พล.ต.ต.จรัมพร รอง ผบช.น.แถลงจับ ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ เรียกเก็บเงินค่าที่จอดรถ จากผู้ขับขี่รถสามล้อ บริเวณหน้าตลาดบางแค พร้อมบอกให้เรียก"อันธพาลทางเท้า"แทน มาเฟีย เนื่องจาก มาเฟียดูยิ่งใหญ่เกินไป
วันนี้(14 เม.ย.)ที่ สน.หลักสอง พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.จิรสิทธิ์ มหินทรเทพ ผบก.น.9 และพ.ต.อ.ชัยวรินทร์ เพ็ญสุภา ผกก.สน.หลักสอง ได้แถลงผลการจับกุม นายพีระพันธ์ หรือ ตี๋ หรือ อ๋า แซ่เอี้ย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 602/161 บางแคเหนือ เขตบางแค กทม.ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์
โดยการจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากการสอบสวนทราบว่า นายพีระพันธ์ ร่วมกับนายพูลศักดิ์ หรือ แก่ แซ่ลิ้ม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 5 ต.สันต้นหมื้อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาที่หลบหนีและถูกจับกุมได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่อาย พร้อมนายโทน ไม่ทราบนามสกุล อายุ 30 ปี ชาวกะเหรี่ยง รวม 3 คน ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เรียกเก็บเงินจากผู้ขับขี่รถสามล้อสาธารณะบริเวณหน้าตลาดบางแค ถนนเพชรเกษม โดยอ้างว่าเป็นค่าจอดรถ ในราคาคันละ 20 บาท ซึ่งหากผู้ใดไม่จ่าย ก็จะถูกข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย ตำรวจ สน.หลักสอง จึงจัดชุดสืบสวนจับกุม และพบว่าผู้ต้องหา ได้ทำการเรียกเก็บเงินจากผู้ขับขี่รถสามล้อ บริเวณดังกล่าว และจับกุมได้เมื่อวานนี้(13 เม.ย)
ด้านนายพีระพันธ์ ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า ตนเรียกเก็บเงินค่าจอดรถจริงในราคาคันละ 20 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนตกงาน นายพูลศักดิ์ จึงชักชวนให้มาเก็บเงินค่าที่จอดรถ โดยจะได้รับค่าจ้างวันละ 200 บาท ส่วนเงินที่เก็บได้แต่ละวันประมาณ 1,000 บาท ก็จะนำไปให้นายพูลศักดิ์ และหากนายพูลศักดิ์ ไม่อยู่ก็จะฝากไว้กับ นายโทน โดยจะมีรถสามล้อในจุดดังกล่าว ประมาณ 60-70 คัน และจะทำในช่วงเวลา 02.00 น.ถึงเช้า ส่วนเวลาอื่นจะมีกลุ่มอื่นมาเรียกเก็บหรือไม่ ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ตนไม่เคยใช้กำลังทำร้ายผู้ใด แต่จะเป็นที่รู้กันในหมู่คนขับสามล้ออยู่แล้ว ว่าจะต้องจ่ายเงิน
พล.ต.ต.จรัมพร กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่จับได้เนื่องจากมีกลุ่มผู้ขับขี่สามล้อหน้าตลาดบางแค มาร้องเรียนว่ามีการข่มขู่เพื่อเอาเงินค่าจอดรถ จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา โดยพบว่า ผู้ต้องหาร่วมกับ นายโทน ชาวกะเหรี่ยงที่หลบหนี เก็บเงินได้วันละ 900-1,000 บาท ส่งให้กับนายพูลศักดิ์ หรือ แก่ เจ้าของเขียงหมูในตลาด ซึ่งต่อมานายพูลศักดิ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่อาย จับกุมได้แล้ว เหลือเพียงนายโทน ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งจะเร่งติดตามจับกุมต่อไป ส่วนผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โดยจะดำเนินคดีแบบต่างกรรม ต่างวาระ คือ ทำผิด 1 ครั้ง ก็ถือเป็น 1 คดี
รอง ผบช.น.ยังฝากถึงประชาชนว่า อยากให้เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่กระทำความผิดหรือ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อทำการตรวจสอบให้ชัดเจน สำหรับการตรวจยึดทรัพย์สินนั้น ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดเป็นขบวนการ ตั้งตัวเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ในลักษณะกรรโชกทรัพย์ ก็จะถือว่าเข้าข่ายความผิดมูลฐาน ตาม กม.ฟอกเงิน และจะประสานให้ ปปง.ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
พล.ต.ต.จรัมพร กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหาจะทำการข่มขู่ให้กลัวหรือไล่ไม่ให้จอดรถ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะให้ตำรวจเข้าไปจัดระเบียบให้ดี ไม่ให้ใครเข้าไปรังแก โดยตนไม่อยากให้เรียกว่า เป็นมาเฟีย น่าจะใช้คำว่า"อันธพาลทางเท้า"เพราะคำว่ามาเฟีย ฟังดูยิ่งใหญ่เกินไป ไม่น่าจะมีพฤติกรรมอย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่มีการร้องเรียน ในรายงานโทรทัศน์ว่ามีปัญหากับพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.จรัมพร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาใดๆและยังไม่มีการร้องเรียนให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด อีกทั้งทุกคนก็ยังทำหน้าที่ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการแถลงข่าวอยู่นั้น ได้มีกลุ่มผู้ขับรถสามล้อที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถือป้ายแสดงความยินดี ที่สามารถจับกุมผู้เรียกเก็บเงินได้ พร้อมกับนำพวงมาลัยมามอบให้กับ พล.ต.ต.จรัมพร และพล.ต.ต.จิรสิทธิ์ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานอีกด้วย