ก.ตร.เห็นชอบโยกย้ายนายตำรวจตามโครงสร้างใหม่ “สุเมธ” นั่ง 191 แทน “คำรณวิทย์” ที่ถูกโยกไป บก.เด็กและสตรี ประสาน “ปวีณา” ขณะที่ “บุญส่ง” ผงาดข้ามห้วยจากอ่างทอง นั่ง บก.น.7 อารักขาบ้านจันทร์ส่องหล้า ส่วน “ภาณุรัตน์” พลิกล็อกข้ามห้วยนั่งแท่นผู้การอ่างทอง
วานนี้ (15 มิ.ย.) พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งติดราชการ โดยที่ประชุมได้ถกเถียงกันถึงตัวบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งให้หน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่บางราย ซึ่งใช้เวลานานก่อนที่จะลงมติเป็นเอกฉันท์ ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้หารือกันถึงงบประมาณและปัญหาความไม่สงบในภาคใต้อีกด้วย
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในช่วงแรกมีการประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐานการลงทัณฑ์ทางวินัยเพื่อรองรับโครงสร้างใหม่ ก.ตร.จึงได้กำหนดกรอบเพื่อให้ทุกหน่วยถือเป็นแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปลงโครงสร้างใหม่ โดยกลุ่มผู้บัญชาการ (ผบช.) 4 ตำแหน่งที่หน่วยงานเดิมถูกยุบก็แต่งตั้งให้ไปอยู่หน่วยใหม่ ส่วนตำแหน่งรอง ผบช.มีเพียง 18 ตำแหน่ง และผู้บังคับการมีเพียง 19 ตำแหน่ง เท่านั้นที่มีการปรับเกลี่ยไปอยู่ที่ใหม่ นอกจากนั้นยังคงอยู่ที่เดิม
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พรชัย พันธ์วัฒนา ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ไปเป็นผู้บัญชาการสำนักอำนวยการและยุทธศาสตร์ (อำนวยการ), พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ไปเป็นผู้บัญชาการสำนักตรวจสอบภายใน, พล.ต.ท.ชนุเดช พุทธานานนท์ ผู้บัญชาการสำนักงานแผนงานและนโยบาย เป็นผู้บัญชาการสำนักอำนวยการและยุทธศาสตร์ (ยุทธศาสตร์), พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง เป็นผู้บัญชาการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่วนตำแหน่งของ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่งานกฎหมายและสอบสวน) ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนชื่อเป็นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน เหมือนตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานวิทยาการตำรวจที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ ก็ให้ พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี เป็นผู้บัญชาการ เพียงแต่ท่านอยู่ระหว่างช่วยราชการเนื่องจากการสอบสวนทางวินัยยังไม่เสร็จ นอกจากนี้ตำแหน่งแพทย์ใหญ่ซึ่ง พล.ต.ท.ภาสกร รักษ์กุล ถูกสำรองราชการก็ยังไม่แต่งตั้งใครมาแทน โดยจะไปพิจารณาในวาระประจำปีครั้งเดียว
“สำหรับตำแหน่งผู้บังคับการที่พิจารณา อาทิ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) ปรับย้ายเป็นผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ป.4) ซึ่งเป็น บก.เกิดใหม่ และให้ย้าย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7) ไปแทน พร้อมทั้งโยก พล.ต.ต.บุญส่ง พานิช อัตรา ผบก.จ.อ่างทอง เป็น ผบก.น.7 และ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผบก.ดับเพลิง เป็น ผบก.จ.อ่างทอง ส่วน พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ รักษาการ ผบก.ปัตตานี และ พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ รักษาการ ผบก.จ.สตูล นั้นให้รักษาการต่อไปก่อน โดยจะแต่งตั้งอีกครั้งวาระประจำปี” พล.ต.อ.โกวิทกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ ผบก.น.7 รับผิดชอบดูแลบ้านจันทร์ส่องหล้าของนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานได้ดีจนเป็นที่พอใจ จึงได้รับบำเหน็จความดีความชอบ ทั้งที่เดิมที่การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหลักนั้นจะมีการพิจารณาในวาระประจำปีในเดือนตุลาคมเพียงคราวเดียว ส่วน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ที่มีความใกล้ชิดกับนางปวีณา หงสกุล ซึ่งดูแลงานด้านเด็กและสตรี เพื่อให้การประสานงานระหว่างฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำเป็นไปอย่างราบรื่น จึงถูกโยกไปเป็น ผบก.ป.4 ทำให้ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ ที่เดิมทีถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งดังกล่าวต้องถูกโยกไปเป็น ผบก.ภ.จว.อ่างทอง แทนที่ พล.ต.ต.บุญส่ง เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.ชิดชัย ที่ถูกย้ายข้ามห้วยมาเป็น ผบก.น.7