิต ขณะที่นายจักรพันธ์ มาประชุม นักเรียน อายุ 18 ปี ปวช.ปี 2 แผนกช่างกลโรงงานถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และสามารถควบคุมวัยรุ่นที่ก่อเหตุจำนวน 4 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปาระเบิดและก้อนหินขึ้นไปบนรถ มาสอบปากคำ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงศึกษาธิการ และ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ออกมาแถลงถึงความสำเร็จ ของแผนยุทธการป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท ของนักเรียนอาชีวะได้เพียงวันเดียวเท่านั้น
*** อีกกี่ศพ วีรกรรมน่าสมเพช ถึงจะยุติ***
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยปรารภให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการอย่างเด็ดขาด ถ้าพ่อแม่เลี้ยงไม่ไหว จะส่งเข้าค่ายทหาร เพราะบางครั้งพ่อแม่เอาไม่อยู่ แต่จะใช้ความรุนแรงอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบ โรงเรียนก็ต้องดูแล ครูผู้ปกครองต้องดูแลนักเรียน
ด้านตร.ก็ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมกำหนดโรงเรียนเป้าหมายทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่กลุ่มเสี่ยงมีจำนวนทั้งสิ้น 20 โรงเรียน ในพื้นที่ฝั่งเหนือคือ เขตมีนบุรี บางเขน หัวหมาก ลึกถัดเข้ามาพื้นที่ชั้นใน คือ เขตดอนเมือง ส่วนฝั่งธนบุรี มีพื้นที่บางขุนเทียน และท่าพระ โดยจะขอความร่วมมือจากสถานศึกษาในการเข้าตรวจค้นหาอาวุธในโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ทั้งบริเวณด้านในและรอบนอก
“นอกเหนือจากมาตรการข้างต้นที่กล่าวมา จะมีการนำมาตรการที่เคยใช้แล้วได้ผล เช่น การหยุดเรียน สั่งปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้บริหารดูแลนักเรียนในสังกัดให้ดีขึ้น รวมทั้งการเสนอตัดงบประมาณสนับสนุนให้กับโรงเรียนที่มีปัญหา”
*** 3 เดือนอันตราย ลั่นกลองศึก****
สถิติบช.น.ถึงการรับแจ้งเหตุนักเรียนตีกันในรอบปี พ.ศ.2547 ที่ผ่านมา จะพบว่าช่วงเดือน มิ.ย.ถึงเดือน ส.ค.ถือเป็นช่วง 3 เดือนที่มีสถิติการตีกันมากที่สุด คือในเดือน มิ.ย.ถือเป็นช่วงเปิดเทอม จับกุมนักเรียนที่เตรียมก่อเหตุ และกำลังก่อเหตุได้ 904 ครั้ง เดือน ก.ค.843 ครั้ง และเดือน ส.ค.มากที่สุด คือ 952 ครั้ง รวมสถิตินักเรียนตีกันในรอบปีที่ผ่านมา 5,412 ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลดังกล่าวกับช่วงปิดเทอม สถิติที่พบมีความแตกต่างกันมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำสถิติที่ได้มาเป็นข้อมูลในการกำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการก่อเหตุ
“สถาบันครอบครัวสำคัญที่สุดในการช่วยดูแลสอดส่องเด็กเหล่านี้ หากเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่าผู้ปกครองปล่อยปละละเลย หรือเพิกเฉยหลังบุตรหลานมีส่วนในการกระทำผิด จะพิจารณานำ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กเอาผิดกับผู้ปกครองด้วย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญของสังคม”
แม้ว่าเด็กกระทำผิดไม่ร้ายแรง แต่หากปล่อยให้กลับสู่สังคมสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ แล้วพบว่าเด็กมีแนวโน้มที่จะกลับมาก่อให้เกิดปัญหาได้อีก ก็อาจพิจารณาส่งตัวไปอบรมที่สถานพินิจเสียก่อน รวมถึงข้อหาอุกฉกรรจ์ อาทิ ฆ่าหรือพยายามฆ่า ตลอดจนพฤติการณ์ความผิดที่รุนแรงสลับซับซ้อน ก็จะถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว...เหล่านี้คือมาตราการที่จะรับมือศึกละเลงเลือดในช่วงเปิดภาคเรียนประจำปี 2548 ก็ได้แต่หวังว่าทั้งภาครัฐและสถาบันครอบครัว จะร่วมกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน ลด-ละ-เลิก ก่อความเดือดร้อนให้กับตัวเองและสังคมตลอดไป